สิวเม็ดข้าวสาร หรือ สิวข้าวสาร มีวิธีสังเกตและรักษาอย่างไร ?

อ่านแล้ว 2 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

ไขข้อสงสัย Salicylic Acid คืออะไร และสำคัญยังไงกับผลิตภัณฑ์สกินแคร์

อ่านแล้ว 3 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม
สิวหิน สิวเม็ดข้าวสาร

สิวเม็ดข้าวสารหรือสิวข้าวสาร เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเผชิญ รวมไปถึงสิวหัวดำ สิวอักเสบ สิวหัวขาว แต่มีปัญหาสิวที่คอยกวนใจและทำลายความมั่นใจของทุกคนก็คือ สิวเม็ดข้าวสารหรือสิวข้าวสารนั่นเอง วันนี้เรามาทำความรู้จักสิวข้าวสารกันว่าคืออะไร มีลักษณะอย่างไร มีสาเหตุจากอะไร เพื่อการรักษาและป้องกันอย่างถูกวิธี


สิวหิน คืออะไร ต่างกับสิวเม็ดข้าวสารหรือไม่

สิวข้าวสารและสิวหินเป็นสิวที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่อย่างไรก็ตาม สิวข้าวสารและสิวหินไม่ใช่สิวเดียวกัน และมีสาเหตุที่แตกต่างกันด้วย ดังนี้

 

สิวหิน (Syringoma)

เกิดจาก เนื้องอกของท่อเหงื่อที่ไม่ใช่เนื้อร้าย แต่เป็นเพียงตุ่มเนื้อนูนแข็งขนาดเล็กมีสีขาวขุ่นหรือสีเหลืองเท่านั้น และเป็นสิวที่ไม่มีอาการเจ็บหรือคัน เพียงแต่อาจจะสร้างความรำคาญให้เราเท่านั้น และสิวหินมักจะเกิดในบริเวณรอบดวงตาเป็นส่วนใหญ่ เกิดได้ทั้งบริเวณใต้ตาและเปลือกตา แต่ในบางกรณี สิวหินเกิดในบริเวณอื่นๆ ในร่างกายได้ด้วย เช่น โหนกแก้ม หรือ จมูกหรือที่หลัง สาเหตุของการเกิดสิวหิน ยังไม่มีสาเหตุแน่ชัด แต่ในเรื่องจำนวนของสิวหินที่เกิด ปกติแล้วจะเป็นผลมาจากพันธุกรรมและอายุที่เพิ่มขึ้น

 

สิวเม็ดข้าวสาร (Milia)

เป็นสิวเม็ดเล็ก ๆ ตื้นและแข็ง สีขาวคล้ายไข่มุกหรือเม็ดข้าวสาร มีขนาดประมาณ 1-2 มิลลิเมตร โดยส่วนใหญ่ปรากฏขึ้นบริเวณใบหน้า หน้าผาก แก้ม จมูก หรือเปลือกตา คล้ายสิวผดซึ่งสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย บางรายอาจมีอาการคันร่วมด้วย สิวข้าวสารอาจหายเองได้ภายในไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน แต่ในบางกรณีหากเป็นสิวข้าวสารนานเกิน 3 เดือนแล้วยังไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง

สาเหตุการเกิด สิวข้าวสาร หรือ สิวเม็ดข้าวสาร

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดสิวข้าวสารหรือ สิวเม็ดข้าวสาร แต่สาเหตุจะแตกต่างกันไปตามชนิดของสิวเม็ดข้าวสารหรือสิวหิน ดังนี้

 

สิวข้าวสารปฐมภูมิ

สิวข้าวสาร หรือสิวเม็ดข้าวสาร เกิดจากเส้นใยเคราตินที่ติดอยู่ใต้ผิวหนังสะสมจนเกิดเป็นสิว โดยมักปรากฏบริเวณเปลือกตา หน้าผาก หรืออวัยวะเพศ และบริเวณรอยพับจมูกในเด็กเล็ก หายได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์หรืออาจคงอยู่นานหลายเดือน

 

สิวข้าวสารในวัยหนุ่มสาว

อาจเกิดขึ้นจากอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น มะเร็งผิวหนังบางชนิด หรือความผิดปกติทางพันธุกรรมอื่น ๆ

 

สิวข้าวสารชนิดแบนราบ

สิวเม็ดข้าวสาร หรือสิวข้าวสาร ที่เจริญเติบโตมาจากการติดเชื้อและเกี่ยวข้องกับโรคผิวหนังบางชนิด มักปรากฏบริเวณเปลือกตา แก้ม เกิดขึ้นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะหญิงวัยกลางคน


สิวข้าวสาร หรือ สิวเม็ดข้าวสาร รักษายังไง ?

โดยทั่วไปสิวเม็ดข้าวสาร หรือสิวข้าวสารอาจหายได้เอง และไม่จำเป็นต้องรักษา แต่หากสร้างความรำคาญใจ สามารถบรรเทาอาการได้ดังนี้

 

1. ดูแลรักษาความสะอาดใบหน้าจากเครื่องสำอางให้หมดจด

สิวเม็ดข้าวสาร หรือ สิวข้าวสาร เกิดขึ้นจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วหรือสิ่งสกปรก และเครื่องสำอางที่ล้างออกไม่หมด ทำให้อุดตันตามรูขุมขนจนไปรวมกับไขมันใต้ผิว จึงจำเป็นต้องล้างหน้าให้สะอาด โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์คลีนซิ่ง Pro Acne Solution Acne & Make Up Cleansing Water ที่มีคุณสมบัติในการช่วยขจัดคราบเครื่องสำอาง ด้วยสูตร Micro Micellar สามารถลดปัญหาสิวอุดตัน สิวเม็ดข้าวสาร ทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก และช่วยฟื้นบำรุงผิว ลดรอยสิว อย่างอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพด้วย Eucerin PRO ACNE SOLUTION 3X TREATMENT GEL TO FOAM CLEANSER เจลล้างหน้าสำหรับคนผิวมัน เป็นสิวง่าย ที่ทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด ขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินไปพร้อมๆ กับการลดปัญหาสิวด้วย 2% Salicylic Acid ที่ช่วยขจัดสิ่งอุดตันลึกถึงต้นตอ พร้อมผลัดเซลลผิวอย่างอ่อนโยน และลดรอยสิวด้วย AHA/BHA/PHA acid complex และยังมีสาร Glycerin ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นเสริมปราการผิวให้แข็งแรง เนื้อเจลโฟมฟองนุ่ม อ่อนโยนต่อผิวสำหรับคนเป็นสิว

 

2. หลีกเลี่ยงการใช้โลชั่นหรือออยล์บนใบหน้า

หลีกเลี่ยงครีมทาหน้าที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะนอกจากจะเพิ่มความมันบนใบหน้าแล้ว น้ำมันจากผลิตภัณฑ์อาจเข้าไปอุดตันตามรูขุมขนจนเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดสิวเม็ดข้าวสารได้

 

3. สครับผิวหน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง

ควรสครับผิวหน้าเบา ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง อาจใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรสครับ หรือสครับสูตรธรรมชาติ เช่น น้ำตาลทรายผสมกับน้ำผึ้ง ควรสครับอย่างเบามือ เพื่อถนอมไม่ให้ผิวหน้าถูกรบกวนมากเกินไปจนเกิดการระคายเคือง

 

4. ใช้โทนเนอร์หรือเซรั่มที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว

ควรเป็นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ AHA หรือ BHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวบนใบหน้า เช็ดผิวหน้าหลังล้างหน้าเป็นประจำเช้า - เย็น จะทำให้สิวเม็ดข้าวสาร หรือสิวข้าวสารหลุดได้เร็วขึ้น อย่างการใช้ Eucerin Pro ACNE SOLUTION SOS SERUM เซรั่มสำหรับคนเป็นสิว ที่ช่วยลดการอักเสบ ระคายเคืองสิวด้วย Licochalcone A และ Panthenol ช่วยปลอบประโลม และเสริมปราการผิว พร้อมควบคุมความมันส่วนเกินด้วย 2X Carnitine ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิวด้วย Decanediol พร้อมดูแลปัญหารอยดำรอยแดงจากสิวได้ถึงต้นตอด้วย AHA/BHA/PHA จบปัญหาสิวซ้ำซากใน 7 วัน และลดการอักเสบของสิว สิวยุบไวภายใน 8 ชม. เมื่อผิวหน้าของเราแข็งแรงขึ้นก็ช่วยลดโอกาสการเกิดเป็นสิวซ้ำซ้อนได้

 

5. ใช้ยา หรือพบแพทย์เพื่อกำจัดสิวเม็ดข้าวสาร

สามารถใช้ยามิโนไซคลีน เพื่อรักษาสิวเม็ดข้าวสาร ชนิดแบนราบ แต่หากเป็นสิวเม็ดข้าวสาร นานเกิน 3 เดือน หรือมีเม็ดสิวข้าวสารจำนวนมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาอย่างถูกวิธี เช่น จี้ออกด้วยไฟฟ้า หรือเลเซอร์ เป็นต้น

 

6. หลีกเลี่ยงการนำมือไปสัมผัสผิวหน้า

การนำมือไปสัมผัสผิวหน้าเป็นสาเหตุให้เกิดสิวเม็ดข้าวสารขึ้นได้ เพราะในระหว่างวันเราต้องใช้มือไปจับสิ่งของต่างๆมากมาย เช่น โทรศัพท์มือถือ ธนบัตร แก้วน้ำ หรือเสื้อผ้า มือจึงเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่เกาะติดมาที่มือและเล็บ การเลี่ยงนำมือไปสัมผ้สผิวหน้าจึงเป็นการป้องกันการเกิดสิวข้าวสารได้ดีที่สุด

 

7. เลือกรับประทานอาหาร

การเลือกรับประทานอาหารมีส่วนช่วยลดการเกิด สิวเม็ดข้าวสารได้ เช่น ผัก ผลไม้สด เนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำ และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง

 

8. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้มีการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนในผิวเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคและเชื้อแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งอาจช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวเม็ดข้าวสารได้ด้วย

แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เพราะสิวเม็ดข้าวสาร แต่ละชนิดอาจมีสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป จึงยังไม่มีวิธีใดป้องกันรักษาการเกิดสิวเม็ดข้าวสารได้ แต่เราสามารถดูแลตนเองในเบื้องต้นได้ เช่น ล้างหน้าให้สะอาด ระมัดระวังการบาดเจ็บทางผิวหนัง เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวที่เป็นสิว และไม่มีส่วนผสมของออยล์ เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็สามารถดูแลปัญหาสิวเม็ดข้าวสาร ไม่ให้มากวนใจได้แล้ว


บทความเกี่ยวข้อง

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ทำงานอย่างไร

กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) คืออะไร และทำงานอย่างไร

กรดซาลิไซลิก คือ กรดเบต้าไฮดรอกซีชนิดหนึ่ง (BHA) ที่ได้มาจากเปลือกต้นวิลโลว์ ใช้เป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสิวหลายชนิดซึ่งช่วยเปิดรูขุมขนที่อุดตันให้สามารถทำความสะอาดได้ดีขึ้นและสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน กรดซาลิไซลิกยังมีคุณสมบัติลดการอักเสบ ลดรอยแดงและต้านเชื้อจุลินทรีย์ และยังเหมาะสมสำหรับการรักษาสภาพผิวอื่นๆ อย่าง โรคสะเก็ดเงิน ผิวหนังอักเสบจากไขมัน และรังแค


ประโยชน์ของการใช้ กรดซาลิไซลิกในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิวหนัง

  • ทำให้รูขุมขน ไม่อุดตัน ลดอาการอักเสบ
  • สามารถช่วยลดรอยแดงและการระคายเคือง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
  • ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ รวมทั้งช่วยลดเลือนริ้วรอย
  • สามารถช่วยเพิ่มการผลัดเซลล์ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น และช่วยลดรอยแผลเป็นได้

ประโยชน์ของการใช้ กรดซาลิไซลิก

วิธีการใช้กรดซาลิไซลิก

หากต้องการใช้กรดซาลิไซลิก ให้เริ่มด้วยการล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ที่อ่อนโยน จากนั้นใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของซาลิไซลิก (BHA) ในปริมาณที่แนะนำในฉลากผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ที่เป็นสิว หรือใช้สำลีเช็ดหน้า ในการทาผลิตภัณฑ์ ระวังอย่าให้เข้าตา จมูก และปาก สุดท้าย ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นและทามอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบาที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน


Salicylic acid เหมาะกับผิวแบบไหน

กรดซาลิไซลิกถือว่าปลอดภัยสำหรับผิวส่วนใหญ่หรือใช้ได้กับทุกสภาพผิว และจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกับผู้ที่มีผิวเป็นสิว หรือผิวมัน แต่การใช้กรดซาลิไซลิกเป็นประจำ ก็อาจทำให้ผิวแห้งได้ ผู้ที่มีผิวแห้งหรือแพ้ง่ายอาจต้องการใช้เป็นครั้งคราวเท่านั้น หรือต้องทดสอบการใช้ กรดซาลิไซลิกในปริมาณเล็กน้อยบนผิวหนังบริเวณเล็กๆ ก่อนใช้ในบริเวณกว้าง


ข้อควรระวังก่อนใช้ Salicylic Acid

  • ไม่ควรใช้กับผิวหนังที่เกิดการอักเสบอยู่แล้ว เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงบริเวณผิวหนังที่บอบบาง เช่น รอบดวงตา ปาก หลังแขน ข้อพับ
  • ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรใช้ตามที่ฉลากแนะนำเท่านั้นสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มี Salicylic Acid เข้มข้น

 สกินแคร์ ที่มีส่วนประกอบของ Salicylic acid

แนะนำวิธีการเลือกผลิตภัณฑ์ สกินแคร์ ที่มีส่วนประกอบของ Salicylic acid เหมาะสำหรับคนเป็นสิว

1. Pro ACNE SOLUTION CLEANSING GEL

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อลดสิวอุดตัน โดยปกติการใช้โฟมล้างหน้าจะแนะนำให้ใช้ในคนที่มีผิวมันเป็นหลัก แต่ในคนที่มีปัญหาสิวที่ค่อนข้างรุนแรงร่วมกับผิวหน้ามัน หรือมี สิวอุดตัน และสิวอักเสบเยอะจะแนะนำให้ใช้เป็นเจลล้างหน้าแทน ด้วยเพราะเนื้อสัมผัสของเจลล้างหน้าที่มีความอ่อนโยนกว่า ขจัดความมันได้ดีแต่ไม่ทำให้ผิวแห้งลอกมากขึ้น จึงเหมาะกับคนที่ดูแลปัญหาสิวร่วมกับการใช้ยา และใน Pro ACNE SOLUTION CLEANSING GEL เจลล้างหน้าเพื่อผิวหน้าเป็นสิวโดยเฉพาะ จะคอยช่วยดูแลความสะอาด กำจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนได้อย่างล้ำลึก ลดความมันส่วนเกินบนใบหน้าโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ปราศจากสบู่และน้ำหอมที่ก่อให้เกิดการแพ้ จึงช่วยดูแลได้ทั้งความสะอาดและลดโอกาสการเกิดสิวได้

 

2. Pro ACNE SOLUTION A.I. CLEARING TREATMENT

สำหรับคนที่มีปัญหาสิวอุดตันเยอะ การจัดการหัวสิวโดยการบีบหรือกดหัวสิว อาจะส่งผลให้เกิดรอยแผลเป็นหรือรอยช้ำต่างๆได้ ในปัจจุบันครีมทาสิวแบบแต้ม ที่สามารถจัดการหัวสิว สิวอุดตัน ได้ลึกถึงต้นตอ อย่าง Pro ACNE SOLUTION A.I. CLEARING TREATMENT ที่สารสำคัญคือ Hydroxy Acid 10% อันประกอบไปด้วย AHA, BHA, PHA ที่ออกฤทธิ์ในการละลายหัวสิวได้อย่างอ่อนโยน โดยไม่จำเป็นต้องบีบหรือกดหัวสิว และดูแลสิวอุดตันได้ถึงร่องรูขุมขน ช่วยลดปัญหาสิวอุดตัน ได้ภายใน 7 วัน ร่วมกับนวัตกรรม A.I ที่มีสารสำคัญคือ ลิโคชาลโคน ช่วยลดการอักเสบและรอยดำรอยแดงจากสิว และช่วยฟื้นบำรุงเซลล์ผิวจากภายในให้ผิวฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงขึ้น

 

3. Pro ACNE SOLUTION A.I. MATT FLUID

สำหรับคนที่มีสิวปานกลาง หรือหน้ามัน การใช้ผลิตภัณฑ์ Pro ACNE SOLUTION A.I. MATT FLUID ที่มีสารสำคัญอย่าง Salicylic Acid (BHA) ในการทำความสะอาดรูขุมขนและ Licochalcone A ที่ช่วยลดสิวอุดตัน ลดอาการอักเสบของสิวได้อย่างดี อีกทั้งยังมี L Carnitine ช่วยควบคุมความมันส่วนเกินได้นานถึง 8 ชั่วโมง อ่อนโยนต่อผิว สามาถทาได้ทั้งเช้าและก่อนนอน เพื่อควบคุมความมันที่เป็นต้นตอของปัญหาสิว หากใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ดูแลปัญหาสิวอุดตันตัวอื่นจะเห็นผลชัดชัดเจนมากขึ้น และสามารถควบคุมโอกาสในการเกิดสิวได้ง่าย

 

4. Pro ACNE SOLUTION ANTI-ACNE MARK

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า Pro ACNE SOLUTION ANTI-ACNE MARK ที่ช่วยลดรอยดำ รอยแดงจากสิว ที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรักษารอยสิวหรือรอยแผลเป็นจากสิวต่างๆหลังจากขั้นตอนการรักษาสิวเรียบร้อยแล้ว ด้วยส่วนผสมจาก Salicylic Acid (BHA) ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดรอยดำสิวฝังลึก พร้อมลดโอกาสรอยสิวเกิดซ้ำ ยังมี THIAMIDOL ที่ช่วยในการปรับเม็ดสีบริเวณที่เกิดรอยสิวต่างๆให้จางลง และเสริมความชุ่มชื้นของผิวด้วย Panthenol และลดโอกาสเกิดการระคายเคืองต่างๆที่มีต้นเหตุมาจากสิวหรือรอยแผลสิวอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง