‘น้ำตบ’ หรือ เอสเซ้นส์ สกินแคร์บำรุงผิวหน้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนกลายมาเป็นหนึ่งในไอเท็มสกินแคร์รูทีน(Skincare Routine) ประจำวันที่สาวๆ หลายคนขาดไม่ได้เพราะเนื้อบางเบาซึมไว ใช้งานง่าย ทั้งยังช่วยเตรียมผิวเพื่อให้การบำรุงขั้นตอนต่อไปมีประสิทธิภาพมากที่สุด ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากสกินแคร์ประเภทอื่นๆ จึงทำให้น้ำตบเข้ามาเป็นสกินแคร์ลูกรักอีกตัวของสาวๆ หลายคน
‘น้ำตบ’ หรือ เอสเซ้นส์เหมาะกับสภาพผิวแบบใด
หลายคนอาจสงสัยว่าน้ำตบ หรือเอสเซ้นส์นั้นเหมาะกับสภาพผิวแบบไหนบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วสามารถใช้ได้ทุกสภาพผิวไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวผสม ผิวมัน ผิวแพ้ง่ายหรือคนที่มีปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้าง เพราะมีสารสำคัญที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทั้งยังช่วยฟื้นบำรุงปัญหาผิวที่เกิดจากสาเหตุต่างๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นการเลือกน้ำตบให้เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละคนจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
4 เหตุผล ทำไมต้องใช้ ‘น้ำตบ’ หรือ เอสเซ้นส์
ขั้นตอนการเตรียมผิวที่ดีจะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการบำรุงผิวขั้นตอนต่อไปได้ดีมากยิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของน้ำตบที่มีสารบำรุงมากมาย ช่วยเติมความชุ่มชื้น ผิวดูกระจ่างใส และช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นต่อไป และนี่คือ 4 เหตุผลที่ทำให้สาวๆ เทใจเพิ่มน้ำตบเข้ามาเป็นสกินแคร์บำรุงผิวประจำวันอีกหนึ่งขั้นตอน
1.เนื้อบางเบา เนื่องจากน้ำตบมีเนื้อสัมผัสเหลวเหมือนกับน้ำ มีโมเลกุลเล็กบางเบาทำให้สามารถซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ล้ำลึกกว่าผลิตภัณฑ์รูปแบบอื่น เพราะมีคุณสมบัติเป็น water base และที่สำคัญไม่ทำให้เหนียวเหนอะหนะ จึงเป็นสกินแคร์บำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเราเป็นอย่างมาก
2. เติมความชุ่มชื้น จุดเด่นของน้ำตบหน้าใสที่นอกจากเนื้อสัมผัสบางเบาแล้ว ยัง เช่น ไฮยาลูรอน (Hyaluron) ที่มีคุณสมบัติช่วยเติมความชุ่มชื้นพร้อมกักเก็บความชุ่มชื่น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ช่วยกระชับรูขุมขนกว้างที่เป็นปัญหากวนใจของสาวๆ มาโดยตลอด ทั้งยังฟื้นบำรุงผิวที่เหนื่อยล้าภายหลังการเผชิญกับแสงแดด ฝุ่น ควัน หรือมลภาวะในแต่ละวัน