ดูแลผิวเด็ก,อาบน้ำเด็ก,สบู่เด็ก

การดูแลผิวและอาบน้ำในเด็ก และความสำคัญของสบู่

อ่านแล้ว 1 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

การดูแลผิวและอาบน้ำในเด็ก และความสำคัญของสบู่

การอาบน้ำนอกจากจะเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกและเชื้อโรคออกจากผิวหนัง การอาบน้ำยังเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายและถือเป็นหนึ่งในกิจวัตร ประจำวันที่สำคัญของทุกช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยเด็ก โดยมีการศึกษาพบว่าการอาบน้ำในช่วงเย็นจะช่วยทำให้ทารกเข้านอนได้ง่ายขึ้นและนอนได้นานขึ้น

วิธีอาบน้ำเด็ก

วิธีการอาบน้ำเด็กในประเทศไทยมีหลายวิธี วิธีที่นิยมใช้ได้แก่

  • การอาบน้ำด้วยฝักบัว
  • การอาบน้ำโดยใช้ขันตักน้ำ
  • การอาบน้ำโดยการแช่ในอ่างอาบน้ำหรือกะละมังในเด็กเล็ก
  • รวมถึงการเช็ดตัวทำความสะอาด

 

มีคำแนะนำให้เลือกวิธีการอาบน้ำมากกว่าการเช็ดตัว เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าค่าความชุ่มชื้นของผิวหนังและค่าความแข็งแรง ของเซลล์ผิวหนังมีค่าสูงกว่าเมื่อใช้วิธีการอาบน้ำ และควรเลือกใช้วิธีการอาบน้ำด้วยฝักบัวหรือการอาบน้ำโดยใช้ขันตักน้ำ มากกว่าการอาบน้ำโดยการแช่ในอ่างอาบน้ำหรือกะละมัง เนื่องจากการแช่อยู่ในน้ำนานเกินไปจะส่งผลเสียให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น และยังสามารถทำให้แบคทีเรียตัวไม่ดีเจริญเติบโตมากขึ้น เสี่ยงต่อการเกิดโรคที่ผิวหนัง โดยเวลาในการอาบน้ำที่เหมาะสมคือ 5-10 นาที

อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการอาบน้ำเด็ก

อุณหภูมิของน้ำเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญต่อสุขภาพผิว ควรอาบน้ำโดยใช้อุณหภูมิน้ำในช่วง 27-30 องศาเซลเซียส การอาบน้ำที่อุณหภูมิสูงเกินไปอาจทำให้ผิวแห้ง ผิวหนังเหี่ยวหรืออาจทำให้เลือดคั่ง เซลล์ประสาทอ่อนล้า การอาบน้ำในอุณหภูมิที่เหมาะสมจะช่วยให้เลือดมาเลี้ยงที่ผิวหนังดีขึ้น ป้องกันการสูญเสียความร้อนออกจากผิวหนัง เมื่ออาบน้ำเสร็จควรเช็ดตัวด้วยผ้าเช็ดตัวให้แห้งทันทีตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้าและควรดูแลผิวด้วยการทาสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนังทันทีหลังอาบน้ำ

การดูแลผิวเด็กและทารก

ในสภาะวะปกติผิวหนังจะมีค่าความเป็นกรดด่างหรือค่า pH (potential hydrogen) อยู่ที่ 5.4-5.49 กล่าวคือเป็นกรดอ่อนๆ แต่ในสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปผิวหนังจะมีค่าความเป็นด่างมากขึ้น ไม่ว่าจะเกิดจากการเผชิญกับมลภาวะ อยู่ในที่ที่อากาศร้อนหรือชื้นมากเกินไปหรือมีโรคผิวหนัง เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง เป็นต้น เมื่อผิวหนังมีค่าความเป็นด่างมากขึ้นจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานของเซลล์ผิวหนังโดยเฉพาะชั้นหนังกำพร้า ทำให้สูญเสียคุณสมบัติในการเป็นเกราะป้องกันให้แก่ร่างกาย ส่งผลให้ผิวหนังสูญเสียความชุ่มชื้น ผิวหนังไวต่อสารระคายเคืองและเชื้อโรค ทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง รวมถึงอาการคันหรือติดเชื้อที่ผิวหนังตามมาได้ ดังนั้นการอาบน้ำร่วมกับการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนังที่เหมาะสมจะช่วยชำระล้างสิ่งสกปรกและเชื้อโรคที่อยู่บนผิวหนัง อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุล pH ของผิวหนังได้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับการอาบน้ำโดยไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

 

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนังที่มีจำหน่ายในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ สบู่ (soap) มีฤทธิ์เป็นด่าง (pH>7) และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนังที่ไม่ใช่สบู่ (synthetic detergent, syndet) มีฤทธิ์เป็นกลางหรือเป็นกรดอ่อนๆ (pH<7) ปัจจุบันแนะนำให้เลือกใช้ syndet ที่มีค่า pH 5-5.5 ในการทำความสะอาดผิวเนื่องจากมีค่าความเป็นกรดใกล้เคียงกับผิวหนังปกติ ทำให้เกิดการระคายเคืองน้อยและสามารถลดความเป็นด่างของผิวหนังที่อยู่ในสภาวะไม่ปกติ ช่วยปรับสมดุลค่า pH ของผิวหนังให้กลับมาใกล้เคียงกับภาวะปกติได้มากที่สุด โดย syndet ส่วนมากมีสารลดแรงตึงผิวที่เหมาะสม ไม่ใส่สีหรือสารกันเสีย ปราศจากน้ำหอมและผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัยกับผิวหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็กและทารกที่มีผิวหนังบอบบางและเกิดการระคายเคืองได้ง่าย

ทำไมผิวของลูกน้อยถึงต้องการ "สบู่อาบน้ำเด็ก" โดยเฉพาะ?

ผิวของทารกและเด็กเล็กมีความแตกต่างจากผิวของผู้ใหญ่หลายอย่าง:

  • บางกว่า: ผิวหนังของเด็กมีความหนาน้อยกว่าผู้ใหญ่ถึง 5 เท่า ทำให้ไวต่อการระคายเคืองและสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย
  • เกราะป้องกันผิวยังไม่สมบูรณ์: เกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องผิวจากปัจจัยภายนอกและกักเก็บความชุ่มชื้น ยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่
  • ค่า pH ที่แตกต่าง: ผิวเด็กจะมีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ที่สูงกว่าผู้ใหญ่เล็กน้อย ทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลงได้ง่าย

การใช้สบู่ของผู้ใหญ่ที่มีค่าความเป็นด่างสูง (Alkaline) และมีสารทำความสะอาดที่รุนแรง จึงอาจทำลายเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวของลูกแห้ง คัน และเกิดการระคายเคืองได้ง่าย

หลักการเลือก "ครีมอาบน้ำเด็ก" สำหรับผิวแพ้ง่าย

  1. เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH สมดุล (pH Balanced) มองหาผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่ามีค่า pH 5.5 ซึ่งเป็นค่าที่ใกล้เคียงกับค่า pH ตามธรรมชาติของผิวสุขภาพดี จะช่วยรักษาสมดุลและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
  2. สูตรอ่อนโยน ปราศจากสารระคายเคือง อ่านฉลากและหลีกเลี่ยงส่วนผสมเหล่านี้
    • ด่าง (Soap): เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่าเป็น Soap-Free หรือ Syndet
    • น้ำหอม (Fragrance): เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของการแพ้
    • พาราเบน (Parabens): สารกันเสียที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
    • สี (Colorants): เป็นสารที่ไม่จำเป็นและอาจทำให้เกิดการแพ้ได้
  3. มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงและปกป้องผิว: มองหาส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมความแข็งแรงให้ผิว เช่น
    • เด็กซ์แพนทีนอล (Dexpanthenol) หรือ Pro-Vitamin B5: ช่วยฟื้นบำรุงเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง และเพิ่มความชุ่มชื้น
    • กลีเซอรีน (Glycerin): ช่วยดึงความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิว
    • สารสกัดจากธรรมชาติ: เช่น Bisabolol จากดอกคาโมมายล์ ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง
  4. ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ: เลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัย (Clinically Proven) และได้รับการแนะนำโดยกุมารแพทย์หรือแพทย์ผิวหนัง
  5. เลือกประเภทที่ใช้งานสะดวก: ผลิตภัณฑ์แบบ "Head-to-toe" หรือ "Wash and Shampoo" เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เพราะสามารถใช้อาบน้ำและสระผมได้ในขวดเดียว สะดวกและอ่อนโยน