โรคผิวหนัง คัน เป็นตุ่ม คืออะไร รักษาอย่างไรดี

โรคผิวหนัง คัน เป็นตุ่ม คืออะไร รักษาอย่างไรดี

อ่านแล้ว 2 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

โรคผิวหนัง คัน หรืออยู่ๆ ก็มีตุ่มเกิดขึ้นตามร่างกาย พบได้บ่อยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และสามารถเรียกอาการที่เกิดขึ้นนี้ว่าโรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ หรือโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ได้เช่นกัน อาการคัน หรือเป็นตุ่ม เกิดขึ้นได้หลายปัจจัยทั้งพันธุกรรม รวมถึงไปสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัวด้วย

อาการคันและมีตุ่มตามผิวหนัง เป็นสัญญาณของโรคอะไรได้บ้าง

อาการคันร่วมกับการเกิดตุ่มหรือผื่นบนผิวหนังนั้น หากดูแลรักษาไม่ถูกวิธี อาการเหล่านี้อาจลุกลามและนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนได้โดยกลุ่มโรคผิวหนังที่พบบ่อยๆ มีดังนี้

  • กลุ่มผื่นภูมิแพ้และลมพิษ: เช่นโรคผื่นแดง (Erythemas), ลมพิษ (Urticaria), และผื่นแพ้ยาชนิดต่างๆ (Drug eruptions)
  • โรคกลุ่มที่เป็นผื่นแดงลอกเป็นสะเก็ดหรือขุย (Papulosquamous diseases) เช่น โรคสะเก็ดเงิน และโรคผื่นขุยกุหลาบ เป็นต้น
  • กลุ่มโรคติดเชื้อทางผิวหนัง: เช่น โรคติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และโรคจากปรสิต เป็นต้น
  • กลุ่มโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง: เช่น โรค เอส แอล อี(SLE) รวมถึง โรคพุพองกลุ่ม Bullous pemphigoid
  • โรคผิวหนังอักเสบเอกซิมา(Eczema): ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ โรคเอกซิมาที่เกิดจากปัจจัยภายใน (Endogenous eczema) และโรคเอกซิมาที่เกิดจากปัจจัยภายนอก (Exogenous eczema)
  • โรคมะเร็งผิวหนัง (Skin malignancy)

สาเหตุของอาการคันและตุ่มตามผิวหนังเกิดจากอะไรได้บ้าง

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคัน รวมถึงมีตุ่ม มาจากหลากหลายปัจจัย ทั้งทั้งปัจจัยภายในร่างกายนั่นคือ พันธุกรรม เช่น พ่อ แม่ รวมถึงญาติพี่น้องอาจเป็นโรคภูมิแพ้ และปัจจัยภายนอก คือสภาพแวดล้อม และสภาพอากาศ เช่น อากาศหนาว ทำให้ผิวหนังแห้งและคันเป็นผื่น รวมถึงอากาศร้อน ทำให้เหงื่อออกมาก เกิดอาการคันและเกิดผื่นได้เช่นกัน นอกจากนี้อาการอาจเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นๆ เพิ่มเติม คือ ได้แก่

  • การติดเชื้อ: เชื้อโรค อย่างเช่น แบคทีเรีย และเชื้อรา ที่อาจแทรกซ้อนทำให้เกิดการติดเชื้อบนผิวหนัง ทำให้ผิวหนังที่อักเสบ หรือมีตุ่มอยู่แล้วกำเริบมากขึ้น ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษา
  • การระคายเคืองจากเสื้อผ้า: เสื้อผ้า เครื่องนุ่มห่ม และเครื่องประดับที่มีขน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสื้อผ้าที่ทำจากขนสัตว์ หรือผ้าที่มีเนื้อหยาบจะทำให้เกิดการระคายเคืองและเกิดอาการคันเพิ่มเติมได้
  • สารเคมีในผลิตภัณฑ์ประจำวัน: สบู่ ครีม โลชั่น และผงซักฟอกที่ใช้เป็นประจำ อาจมีส่วนประกอบที่ก่ออาการระคายเคืองแก่ผิวหนังทำให้เกิดอาการคันและตุ่มได้ง่าย
  • พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์: พฤติกรรมทั้งการรับประทานอาหารบางชนิด รวมถึงความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ อาการทางผิวหนังกำเริบได้เช่นกัน
อาการคันที่เกิดจากโรคผิวหนังชนิดต่างๆ

อาการทางผิวหนังแบบไหนที่ควรไปพบแพทย์

อาการของโรคผิวหนัง ส่วนใหญ่จะมีอาการคัน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่มีส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต เช่น ทำให้นอนไม่หลับ หรือเกิดความรำคาญ การคันและเกาอาจทำให้อาการกำเริบมากขึ้น จนเกิดเป็นวงจร ซึ่งหากสังเกตุตัวเองแล้วว่ามีอาการที่น่ากังวลดังนี้ควรไปพบแพทย์

  1. ผื่นแดงคันตามข้อพับ เช่น ข้อพับแขน ข้อพับขา คอ รักแร้ ขาหนีบ และร่องก้น
  2. ผื่น หรือตุ่มคันตามแขน และขา 2 ข้าง ในบางรายอาจเกิดขึ้นเพียงข้างเดียว
  3. การเกิดดวงหรือวงขาวบริเวณแก้ม แขน ขา หรือลำตัว อาจเป็นวงเดียวหรือหลายวง
  4. ผื่นคันสีแดงหรือน้ำตาลบริเวณศอก เข่า และต้นคอ
  5. ผื่นแดงลอกเป็นสะเก็ดที่นิ้วมือ นิ้วเท้า ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้า
  6. ริมฝีปากแดง แห้ง และลอกเป็นขุย
  7. ตุ่มนูนบริเวณรูขุมขนส่วนแขน และขา เป็นต้น

วิธีรักษาโรคผิวหนัง คันและเป็นตุ่ม

เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคผิวหนัง จะมีวิธีการรักษาตามลักษณะและความรุนแรงของอาการ ดังนี้

 

วิธีที่ 1 การใช้ยารับประทานเพื่อลดอาการคัน

แพทย์อาจสั่งยาต้านฮิสตามีน (Antihistamine) เพื่อช่วยลดอาการคันโดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยตัดวงจรการเกาที่ยิ่งทำให้อาการของผื่นรุนแรงขึ้น วันละ 2-3 ครั้งติดต่อ เว้น 5-7 วัน

 

วิธีที่ 2 กรณีที่มีอาการโรคผิวหนังรุนแรง

สำหรับผื่นที่มีอาการอักเสบ, บวม, แดงในระดับปานกลางถึงรุนแรง ซึ่งการดูแลเบื้องต้นไม่สามารถควบคุมอาการได้ แพทย์อาจพิจารณาจ่ายยาทากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Topical Corticosteroids) ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบของผิวหนังโดยตรง ช่วยให้อาการบวมแดงและคันลดลงอย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ ยาประเภทนี้มีความแรงหลายระดับและอาจมีผลข้างเคียงได้หากใช้ไม่ถูกต้อง จึงจำเป็นต้องใช้ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

 

วิธีที่ 3 กรณีที่มีตุ่มหนองเกิดแทรกซ้อนบนตุ่มหรือผื่นแดง

หากสังเกตเห็นว่าผื่นหรือตุ่มเดิมมีการเปลี่ยนแปลง โดยมี "ตุ่มหนอง" สีขาวหรือเหลืองเกิดขึ้น อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน (Secondary Bacterial Infection) ซึ่งมักเกิดจากการเกาจนผิวหนังเกิดเป็นแผลและมีเชื้อโรคเข้าไป ในกรณีนี้ จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อรับยาปฏิชีชีวนะ ทั้งในรูปแบบยาทาหรือยารับประทาน เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรงของการติดเชื้อนั้น การปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษาอาจทำให้อาการลุกลามและรุนแรงขึ้นได้

 


วิธีการป้องกันและดูแลเบื้องต้น

โดยทั่วไปโรคผิวหนัง คัน เป็นตุ่ม จะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย จึงควรมีการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น หรือมีอาการรุนแรงสำหรับผู้ที่เป็น โดยควรป้องกันตัวเองดังนี้

 

วิธีที่ 1 หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยงที่ทำให้อาการกำเริบ

เช่น สถานที่เย็นจัด หรือร้อนจัด รวมถึงไม่ควรอยู่ในสถานที่อับชื่น เพราะความชื่นจะยิ่งทำให้ผิวระคายเคืองได้

สบู่อาบน้ำทำความสะอาดผิว

วิธีที่ 2 อาบน้ำทำความสะอาดผิวเพื่อชำระสิ่งสกปรกที่อยู่ตามผิว

โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำที่อ่อนโยนต่อผิว และที่เหมาะกับสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย และไม่ควรขัดหรือถูกผิวรุนแรงจนเกินไป

สำหรับผิวธรรมดา ผิวมัน แนะนำ Eucerin pH5 SENSITIVE SKIN WASHLOTION โลชั่นอาบน้ำช่วยถนอมผิว สำหรับผู้ผิวธรรมและแพ้ง่าย คงสมดุลในการปกป้องชั้นผิว pH5 Enzyme Protection เสริมเกราะปกป้องผิวจากธรรมชาติผสานซิเตรตบัฟเฟอร์ เข้าฟื้นบำรุงและเสริมการทำงานของเอนไซม์ในผิว ให้ผิวกลับรู้สึกแข็งแรงขึ้น เสริมเกราะปกป้องผิว เพิ่มความชุ่มชื้นป้องกันผิวแห้งเสีย สามารถใช้เป็นประจำทุกวันแม้ผิวเด็กทารก

สำหรับผิวแห้งมาก และเป็นผื่นภูมิแพ้ แนะนำ Eucerin OMEGA ATO-CALMING BATH & SHOWER OIL ผลิตภัณฑ์ออยล์อาบน้ำสำหรับผู้มีอาการผิวแห้งระคายและมีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ที่ต้องเริ่มดูแลผิวตั้งแต่การอาบน้ำ เพื่อลดปัญหาผิวระคายจากผิวแห้ง เสริมเกราะป้องกันผิวลดโอกาสเกิดผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ด้วย Omega Oil 3 และ 6 ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว และ Polidocanol ลดปัญหาผิวระคายอย่างมีประสิทธิภาพ พิสูจน์แล้วปลอดภัยสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด

โลชั่นบำรุงผิว

วิธีที่ 3 ทาโลชั่นบำรุงผิวทุกครั้งหลังอาบน้ำเพื่อเติมความชุ่มชื่นให้ผิว

สำหรับผิวที่มีลักษณะแห้งมาก แนะนำให้ใช้โลชั่น Eucerin UREA REPAIR SOOTHING SCENT 5% UREA MOISTURIZING LOTION เป็นโลชั่นที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งมาก ลอกเป็นขุย ช่วยฟื้นบำรุงผิวกายแห้งกร้านให้มีสุขภาพดีขึ้น เติมน้ำสู่ผิว ให้ผิวชุ่มชื้นยาวนานถึง 48 ชั่วโมง เนื้อโลชั่นซึมซาบเข้าสู่ผิวได้เร็วไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถใช้ผิวได้เป็นประจำทั้งเช้าและเย็นเป็นประจำได้ทุกวัน มีส่วนผสม ดังนี้

  • Urea และสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติที่มีอยู่ในผิว (NMF) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บกักความชุ่มชื้นของผิว
  • Ceramides ไขมันที่จำเป็นในชั้นผิว เสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรงขึ้น และลดการสูญเสียความชุ่มชื้นออกจากผิว
  • Gluco-Glycerol ที่ช่วยเพิ่มการส่งผ่านโมเลกุลน้ำไปยังผิวได้ล้ำลึก เติมน้ำสู่ผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ยาวนาน

บาล์มทาบำรุงผิวกายสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย ลดอาการคันและแห้ง

สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแห้ง มีอาการแดง หรือคันเนื่องจากผื่นภูมิแพ้ แนะนำ Eucerin OMEGA ATO-CALMING BALM บาล์มบำรุงผิวกาย สำหรับผู้มีปัญหาผิวแห้ง แดง คัน เนื้อสัมผัสบางเบา ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง แดง และการระคายที่มีสาเหตุจากผิวแห้ง ช่วยคืนความชุ่มชื่นและฟื้นบำรุงชั้นปกป้องผิว ให้มีสุขภาพดีขึ้น สามารถใช้ทาเป็นประจำได้ทุกวัน และทาซ้ำได้ในระหว่างวัน ด้วยการออกแบบชนิดพิเศษ ให้เนื้อสัมผัสเบาบาง เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะและไม่ทิ้งความมันตกค้างที่ผิว ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว สามารถให้ความชุ่มชื่นได้ทันที ฟื้นบำรุงทำให้ผิวเรียบเนียน พร้อมเสริมสร้างให้ชั้นปกป้องผิวแข็งแรง อ่อนโยนใช้ได้กับผิวเด็กทารกตั้งแต่แรกเกิด

  • Licochalcone A สารสกัดจากธรรมชาติ ที่ช่วยลดปัญหาผิวแห้งและการระคายเคืองที่มีสาเหตุจากผิวแห้ง
  • Omega 3 & 6 fatty acids และ ceramindes ช่วยเติมไขมันที่จำเป็นเพื่อคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เพื่อฟื้นบำรุงชั้นปกป้องผิวให้มีสุขภาพดีขึ้น
  • Shea Butter ที่ช่วยทำให้ชั้นปกป้องผิวแข็งแรง

 

วิธีที่ 4 ใช้ยาแก้แพ้เพื่อควบคุมอาการคัน

ยาแก้แพ้ หรือ ยาต้านฮิสตามีน (Antihistamine), ทำหน้าที่ยับยั้งสาร "ฮิสตามีน" ในร่างกาย ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายหลั่งออกมาเมื่อเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้และเป็นต้นเหตุสำคัญของอาการคันและลมพิษ ยาประเภทนี้มีทั้งในรูปแบบยารับประทานเพื่อลดอาการคันทั่วร่างกาย และยาทาเพื่อบรรเทาอาการคันเฉพาะที่ การเลือกใช้ยาชนิดใดและความถี่ในการใช้ ควรอยู่ภายใต้การพิจารณาของแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด การซื้อยามาใช้เองโดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงอาจทำให้อาการแย่ลงได้

 

วิธีที่ 5 รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ปรับพฤติกรรมและเสริมสร้างความแข็งแรงจากภายใน

การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียวและผลไม้ต่างๆ สามารถช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ ขณะเดียวกัน การพักผ่อนให้เพียงพอก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ร่างกายมีเวลาซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิว ส่วนการจัดการความเครียดจะช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและสุขภาพผิวได้เช่นกัน

 

สำหรับผู้ที่เป็นโรคผิวหนัง คัน หรือมีตุ่ม ควรดูแลตนเองและปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำ ซึ่งจะช่วยให้โรคผิวหนัง อาการคัน หรือตุ่ม ที่เกิดขึ้นลดความรุนแรงลง จนหายไปเองได้ในที่สุด

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง