วิธีรักษาสิว และ ลดรอยสิว สำหรับผิวแพ้ง่าย

อ่านแล้ว 1 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

        ปัญหาสิว นับเป็นปัญหาผิวอันดับ 1 ที่ประชากรทั่วโลกมาขอคำแนะนำหรือเข้ารักษากับผู้เชี่ยวชาญมากที่สุด ปัญหาสิวไม่ได้มีเพียงแค่ปัญหาสิวอุดตัน และสิวอักเสบ แต่ยังรวมถึงปัญหารอยสิวที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นรอยดำ รอยแดงสิว หรือหลุมสิว ปัญหาหนักใจที่ตามมาเหล่านี้ ทำให้เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และเสียความมั่นใจ แท้จริงแล้วเราสามารถป้องกันการเกิดปัญหารอยสิว หรือลดความรุนแรงลงได้ เพียงแค่เข้าใจธรรมชาติของการเกิดสิว และดูแลผิวที่เป็นสิวอย่างถูกวิธี

       ส่วนใหญ่คนที่เป็นสิวหรือมีแนวโน้มเป็นสิวจะมีการผลิตน้ำมันใต้ผิวที่มากกว่าปกติ เมื่อน้ำมันส่วนเกินนี้รวมตัวกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว หรือสิ่งสกปรก ฝุ่น และ เครื่องสำอาง จะทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขนขึ้น จนกระทั่งปรากฏเป็นสิวอุดตัน จากขั้นนี้สิวอุดตันก็สามารถพัฒนาต่อเป็นสิวอักเสบได้ หากผิวถูกรบกวนจนทำให้เกิดการระคายเคืองใต้ชั้นผิวมากขึ้น หรือไขมันที่อุดตันอยู่ยังไม่ได้รับการแก้ไขก็ทำให้แบคทีเรียที่อยู่ในผิวหนัง P. Acnes มารวมตัวกันเพื่อจับกินไขมันมากขึ้น เกิดการอักเสบเป็นสิวหัวหนองขึ้นมา กระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นใต้ผิวนี่เองที่เป็นสาเหตุของปัญหารอยสิวที่ตามมา ยกตัวอย่าง กระบวนการอักเสบ และการเกิดรอยแผลเป็นที่อวัยวะอื่นๆของร่างกายเพื่อให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น เช่น เมื่อเราหกล้มหากเกิดแค่เพียงแผลถลอกที่ผิวหนังชั้นนอก ไม่นานผิวหนังชั้นนอกก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ ตกสะเก็ดหลุดลอกออกไป เราอาจสังเกตเห็นเพียงสีผิวบริเวณที่แผลถลอกดูต่างออกไปเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสีผิวบริเวณอื่น ไม่นานก็หายเป็นปกติ แต่หากการหกล้มรุนแรงเกิดเป็นแผลลึกลงไปถึงผิวชั้นใน ร่างกายจะรับรู้ได้ถึงการบาดเจ็บเกิดกระบวนการอักเสบขึ้นบริเวณแผลนั้น สังเกตได้จากอาการบวม แดง ปวด ร้อน เมื่อมีการอักเสบเกิดขึ้นก็จะมีการหลั่งสาร เม็ดสีเมลานิน รวมถึงเส้นใยต่างๆเพื่อมาซ่อมแซมเนื้อเยื่อบริเวณนั้น เมื่อกระบวนการซ่อมแซมสิ้นสุดลง แผลหายดี จึงทิ้งร่องรอยของรอยแผลที่เกิดจากการซ่อมแซมขึ้น มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของแผลนั้น รวมถึงการดูแลแผลขณะที่มีการอักเสบนั่นเอง  เช่นเดียวกับเมื่อเกิดการอักเสบของสิว สิวอักเสบที่มีระดับความรุนแรงปานกลางไปจนถึงรุนแรงมาก ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการทิ้งร่องรอยแผลเป็นจากสิวได้หลังจากที่สิวหายไป สิวอักเสบปานกลางก็อาจทิ้งเพียงรอยแดง หรือรอยดำซึ่งใช้เวลาในการรักษา 3-6 เดือน ในขณะที่สิวอักเสบรุนแรงเป็นหนองลึก ก็มีโอกาสเป็นหลุมสิวได้มากขึ้น และอาจต้องใช้เวลารักษานานเป็นปีๆ

การดูแลและบำรุงผิวเป็นสิว

เพื่อป้องกันการเกิดรอยสิว และเป็นการรักษาสิวอย่างเข้าใจถึงวงจรทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นการดูแลผิวเป็นสิวตั้งแต่แรกเริ่มจึงมีความสำคัญมาก ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญปัญหาสิวในขั้นไหนอยู่ ผลิตภัณฑ์บำรุงที่ใช้เป็นประจำทุกวันจะสามารถช่วยลดความรุนแรงของการเกิดสิว รวมถึงรอยสิวได้ ด้วยการมองหามอยส์เจอไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติ

 

 

1. ช่วยลดการอุดตันได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ตัวอย่างสารสำคัญที่นิยม เช่น Salicylic acid ที่ช่วยสลายการอุดตันได้ลึกถึงชั้นผิว 

2. ลดความมันหรือควบคุมความมันได้ยาวนานตลอดวัน

3. ลดการสะสมของแบคทีเรียก่อสิว P.Acnes ได้ถึงร่องรูขุมขน ให้ผิวไม่ไวต่อการอุดตันซ้ำ และสุดท้ายคือ

4. ลดรอยดำรอยแดงจากสิว เช่นสารลิโคชาลโคนสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน รวมถึงลดการอักเสบที่เกิดใต้ชั้นผิวได้อีกด้วย

เมื่อเข้าใจธรรมชาติของสิวแล้ว ก็คลายกังวล และสนุกไปกับการดูแล ฟื้นฟู และบำรุงผิวกันเถอะ!