PRP

PRP คืออะไร นวัตกรรมฟื้นฟูผิวจากภายในด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น

อ่านแล้ว 1 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม
PRP

ปัจจุบัน PRP เป็นนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะการฉีด PRP เป็นการนำเกล็ดเลือดของตัวเองมาฉีดเข้าผิว และจะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ลดรูขุมขนกว้าง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อ นอกจากนี้ PRP ยังสามารถฉีดที่บริเวณหนังศีรษะเพื่อบรรเทาปัญหาผมบางหรือผมร่วงได้อีกด้วย และการรักษาด้วย PRP นั้นเป็นใช้เกล็ดเลือดที่มาจากร่างกายของเราเอง จึงมีความปลอดภัยสูง และช่วยฟื้นฟูเซลล์จากภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ

PRP คืออะไร

PRP (PLATELET RICH PLASMA) คือ พลาสมา (ส่วนประกอบที่เป็นของเหลวในเลือด) ซึ่งมีความเข้มข้นของ "เกล็ดเลือด" สูงกว่าระดับปกติ 3-8 เท่า ถูกสกัดออกมาโดยการนำเลือดของคนไข้เองไปผ่านกระบวนการปั่นเหวี่ยง (Centrifugation) เพื่อแยกชั้นเลือดแดง เลือดขาว และพลาสมาที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นออกจากกัน และนำเกล็ดเลือด (Platelets) ที่มีความเข้มข้นสูงออกมา เกล็ดเลือดเหล่านี้อุดมไปด้วย Growth Factors ซึ่งเป็นกลุ่มโปรตีนประเภทหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกาย มีหน้าที่ไปกระตุ้นให้เซลล์ กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนให้ร่างการของเราซ่อมแซมตัวเองได้ดีมากขึ้น

PRP ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง

ด้านความงาม (Aesthetics)

  • ฟื้นฟูผิวหน้า (PRP Facial Rejuvenation): ลดเลือนริ้วรอยร่องตื้น เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวดูอ่อนเยาว์
  • รักษาหลุมสิวและรอยแผลเป็น: กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
  • กระชับรูขุมขน: ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • ลดรอยคล้ำใต้ตา: เพิ่มการไหลเวียนเลือดและสร้างคอลลาเจนบริเวณใต้ตาที่บอบบาง

 

ด้านเส้นผมและหนังศีรษะ (Hair Restoration)

  • รักษาภาวะผมบางและผมร่วง: กระตุ้นรากผมให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วง และส่งเสริมการงอกใหม่ของเส้นผม โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะผมร่วงจากฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ (Androgenetic Alopecia) ในระยะเริ่มต้น

 

ด้านกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ (Orthopedics)

  • บรรเทาอาการข้อเสื่อม: โดยเฉพาะข้อเข่าเสื่อม การฉีด PRP ช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการซ่อมแซมกระดูกอ่อน
  • รักษาอาการบาดเจ็บของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ: เร่งกระบวนการฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหายหรืออักเสบ

ขั้นตอนการทำ PRP

การเตรียมตัวและเก็บตัวอย่างเลือด:

  • แพทย์จะซักประวัติและประเมินปัญหา
  • มีการเจาะเก็บเลือดจากแขนประมาณ 10-30 มิลลิลิตร (ปริมาณใกล้เคียงกับการตรวจสุขภาพ)
  • ก่อนทำควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ และงดยาหรือวิตามินที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดอย่างน้อย 1 สัปดาห์

การปั่นแยกเกล็ดเลือด (Centrifugation):

  • นำเลือดที่ได้ใส่ในหลอดทดลองชนิดพิเศษ (PRP Kit) แล้วนำเข้าเครื่องปั่นเหวี่ยง (Centrifuge)
  • เครื่องจะปั่นด้วยความเร็วสูงเพื่อแยกส่วนประกอบของเลือดออกจากกัน ทำให้ได้ชั้นของพลาสมาที่อุดมด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้น

การฉีด PRP กลับสู่ร่างกาย:

  • แพทย์จะทำความสะอาดผิวและอาจทายาชาเฉพาะที่เพื่อลดความรู้สึกเจ็บ
  • จากนั้นจะดูด PRP ที่มีความบริสุทธิ์และเข้มข้นสูง มาฉีดในบริเวณที่ต้องการรักษาด้วยเทคนิคที่เหมาะสม เช่น ฉีดเป็นจุดเล็กๆ ทั่วใบหน้า หรือฉีดที่หนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหาผมบาง
  • หลังการฉีด PRP อาจมีอาการบวมแดงหรือระคายเคืองผิวเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ควรหลีกเลี่ยงการแตะหรือสัมผัสผิวบริเวณที่ฉีด และควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัด หรือการทำทรีตเมนต์ที่มีความรุนแรงต่อผิว

หลังการฉีด PRP อาจมีอาการบวมแดงหรือระคายเคืองผิวเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ควรหลีกเลี่ยงการแตะหรือสัมผัสผิวบริเวณที่ฉีด และควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัด หรือการทำทรีตเมนต์ที่มีความรุนแรงต่อผิว

PRP

การทำ PRP เหมาะกับใคร

  • การทำ PRP เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยบนใบหน้า ผิวขาดความยืดหยุ่น หรือผิวแห้งกร้านจากความเสื่อมของคอลลาเจน
  • ผู้ที่มีปัญหาผมบางหรือผมร่วงโดยการฉีด PRP เข้าไปในบริเวณหนังศีรษะจะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่ ฟื้นฟูการไหลเวียนเลือดในรูขุมขน และเสริมความแข็งแรงให้กับเส้นผมที่มีอยู่
  • ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บหรือปวดกล้ามเนื้อ, ข้อ, หรือเอ็นเล็กน้อย เพราะ PRP จะช่วยกระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อเสียหายและช่วยลดการอักเสบ ฟื้นฟูเนื้อเยื่อ และช่วยให้กระดูกหรือเอ็นหายเร็วขึ้น

ทำ PRP กี่วันเห็นผล

ผลลัพธ์จากการทำ PRP จะค่อยๆ แสดงให้เห็นผลภายในระยะเวลาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการรักษาและปัญหาที่รับการรักษา โดยทั่วไปแล้วผลลัพธ์จากการฉีด PRP จะเริ่มเห็นหลังจากประมาณ 2-3 สัปดาห์ และจะค่อยๆ ดีขึ้นในช่วง 1-3 เดือน หลังจากทำการรักษา เนื่องจากกระบวนการฟื้นฟูเซลล์ใหม่ๆ ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเซลล์ผิวหนังต้องใช้เวลาในการกระตุ้นให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ข้อดี-ข้อเสีย การทำ PRP มีอะไรบ้าง?

ข้อดี

  • มีความปลอดภุยสูง เพราะใช้เลือดของตัวเอง ลดความเสี่ยงจากการแพ้
  • ฟื้นฟูได้ทั้งด้านความงามและสุขภาพ
  • ไม่ต้องพักฟื้น

 

ข้อเสีย

  • อาจมีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อยหลังการฉีด
  • ราคาค่อนข้างสูง
  • การทำ PRP ถือเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวกระจ่างใส อยากกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ให้แลดูอ่อนเยาว์ ด้วยความปลอดภัยสูงจากเกล็ดเลือกเราของเราเอง แต่สิ่งสำคัญเราควรควบคู่ไปกับการดูแลผิวอย่างการใช้ครีมบำรุงผิวที่มีประสิทธิภาพ และรวมถึงการดูแลผิวของตัวเองเป็นประจำทุกวัน

แนะนำผลิตภัณฑ์ที่ดูแลผิวที่ช่วยฟื้นฟูผิวและละริ้วรอยแห่งวัย

เซรั่มต่อต้านริ้วรอย

Eucerin Hyaluron-Filler Epicelline Serum

เพื่อคงผลลัพธ์ของการทำ PRP ให้ยาวนานมากยิ่งขึ้นการใช้ครีมบำรุงผิวที่มีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้นอย่าง Eucerin Hyaluron-Filler Epicelline Serum เซรั่มต่อต้านริ้วรอยใหม่ ที่ช่วยป้องกันและจัดการ 10 สัญญาณแห่งวัย ด้วยนวัตกรรม Age Clock Technology ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร พร้อมด้วยสาร Epicelline® ที่เป็นสารทรงพลังใหม่ล่าสุดในการต่อต้านความร่วงโรยแห่งวัย ที่ค้นพบโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ของ Eucerin หลังจากการวิจัยเกี่ยวกับ Epigenetics อย่างต่อเนื่องกว่า 15 ปี ช่วยชะลอความร่วงโรยของผิว ทั้งริ้วรอย หน้าเหี่ยว ผิวไม่กระชับ และผิวที่ดูแห้งไม่ชุ่มชื้น เสริมประสิทธิภาพด้วย Hyaluronic Acid ที่ช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความนุ่มชุ่มชื้นให้กับผิว และสาร Glycine Saponin ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตไฮยาลูรอนิก คอลลาเจน และเพิ่มอีลาสตินของผิวหนัง พร้อมด้วยสาร Enoxolone ที่ช่วยลดการเสื่อมสลายของกรดไฮยาลูโรนิก ทำให้ผิวหน้ากระชับและดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงภายใน 4 สัปดาห์ และยังช่วยฟื้นฟูผิวจากมลภาวะภายนอกอย่างฝุ่น และแสงแดดอีกด้วย

เซรั่มลดริ้วรอยช่วยเสริมผลลัพธ์จากการทำ PRP ให้ดียิ่งขึ้น

Eucerin HYALURON RADIANCE-LIFT FILLER 3D SERUM

นอกจากนี้ การดูแลผิวหลังทำ PRP ยังสามารถใช้ Eucerin HYALURON RADIANCE-LIFT FILLER 3D SERUM ซึ่งเป็นนวัตกรรมเซรั่มลดริ้วรอยอายุ 40+ ที่ช่วยลดจุดด่างดำตามวัย และฟื้นบำรุงปัญหาผิวได้แบบ 3 มิติ เซรั่มตัวนี้มีความพิเศษที่การผสานไฮยาลูรอนโมเลกุลขนาดเล็กและใหญ่ ที่สามารถเติมริ้วรอยลึกให้ดูตื้นขึ้น และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มฟูเรียบเนียน ซึ่งจะช่วยเสริมผลลัพธ์จากการทำ PRP ให้ดียิ่งขึ้น

และ 3D Serum มีสาร THIAMIDOL ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของยูเซอริน ที่ทรงประสิทธิภาพในการลดรอยจุดด่างดำและลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำอีก พร้อมด้วยสาร Arctiin ที่เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ทรงพลัง ช่วยเสริมการทำงานของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง และช่วยฟื้นบำรุงกระชับผิววัย 40+ แม้ผิวหย่อนคล้อยมาก โดยผู้ใช้ 98% ยืนยันว่าผิวดูกระชับ ริ้วรอยจุดด่างดำจากวัยดูจางลงใน 2 สัปดาห์

น้ำตบผิวเฟิร์มกระชับช่วยเสริมประสิทธิภาพของการทำ PRP

EUCERIN HYALURON RADIANCE-LIFT FILLER BOOSTING ESSENCE

สำหรับขั้นตอนเตรียมผิวก่อนการบำรุง แนะนำให้ใช้ Eucerin HYALURON RADIANCE-LIFT FILLER BOOSTING ESSENCE ซึ่งเป็นน้ำตบผิวเฟิร์มกระชับ ลดฝ้าแดด ที่ได้รับการยืนยันจากการทดสอบว่าใช้เป็นสเต็ปแรกแล้วเห็นผลจริงใน 2 สัปดาห์ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะช่วยเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป และช่วยเสริมประสิทธิภาพของการทำ PRP ให้ได้ผลดียิ่งขึ้น

Boosting Essence มีส่วนผสมของไฮยาลูรอน 3 โมเลกุล ที่ช่วยเติมริ้วรอยร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น และช่วยเสริมและกักเก็บความชุ่มชื้นขั้นสุดให้ผิวดูกระชับ อิ่มฟู และนุ่มเด้ง ร่วมกับ Panthenol ที่ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิว ปลอบประโลมผิว และเสริมกระบวนการผลัดเซลล์ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมด้วย Vitamin C ที่เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ทรงพลัง ช่วยลดเลือนริ้วรอยและความหมองคล้ำ มอบผิวดูอ่อนเยาว์และกระจ่างใส รวมถึงสารไบรท์เทนนิ่งประสิทธิภาพดีที่สุดจากยูเซอริน ที่ช่วยลดเลือนฝ้าแดดและจุดด่างดำตามวัยลึกถึงจุดกำเนิด

คำถามที่พบบ่อย (6)

  • PRP ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

    การทำ PRP ควรทำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แนะนำควรทำ 3-5 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์ หรือขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาของแต่ละบุคคล

  • ฉีด PRP ห้ามกินอะไรบ้าง?

    ควรงดแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และอาหารเสริม อย่างวิตามินอี หรือแอสไพริน เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

  • ทำ PRP เจ็บไหม?

    ความรู้สึกเจ็บอยู่ในระดับที่ทนได้ คล้ายการฉีดยาทั่วไป โดยปกติจะมีการทายาชาก่อนทำเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ บริเวณหนังศีรษะอาจรู้สึกเจ็บกว่าใบหน้าเล็กน้อย
  • ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

    โดยทั่วไปแนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง ห่างกันทุก 4-6 สัปดาห์ เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและต่อเนื่อง หลังจากนั้นสามารถทำซ้ำเพื่อคงสภาพได้ทุก 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับปัญหาและการประเมินของแพทย์
  • ผลลัพธ์จากการทำ PRP อยู่ได้นานแค่ไหน?

    ผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นหลังทำ 2-3 สัปดาห์ และเห็นผลเต็มที่ใน 1-3 เดือน โดยผลลัพธ์ด้านผิวหน้าอาจอยู่ได้นาน 6-12 เดือน ส่วนด้านเส้นผมอาจต้องทำต่อเนื่องเพื่อรักษาวงจรการงอกของผม
  • หลังทำ PRP มีผลข้างเคียงไหม? และต้องดูแลตัวเองอย่างไร?

    ผลข้างเคียงน้อยมากเนื่องจากเป็นเลือดของตัวเอง อาจมีเพียงรอยแดงช้ำจากเข็มหรืออาการบวมเล็กน้อยซึ่งจะหายไปเองใน 2-3 วัน การดูแลหลังทำ: ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส นวด หรือถูบริเวณที่ฉีด, งดการแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง, หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และงดการทำซาวน่าหรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก 2-3 วัน

บทความเกี่ยวข้อง

คุณอาจจะสนใจสิ่งเหล่านี้