คนส่วนใหญ่ที่ถูกยุงกัด มักจะคันและเกิดผื่นแดงตามผิวหนังที่ไม่รุนแรง แต่สำหรับคนที่แพ้ยุงอาจเกิดอาการแพ้ที่รุนแรงกว่าคนทั่วไป อย่าง ลมพิษ คันอย่างรุนแรง อาการบวมตามผิวหนัง และอาการอื่นๆ ตามมา หรืออาจเกิดเป็นผื่นแพ้จากน้ำลายยุงได้
ผื่นแพ้ยุง เกิดจากอะไร?
อาการแพ้ยุง หรือผื่นแพ้ยุง (Mosquito Allergy, Skeeter Syndrome) เกิดจากผิวหนังอักเสบจากการแพ้สารก่อน้ำลายของยุง ที่เข้าไปทำปฏิกิริยากับระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งโปรตีนที่อยู่ในน้ำลายของยุงจะถูกปล่อยลงไปในเลือด ทำให้เลือดไม่เป็นก้อน และยุงสามารถดูดเลือดได้ง่าย เป็นสาเหตุทำให้เกิดผื่นแพ้ยุงได้
ลักษณะของอาการแพ้ยุง
สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ยุง เมื่อถูกยุงกัด ผิวหนังจะเกิดตุ่มนูน บวมแดงมาก มีอาการคันบริเวณนั้นมากกว่าปกติ และมักเกิดหลังถูกยุงกัดภายในเวลาไม่นาน และมีตุ่มใสบวมแดงขึ้นบนผิวหนังนานเป็นสัปดาห์กว่าจะหาย บางรายเป็นหนักจนต้องให้แพทย์ทำการรักษา
อาการแบบไหนถึงเรียกว่าแพ้ยุง
อาการ “แพ้ยุง” (insect bite reaction) บริเวณที่ถูกกัด หรือบริเวณรอบๆ เช่น บริเวณแขน, ขา และ ใบหน้า มักจะมีตุ่มบวมสีแดง ลักษณะคล้ายตุ่มลมพิษขนาดเล็ก เรียกว่า papular urticaria ซึ่งผิวหนังจะหลั่งสารฮิสตามีน (Histamine) ออกมากระตุ้น จึงทำให้เกิดอาการคันต่อเนื่อง หากมีอาการคันมากอาจเผลอเกาจนเกิดแผลถลอก หรือเกิดการอักเสบที่ผิวหนังเพิ่มขึ้น เวลาหายมักจะเป็นรอยดำหรือรอยขาวกลมๆ ที่ล้อมรอบวงสีดำตามแขนขาทั้ง 2 ข้าง ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนอาจเกิดแผลลึก เมื่อหายจะเป็น แผลเป็นซึ่งทำให้เกิดผลกระทบในเรื่องของสุขภาพและผิวพรรณตามมาได้ อาจแบ่งลักษณะอาการได้ ดังนี้
- คันตามผิวหนัง ผิวหนังบวมอย่างรุนแรงคล้ายกับการถูกสัตว์หรือแมลงมีพิษต่อย มีอาการบวมตามผิวหนังบริเวณใดบริเวณหนึ่งเป็นวงกว้าง ขนาดตั้งแต่ 2–10 เซนติเมตร ภายใน 1 ชั่วโมงหลังถูกกัด และอาการรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หรือเกิดอาการบวมทั่วร่างกาย หากมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์ทันที
- ปฏิกิริยาภูมิแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) หรือภาวะแพ้อย่างรุนแรง อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากพบอาการลมพิษ คอบวม ริมฝีปากบวม หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงหวีดแหลม เวียนหัว และคล้ายจะเป็นลม ควรไปพบแพทย์ทันที
วิธีรักษา และการดูแลตัวเองจากอาการแพ้ยุงเบื้องต้น
การรักษาอาการแพ้ยุงมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการในแต่ละบุคคล
- วิธี 1 หากถูกยุงกัดควรทำความสะอาดผิวหนังในจุดที่ถูกกัดด้วยน้ำและสบู่ ซับให้แห้ง จากนั้นประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการบวมโดยประคบตรงที่ถูกกัดประมาณ 10 นาที
- วิธี 2 ใช้ยาแก้แพ้ สำหรับผู้ที่แพ้ยุงที่มีอาการไม่รุนแรง ยาแก้แพ้จะช่วยยับยั้งการหลั่งสารฮิสตามีน (Histamines) ซึ่งจะหลั่งออกมามากขึ้นเมื่อร่างกายสัมผัสกับสารที่แพ้ ในกรณีนี้คือสารบางอย่างจากน้ำลายของยุงที่เข้าสู่ร่างกายผ่านการกัดทำให้เกิดอาการแพ้ สามารถช่วยบรรเทาอาการผื่นแดงคันและอาการบวมเล็กน้อยได้เท่านั้น หากมีอาการรุนแรงมากขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- วิธี 3 ห้ามเกาบริเวณรอยที่ถูกยุงกัด เพราะเป็นการกระตุ้นให้อาการคันและการอักเสบบนผิวหนังเป็นมากขึ้น และยังทำให้ผิวบริเวณที่ถูกยุงกัดเกิดรอยแผลขนาดเล็กขึ้นด้วย
หากมีอาการคันสามารถใช้ Eucerin OMEGA SOOTHING CREAM เพื่อบำรุงผิวหน้าและผิวกาย เฉพาะจุดเพราะมีผสมของ โอเมก้า ออยล์ และ ลิโคชาลโคน เอ ช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของปัญหาผิวแห้ง แดง คัน ระคายเคือง ช่วยคืนความชุ่มชื่นและฟื้นบำรุงชั้นปกป้องผิว ให้มีสุขภาพดีขึ้น สูตรอ่อนโยน ปราศจากพาราเบน น้ำหอม สี และสามารถใช้ได้แม้ในผิวเด็กทารก
- วิธี 4 หากเป็นผื่นบริเวณกว้าง คันมาก หรือมีอาการอักเสบของผิวหนัง แนะนำปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมในการรักษา เช่น ยาแก้แพ้ หรือ ยาทาภายนอก เพื่อลดอาการอักเสบของผิวหนังโดยสามารถใช้ครีมบำรุงผิวอย่าง Eucerin OMEGA BALM บาล์มบำรุงผิวกายที่สามารถใช้ได้ทุกวันสำหรับผู้มีปัญหาผิวแห้ง แดง คัน ช่วยบรรเทาอาการคัน ลดการระคายเคืองช่วยคืนความชุ่มชื่น เสริมเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรงขึ้น สามารถใช้ได้แม้ผิวบอบบางของเด็กทารก
การป้องกันไม่ให้ยุงกัด
การป้องกันไม่ให้ยุงกัดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก นอกจากจะทำให้เกิดอาการผื่น คัน แพ้ยุง ตุ่มนูนแดงแล้ว ยุงยังเป็นพาหะนำโรค ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายอีกมากมาย เช่น โรคไข้เลือดออก, โรคมาลาเรีย, โรคชิคุนกุนยา, โรคซิก้าหรือโรคเท้าช้าง เป็นต้น โดยมีแนวทางในการป้องกันดังนี้
- คอยกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และเปลี่ยนถ่ายภาชนะไม่ให้มีน้ำขัง
- หลีกเลี่ยงแหล่งที่มียุงชุม รวมทั้ง ระมัดระวังไม่ให้ยุงกัด
- ติดมุ้งลวดทั่วบ้าน รวมทั้งเลือกสวมเสื้อผ้าปกปิด คลุมแขน ขา
- พกสเปรย์กันยุง สูตรแห้งและเย็นติดตัวไว้ทา ป้องกันไม่ให้โดนยุงกัด
- จุดยากันยุงชนิดขดทั่วบ้าน หรือฉีดสเปรย์กำจัดยุงรอบๆ บ้าน เพื่อไล่ยุงไม่ให้มารบกวนทุกคนในครอบครัว
สำหรับใครที่มีอาการแพ้ยุงควรป้องกันและลดความเสี่ยงจากการถูกยุงกัด โดยหลีกเลี่ยงจากสถานที่ซึ่งเป็นอยู่อาศัยของยุง เช่น แหล่งน้ำ หรือพื้นที่ธรรมชาติ ควรดูแลตนเองให้มากขึ้นด้วยการพกยาแก้แพ้ สเปรย์ป้องกันยุง รวมทั้งหาครีมที่ช่วยบรรเทาอาการคัน หรือผื่นแพ้จากยุง ซึ่งช่วยลดสาเหตุการเกิดผื่นแพ้ยุงได้