
ผิวหนังปกคลุมอยู่ทั่วร่างกายของเรา ซึ่งทำหน้าที่เป็นด่านแรกในการป้องกันอันตรายจากพวกแบคทีเรีย, ไวรัส อีกทั้งยังมีหน้าที่ช่วยควบคุมการสูญเสียน้ำออกจากร่างกาย ควบคุมอุณหภูมิ และรับความรู้สึก
ผิวหนังปกคลุมอยู่ทั่วร่างกายของเรา ซึ่งทำหน้าที่เป็นด่านแรกในการป้องกันอันตรายจากพวกแบคทีเรีย, ไวรัส อีกทั้งยังมีหน้าที่ช่วยควบคุมการสูญเสียน้ำออกจากร่างกาย ควบคุมอุณหภูมิ และรับความรู้สึก
ผิวหนังประกอบด้วย 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis), ชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน (Subcutis) ในแต่ละชั้นจะแบ่งเป็นชั้นย่อยๆอีกหลายชั้น และมีต่อมต่างๆอีกมากมายเช่น ต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน เป็นต้น ซึ่งจะมีหน้าที่แตกต่างกันออกไป
ผิวชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)
ชั้นหนังกำพร้า เป็นชั้นที่อยู่นอกสุด ทำหน้าที่ช่วยปกป้องผิวเราจากสารพิษ, แบคทีเรีย และการสูญเสียน้ำ ชั้นหนังกำพร้านี้จะมีอีก 5 ชั้นย่อย ซึ่งจะมีส่วนในกระบวนการผลัดเซลล์ผิว (Keratinisation) ประกอบด้วย
เซลล์ในhorny layer จะถูกจับยึดกันไว้ด้วยไลปิด แบริเออร์ (lipids barriers) ซึ่งไลปิดเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน และมอยส์เจอไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้น ถ้าผิวของเราขาดไลปิดก็จะทำให้ผิวแห้งหยาบ ลอกเป็นขุย
ชั้นหนังกำพร้าถูกปกคลุมด้วยน้ำและไลปิด ที่เรียกว่า Hydrolipid film ทำหน้าที่ช่วยทำให้ผิวอ่อนนุ่ม และปกป้องผิวจากแบคทีเรีย เชื้อราต่างๆ โดยปกติ hydrolipid film จะถูกรักษาไว้โดยต่อมเหงื่อและต่อมไขมัน
ส่วนที่ประกอบเป็นน้ำของ hydrolipid film ประกอบด้วย
การปกป้องผิวด้วยความเป็นกรดเหล่านี้ ทำให้ผิวมีค่าเป็นกรดอ่อนอยู่ pH 5.4-5.9 ซึ่งมีประโยชน์ดังนี้
ผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis)
ชั้นหนังแท้ เป็นชั้นที่ความหนา และมีความยืดหยุ่น ประกอบด้วย 2 ชั้นย่อยๆ ได้แก่
องค์ประกอบหลักที่พบในชั้นหนังแท้คือ คอลลาเจน และ อิลาสติน, เนื้อเยื่อเกี่ยวพันซึ่งให้ความแข็งแรง และความยืดหยุ่น ช่วยให้ผิวมีสุภาพดี ดูอ่อนเยาว์ เส้นใยเหล่านี้จะถูกตรึงไว้ด้วยสารที่ลักษณะคล้ายเจล หรือสาร hyaluronic acid ซึ่งมีความสามารถในการจับน้ำได้ดี และช่วยรักษาปริมาตรของผิวเอาไว้อีกด้วย
กิจวัตรประจำวัน และปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ มีผลต่อระดับคอลลาเจน อิลาสติน ขณะที่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น การผลิตคอลลาเจน อิลาสติน และความสามารถในการจับกับน้ำของไฮยาลูรอนก็ลดลง ผิวขาดความกระชับ ยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย
อ่านเพิ่มเติมจากเรื่องปัจจัยที่ผลกระทบต่อผิวหนัง, แสงแดดมีผลต่อผิวอย่างไร และริ้วรอย
ผิวหนังชั้นไขมัน (Subcutis)
ชั้นไขมัน จะอยู่ในสุดของชั้นผิวหนัง มักประกอบด้วย
ผิวหนังช่วยป้องกันอันตรายจากภายนอก อีกทั้งยังแสดงถึงความมีสุขภาพดีอีกด้วย
ความเย็น,ร้อน, การระเหยของน้ำในผิว และรังสี: ผิวหนังชั้นนอกสุด (Horny layer) จะทำหน้าที่คอยปกป้องผิวเราจากปัจจัยต่างๆเหล่านี้และจำกัดการระเหยของน้ำออกจากผิว
โดยปกติผิวเราจะมีสารให้ความชุ่มชื่นตามธรรมชาติ (natural moisturising factors(NMFa)) ซึ่งมาจากน้ำมัน ภาวะความเป็นกรดอ่อนที่ผิว และยูเรีย ซึ่งเมื่อรวมกับน้ำในผิวก็จะทำให้ผิวมีความนุ่ม ชุ่มชื่น มีความกระชับยืดหยุ่น ถ้าสิ่งต่างๆที่กล่าวมาเกิดความบกพร่อง หรือลดลงต่ำกว่า 8-10% ก็จะทำให้ผิวแห้ง หยาบกร้าน อาจลอกเป็นขุยได้
เมื่อผิวต้องสัมผัสกับรังสียูวี จะมีการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น ผิวมีความหนามากขึ้น และถ้ามีการสะสมของเม็ดสีเมลานินมากขึ้นเรื่อยๆ อาจเกิดเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำได้ (Hyperpigmentation) อ่านเพิ่มเติมในเรื่อง แสงแดดมีผลอย่างไรต่อผิวหนัง
แรงกดดัน แรงลม และการขีดข่วน: ผิวหนังชั้นหนังกำพร้า ที่อยู่ชั้นบนสุดยังคงทำหน้าที่ในการปกป้องจากสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้น และยังมีเซลล์ไขมันที่อยู่ในชั้นไขมันทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นอีกด้วย เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อหรือเอ็น บริเวณกล้ามเนื้อไม่ให้เกิดการฉีดขาดได้ง่าย
สารเคมี: การที่ผิวหนังที่มีความเป็นกรดอ่อนๆนั้นจะช่วยป้องกันผิวจากสารประกอบเคมีที่มีลักษณะเป็นด่าง อ่านเพิ่มเติมในเรื่องปัจจัยที่มีผลกระทบต่อผิวหนัง
แบคทีเรีย และไวรัส: Horny layer ที่อยู่บนสุดของชั้นหนังกำพร้า มีหน้าที่คอยรักษาสมดุลของภาวะความเป็นกรดอ่อนที่ผิว ซึ่งมีหน้าที่ในการป้องกันอันตรายจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ถ้าเชื้อเหล่านี้สามารถผ่านเข้าไปในร่างกายได้ ร่างกายก็จะมีกลไกในการต่อต้านเชื้อเหล่านี้ดังนั้น Horny layer กับภาวะความเป็นกรดอ่อน จึงเป็นด่านแรกในการปกป้องผิวเรา
ผิวหนังมีหน้าที่ที่หลากหลาย อีกทั้งยังแสดงถึงความมีสุขภาพดีอีกด้วย
เมื่อเกราะปกป้องผิวถูกรบกวน
ผิวหนังมีหลายกระบวนในการฟื้นฟู และซ่อมแซมผิว ซึ่ง stratum basal จะมีบทบาทสำคัญเนื่องจากมีหน้าที่ในกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เช่น