คันมือ ยิ่งเกายิ่งคัน สาเหตุเกิดจากอะไร รู้สาเหตุและการดูแลอาการคัน

คันมือ คันฝ่ามือ เป็นอาการคันทางผิวหนังที่อาจมีสาเหตุมาจากการสัมผัสกับสารระคายเคือง อาการแพ้ แผลติดเชื้อ ผิวแห้ง อาการคันส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การนอน ซึ่งการเกาเป็นเพียงวิธีบรรเทาอาการคันได้ระยะหนึ่ง แต่หากเกาอย่างรุนแรงหรือเกาเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว รวมถึงอาจส่งผลต่อบุคลิกภาพได้

คันมือ (Itchy Hands) คือ อาการคันทางผิวหนังที่อาจมีสาเหตุมาจากการสัมผัสกับสารระคายเคือง อาการแพ้ แผลติดเชื้อ ผิวแห้ง รวมถึงการใช้ยาบางชนิดหรือเกิดจากโรคบางชนิดได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคกลากเกลื้อน โรคสะเก็ดเงิน และโรคตับแข็งเป็นต้น โดยรักษาหายได้หากได้รับการวินิจฉัยและเมื่อได้รับการรักษาที่ถูกวิธีอย่างต่อเนื่อง

อาการคันมือ คันฝ่ามือ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

1. สัมผัสสารระคายเคืองและเกิดอาการแพ้ เช่น น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยาล้างห้องน้ำ ยาล้างเล็บ คลอลีน ฝุ่น หรือดินเป็นต้น
2. ผิวหนังแห้งอักเสบเป็นตุ่มใส ซึ่งเกิดจากความเครียด การพักผ่อนน้อย
3. เกิดจากโรคทางระบบประสาท เช่น โรคเบาหวาน โรคเส้นประสาทอักเสบ โรคงูสวัด เป็นต้น
4. เกิดจากโรคทางจิต เช่น โรคซึมเศร้า โรคนอนไม่หลับ
5. เกิดจากสภาพอากาศร้อน หรือเย็นจนเกินไป
6. สาเหตุอื่นๆ เช่น ลมพิษ ผื่นคัน แมลงกัด เป็นต้น

สำหรับวิธีรักษาอาการคันมือทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคัน

วิธี 1 การรักษาอาการคันมือจากการสัมผัสสารระคายเคือง หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ สารเคมีรุนแรงและจดบันทึกชนิดของยาที่มีประวัติแพ้ ล้างมือให้สะอาดเมื่อสัมผัสสารก่อภูมิแพ้

วิธี 2 หากเกิดจากผิวแห้ง ควรเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว เช่น ทาขี้ผึ้ง ครีมหรือโลชั่นบำรุงชนิดที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว วันละหลาย ๆ ครั้ง ในผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงครีมหรือโลชั่นที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองและเกิดอาการคันได้

วิธี 3 อาการคันมือที่มีสาเหตุมาจากเบาหวาน หากได้รับการวินิจฉัยและตรวจพบระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติได้เร็ว ควบคุมระดับน้ำตาล จะช่วยลดการเกิดอาการคันมือได้

วิธี 4 หากอาการคันมือเกิดจากโรคสะเก็ดเงิน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์แนะนำให้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว หรือสั่งจ่ายยาที่มีส่วนผสมของยูเรีย (Urea) กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) เพื่อช่วยฟื้นฟูให้ผิวที่หนาให้บางลง รวมถึงยาสเตียรอยด์สำหรับใช้ภายนอก เพื่อช่วยลดการอักเสบ

วิธี 5 การใช้ยาในการรักษาอาการคันมือ เช่น ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamine) ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เป็นต้น

การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันและบรรเทาอาการคันมือทำได้หลายวิธีดังนี้

วิธี 1 หลีกเลี่ยงการล้างมือบ่อยๆ และไม่ควรล้างมือเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้มือแห้ง นอกจากนี้ ควรล้างมือด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ เลือกสบู่ล้างมือสูตรอ่อนโยนที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวที่มือ

วิธี 2 หลักเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีที่อาจทำให้เกิดอาการคันมือ หากจำเป็นควร สวมถุงมือหรืออุปกรณ์ป้องกันทุกครั้งก่อนหยิบจับ หรือสัมผัสสารเคมี

วิธี 3 ประคบเย็นหรือประคบน้ำแข็ง ช่วยบรรเทาอาการอักเสบและลดอาการคันมือได้ โดยใช้ผ้าขนหนูเปียกเย็น ๆ หรือห่อน้ำแข็ง พันรอบมือหรือเท้าเป็นเวลาประมาณ 10-20 นาที เพื่อช่วยบรรเทาอาการคัน

วิธี 4 เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว หลังล้างมืออาจทำให้ผิวบริเวณมือแห้งและมีอาการคันมือเนื่องจากผิวขาดน้ำและอาจสูญเสียน้ำมันบนผิว การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวด้วยการทาครีมหรือมอยเจอร์ไรเซอร์อาจช่วยลดความแห้งกร้านและอาการคันได้

อาการคันมือ จากผิวแห้งสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ Eucerin HYALURON-FILLER + ELASTICITY AGE SPOT CORRECTING HAND CREAM SPF 30 ครีมบำรุงมือ ที่ช่วยให้มือดูอ่อนเยาว์ รอยเหี่ยวย่นและจุดด่างดำดูจางลง ช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นยาวนานถึง 24 ชั่วโมง

สำหรับผู้ที่ผิวแห้ง หากมีอาการคันบริเวณแขน ขา หรือลำตัว สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ Eucerin pH5 DRY SENSITIVE SKIN HYDRO BOOST CREAM ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายที่ช่วยปรับและคงสมดุลผิว ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งและบอบบาง คงความชุ่มชื่นให้ผิวได้ยาวนาน 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Eucerin UREA REPAIR PLUS โลชั่นบำรุงผิวสำหรับผิวที่แห้งมากจนลอกเป็นขุย ผสาน ยูเรีย (Urea) มาตรฐานสูงสุดของสารให้ความชุ่มชื้นที่แพทย์ผิวหนังแนะนำ ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิว เติมน้ำสู่ผิว ผิวจึงชุ่มชื้นยาวนาน 48 ชั่วโมง เนื้อโลชั่นซึมซาบสู่ผิวได้รวดเร็ว ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะบนผิวใช้แล้วสบายผิว และสามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวัน

วิธี 5 เมื่อเกิดอาการคันมือควรหลีกเลี่ยงการเกามือและตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ เพราะการเกาอาจทำให้ผิวบาดเจ็บและอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้

วิธี 6 ผู้ป่วยโรคต่างๆ ควรรับประทานยาและปฏิบัติตัวตามแพทย์แนะนำ

จะเห็นว่า อาการคันมือเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุทั้งเกิดจากสภาพผิวทั่วไป โรคผิวหนัง หรืออาการข้างเคียงของโรคต่างๆ หากมีอาการติดต่อกันเป็นเวลานาน รักษาอาการคันมือเบื้องต้นด้วยตัวเองแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอาการคันมืออย่างทันท่วงทีดีที่สุด