เนื่องจากผิวหน้าของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน คลีนซิ่ง จึงถูกออกแบบมาให้มีหลากหลายเนื้อสัมผัส เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานและสภาพผิวที่แตกต่างกัน และสำหรับคนเป็นสิว หรือคนที่มีผิวแพ้ง่าย ควรใช้คลีนซิ่งที่เหมาะสมกับผิวของตนเองเป็นพิเศษ เพื่อช่วยปกป้องและฟื้นฟูผิวหน้าดูใส เรียบเนียน สุขภาพดีในทุกวัน
1. คลีนซิ่งแบบน้ำ
เหมาะสำหรับสาวผิวมันและผิวผสม มีลักษณะเป็นน้ำใสๆ ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน ถือเป็นคลีนซิ่งยอดนิยมเพราะใช้งานง่าย แค่เทคลีนซิ่งแบบน้ำลงบนสำลี จากนั้นก็เช็ดตามจุดที่ลงเครื่องสำอางบนใบหน้า จนสำลีไม่มีคราบเครื่องสำอางติดอยู่หรือจนผิวสะอาด ข้อดีของคลีนซิ่งแบบน้ำคือไม่ทิ้งความมันไว้บนใบหน้า ใช้ได้แม้ผิวแพ้ง่ายและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนผิวเป็นสิวหรือผิวแพ้ง่าย เพราะช่วยสลายไขมันส่วนเกินบนใบหน้าและเครื่องสำอางตกค้างฝังลึกได้อย่างหมดจด
2. คลีนซิ่งออย
เหมาะสำหรับผิวแห้งเป็นพิเศษ มีลักษณะเป็นน้ำผสมกับน้ำมัน สามารถล้างเครื่องสำอางออกได้ง่ายดาย ล้างเครื่องสำอางได้ทุกประเภท รวมทั้งเครื่องสำอางแบบกันน้ำด้วย วิธีใช้คลีนซิ่งชนิดนี้ก็ง่าย แค่เทลงบนฝ่ามือแล้วนวดเบาๆ บนใบหน้า จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ข้อดีคือสามารถใช้แทนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดดวงตากับริมฝีปากได้ ข้อเสียคือตัว คลีนซิ่ง อาจทิ้งคราบมันไว้จนเกิดการอุดตันได้ง่าย จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน
3. คลีนซิ่งน้ำนม
เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งถึงผิวธรรมดา คลีนซิ่ง จะมีลักษณะเป็นน้ำสีขาวขุ่นเหมือนน้ำนม ที่ทำความสะอาดเครื่องสำอางได้หมดจด แถมบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น สลายความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกอย่างล้ำลึก วิธีใช้ก็ง่ายแค่กดคลีนซิ่งน้ำนมลงบนฝ่ามือ แล้วนวดเบาๆ ให้ทั่วใบหน้าจนคราบเครื่องสำอางละลายออกจนหมด จากนั้นจึงค่อยใช้สำลีหรือฟองน้ำชุบน้ำแล้วเช็ดออก ทำซ้ำแบบเดิมจนกว่าจะรู้สึกว่าผิวหน้าสะอาดหมดจดแล้วล้างหน้าตามปกติ ข้อดีคือนอกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางแล้ว ยังช่วยบำรุงผิวไปในตัวด้วย
4. คลีนซิ่งชนิดโฟม
เนื้อคลีนซิ่งจะมีลักษณะเป็นโฟม ซึ่งอาจจะไม่ค่อยมีให้เห็นมากนักเนื่องจากเป็นคลีนซิ่งรูปแบบใหม่ ข้อดีคือช่วยลดการใช้สำลีเวลาเช็ดเครื่องสำอาง เป็นคลีนซิ่งที่อ่อนโยนต่อผิวอย่างมาก เพราะเนื้อโฟมที่นุ่มละเอียดช่วยลดการเสียดสีที่ผิวหน้า สามารถนวดและเน้นตามจุดต่างๆ บนใบหน้าและตามซอกมุมได้ดี ทำความสะอาดได้ทั่วถึง ใช้ได้กับทุกสภาพผิว
นอกจากนี้ยังช่วยลดปริมาณการใช้สำลีที่อาจทำให้เกิดการระเคืองบนผิวหน้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเนื้อสำลีนั้นไม่ละเอียดอ่อน ยิ่งเสี่ยงต่อการระคายเคืองซึ่งอาจทำให้ผิวแห้ง ลอก และผิวแพ้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคลีนซิ่งโฟมนั้นอ่อนโยนและผ่านการรับรองโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแล้ว รวมทั้งมีคุณสมบัติช่วยขจัดความมันส่วนเกิน สิ่งสกปรกและเครื่องสำอางตกค้างอย่างล้ำลึก เพราะมีส่วนผสมของไมเซลล่าร์ ก็ยิ่งไม่ต้องเช็ดหรือล้างซ้ำหลายรอบให้เกิดการระคายผิว และควรประกอบด้วยสารบำรุงผิวเพื่อให้ความชุ่มชื้นในระหว่างการทำความสะอาด เช่น ไฮยาลูรอนที่จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น และเสริมเกราะกักเก็บความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นบำรุงให้ผิวมีสุขภาพดียิ่งขึ้น
นอกจากการใช้ คลีนซิ่ง เช็ดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกบนใบหน้าแล้ว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าเหมาะกับสภาพผิว ก็สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวได้เร็วขึ้น รวมถึงช่วยรักษา ปกป้อง และฟื้นฟูผิวได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้นอีกด้วย