เหงื่อออกเยอะ

เหงื่อออกเยอะ อาการผิดปกติที่อย่ามองข้าม

อ่านแล้ว 0 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

คนที่มีอาการเหงื่ออกเยอะผิดปกติ ไม่ควรมองข้าม เพราะภาวะเหงื่อออกเยอะ หรือที่เรียกว่า (Hyperthidrosis) เป็นภาวะที่ร่างกายขับเหงื่อออกมาตามผิวหนังมากกว่าปกติถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพอากาศที่ไม่ได้ร้อนมากก็ตาม ทำให้ขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันและอาจส่งผลเสียกับสุขภาพไปจนถึงผิวหนังอักเสบได้



ความแตกต่างระหว่าง เหงื่อออกปกติ กับ เหงื่อออกเยอะมาก

ปกติแล้วร่างกายเราจะขับเหงื่อออกมาตามกระบวนการเมตาบอลิซึม (Metabolism) เมื่อเราทำกิจกรรมต่างๆ แต่สำหรับคนที่มีภาวะเหงื่อออกเยอะมากผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณ มือ เท้า หรือ รักแร้ อาจจะเกิดจากอาการผิดปกติอื่นๆในร่างกายได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบประสาท หรือฮอร์โมนที่ไม่ปกติ

เหงื่อออกปกติ เหงื่อออกเยอะมาก (Hyperhidrosis)
กลไกธรรมชาติ ควบคุมอุณหภูมิร่างกาย เหงื่อออกผิดปกติ เหงื่อออกมากเกินความจำเป็น โดยไม่เกี่ยวกับกิจกรรมหรือสภาพแวดล้อม หรือเหงื่อออกแม้จะอยู่ในอุณหภูมิปกติ
มีสาเหตุชัดเจน จากความร้อน การออกกำลังกาย หรือความเครียด สาเหตุหลากหลาย พันธุกรรม ความเครียดเรื้อรัง โรคประจำตัว (ไทรอยด์ เบาหวาน) หรือผลข้างเคียงจากยา
หยุดได้เมื่อสาเหตุหมด และไม่กระทบชีวิตประจำวัน รบกวนชีวิตประจำวัน ต้องได้รับการรักษา

สาเหตุของภาวะเหงื่อออกเยอะผิดปกติ

ภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) คือภาวะที่ร่างกายขับเหงื่อออกมาในปริมาณมากเกินความจำเป็นต่อการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้แม้ในสภาพอากาศปกติอาการของผู้ที่มีภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ เมื่อแพทย์วินิจฉัยแล้วสามารถแบ่งได้ 2 ลักษณะดังต่อไปนี้

 

1. อาการของกลุ่มที่ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน (Primary Hyperhidrosis)

กลุ่มนี้มักจะมีเหงื่อออกมากในบริเวณบางส่วนของร่างกาย เช่น ใบหน้า ศีรษะ รักแร้ และฝ่ามือโดยไม่มีสิ่งกระตุ้น หรือก็คืออยู่เฉยๆ ก็มีเหงื่อออกมาก และออกเวลาใด บริเวณหนึ่ง แต่มักจะออกมากในเวลากลางวัน ภาวะนี้มักพบได้บ่อยในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปี และร้อยละ 30-40 ของผู้ที่มีภาวะนี้ พบว่ามีประวัติคนในครอบครัวเป็นเช่นกันโดยแพทย์จะวินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็นโรคนี้หรือไม่ ผู้ป่วยจะต้องมีอาการเหงื่อออกมากผิดปกติ โดยไม่มีอาการอื่นร่วมด้วย เป็นระยะเวลาทั้งหมด 6 เดือนขึ้นไป ต้องมีอาการดังต่อไปนี้

  • ตำแหน่งที่เหงื่อออกมากผิดปกติ จะต้องเป็นเหมือนกันทั้ง 2 ข้างของร่างกายทั้งซ้ายและขวา
  • อาการเหงื่อออกมากเกิดบ่อยอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ส่วนมากผู้ป่วยก็จะมีอาการมากกว่านี้
  • เริ่มมีอาการเหงื่อออกตั้งแต่เริ่มตื่นนอน
  • อาการเหงื่อออกง่ายจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน

 

2. กลุ่มที่มีสาเหตุจากภาวะผิดปกติในร่างกาย (Secondary Hyperhidrosis)

ผู้ป่วยในกลุ่มนี้จะมีเหงื่อในปริมาณมาก โดยเหงื่อจะออกทั่วร่างกาย แม้กระทั่งในเวลานอน โดยอาการเหงื่อออกเยอะ เป็นผลข้างเคียงหรือเป็นสัญญาณบอกถึงโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น

  • โรคไทรอยด์เป็นพิษ
  • การติดเชื้อ เช่น วัณโรค
  • โรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
  • ภาวะอ้วน หรือโรคอ้วน
  • ภาวะใกล้หมดประจำเดือน (วัยทอง)
  • ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด

อาการแพ้เหงื่อและผลกระทบต่อผิว

สำหรับบางคน เหงื่ออาจเป็นสารระคายเคืองหรือสารก่อภูมิแพ้ได้ เมื่อเหงื่อออกเยอะอาจกระตุ้นให้เกิด "ผื่นแพ้เหงื่อ" นอกจากนี้ เหงื่อยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้อาการของโรคผิวหนังบางชนิดกำเริบหรือรุนแรงขึ้นได้ เช่น โรคภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ (Atopic Dermatitis) หรืออาจทำให้เกิดลมพิษชนิดที่เกิดจากความร้อนและเหงื่อ (Cholinergic Urticaria) โดยอาการที่มักแสดงออกทางผิวหนัง มีดังนี้

  • มักเกิดผื่นขึ้นบริเวณข้อพับต่างๆ เช่น ลำคอ ตามข้อพับต่างๆ
  • มีอาการคันอย่างชัดเจน หรือคันมากขึ้นในช่วงที่เหงื่อออก
  • ผิวหนังบริเวณดังกล่าวอาจมีลักษณะเป็นผื่นแดง, ตุ่มน้ำใส, หรือเป็นปื้นนูนคล้ายลมพิษ
อาการคัน แพ้เหงื่อ

การรักษาภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ

หลังจากแพทย์วินิจฉัยภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติว่าอยู่ในกลุ่มไหนและระดับใดแล้ว แนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของอาการ สำหรับกลุ่มที่มีสาเหตุจากโรคอื่น (Secondary Hyperhidrosis) การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การควบคุมโรคที่เป็นต้นเหตุ ส่วนกลุ่มที่ไม่ทราบสาเหตุชัดเจน (Primary Hyperhidrosis) จะมีวิธีการรักษาเพื่อควบคุมอาการโดยตรง

 

1. การใช้ผลิตภัณฑ์ยาทาระงับเหงื่อ

วิธีนี้เป็นการรักษาเบื้องต้นที่แพทย์มักแนะนำ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ อลูมิเนียมคลอไรด์ (Aluminum Chloride) ที่มีความเข้มข้นสูงกว่าผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายทั่วไป โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ทำให้โปรตีนในชั้นผิวหนังจับตัวกันสร้างเป็นจุกอุดรูเปิดของต่อมเหงื่อชั่วคราว ซึ่งจะช่วยปิดกั้นการไหลของเหงื่อ

วิธีนี้สามารถใช้ได้กับบริเวณต่างๆ เช่น รักแร้, ฝ่ามือ, ฝ่าเท้า, หรือไรผม โดยแพทย์จะแนะนำให้ทายาบางๆ บริเวณผิวที่แห้งสนิทในช่วงก่อนนอน เพื่อให้ตัวยาซึมลงไปปิดกั้นต่อมเหงื่อได้อย่างเต็มที่ แล้วจึงล้างออกในตอนเช้า ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคืออาการระคายเคืองผิว ซึ่งหากมีอาการดังกล่าว แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ครีมไฮโดรคอร์ติโซนเพื่อช่วยบรรเทาอาการ แต่การทายาไม่ได้ทำให้อาการเหงื่อออกมากผิดปกติหายขาด และต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์เท่านั้น

 

2. การฉีดโบทอกซ์

เป็นการรักษาโดยแพทย์จะฉีดสาร โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin A) ปริมาณน้อยๆ กระจายกันหลายจุดในบริเวณที่มีเหงื่อออกมาก

  • หลักการทำงาน: ตัวยาจะเข้าไปยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทที่กระตุ้นให้ต่อมเหงื่อผลิตเหงื่อ ทำให้เหงื่อลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
  • บริเวณที่ฉีดและผลลัพธ์: นิยมฉีดในบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ และฝ่าเท้า โดยผลการรักษาจะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน หลังจากนั้นจำเป็นต้องกลับมาฉีดซ้ำเพื่อควบคุมอาการอย่างต่อเนื่อง
  • ผลข้างเคียง: ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บระหว่างการฉีด และอาจเกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราวในบริเวณที่ทำการรักษาได้

 

3. การผ่าตัดหรือการจี้ปมประสาท

หากรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ได้ผล แพทย์อาจผ่าตัดจี้ทำลายปมประสาทบริเวณรักแร้ที่กระตุ้นการหลั่งเหงื่อ หรือผ่าตัดจี้ปมประสาทไขสันหลังที่กระตุ้นการหลั่งเหงื่อบริเวณมือ แม้เป็นวิธีที่ได้ผลดีแต่มักทิ้งรอยแผลเป็นไว้และอาจทำให้ผู้ป่วยมีเหงื่อออกมากบริเวณอื่นๆ อย่างตามหน้าอกและใบหน้าได้ ส่วนผู้ป่วยที่มีเหงื่อออกมากบริเวณศีรษะและใบหน้าไม่สามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธีนี้ได้

การป้องกันและดูแลตัวเองจากการเหงื่อออกเยอะผิดปกติ

ภาวะเหงื่อออกเยอะผิดปกติไม่มีวิธีป้องกันที่ชัดเจน แต่มีวิธีที่ช่วยให้เหงื่อออกน้อยลงเพื่อป้องกันปัญหาผิว เช่น ผิวหนังอักเสบจากเชื้อรา และปัญหาด้านสุขภาพต่างๆ ที่จะตามมาได้ สามารถป้องกันได้ดังนี้



ครีมอาบน้ำ สำหรับผู้ที่เหงื่อออกเยอะ

1. อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเป็นประจำ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ปราศจาคน้ำหอม อย่าง Eucerin pH5 SENSITIVE SKIN WASHLOTION เพื่อทำความสะอาดและถนอมผิว ช่วยคงความสมดุลของชั้นปกป้องผิว ซึ่งมีส่วนผสมเฉพาะของ pH5 Enzyme protection นวัตกรรมเฉพาะจาก Eucerin ช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับผิวแห้ง บอบบาง แพ้ง่ายเป็นพิเศษ รวมถึงผู้ที่เป็นโรคผิวหนังที่มีอาการแห้ง แพ้ง่ายเป็นพิเศษ


ครีมสูตรอ่อนโยน ที่ปกป้องผิวที่แห้ง

หลังอาบน้ำเสร็จควรบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย ช่วยปรับและคงสมดุลผิว ให้ผิวสุขภาพดี Eucerin pH5 DRY SENSITIVE SKIN HYDRO BOOST CREAM ตัวช่วยดูแลผิว เนื้อเจลครีมสูตรอ่อนโยน ที่ปกป้องผิวที่แห้ง ให้กลับมาชุ่มชื่นยาวนาน 24 ชั่วโมง ด้วย pH Balance System ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของยูเซอริน ช่วยปรับสมดุลสภาพแวดล้อมในเซลล์ให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์ สุขภาพดี พร้อมบำรุงอย่างล้ำลึก ซึ่งจะช่วยให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น ผิวจึงไม่ไวต่อปัจจัยกระตุ้นต่างๆ พร้อมผสาน Dexpanthenol และ Seed Oil ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวทันที และคงความชุ่มชื้นยาวนานตลอดทั้งวัน และสามารถทาบำรุงผิวกายเป็นประจำทุกวัน

ครีมบำรุงผิวสำหรับผิวแพ้ง่าย

2. เสริมความสมดุลให้ผิวแข็งแรงเพื่อทนต่อปัจจัยกระตุ้น ที่ทำให้เกิดอาการแพ้

อย่างการใช้ Eucerin OMEGA ATO-CALMING BALM บาล์มบำรุงผิวหน้าและผิวกาย เนื้อบางเบาและมีสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ออกแบบมาเพื่อการฟื้นบำรุงผิวแพ้ง่ายให้มีสุขภาพดีและแข็งแรงขึ้น รวมไปถึงการช่วยบรรเทาอาการแพ้จากโรคภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ จากการเหงื่อออกมาก ด้วย Licochalcone A และเติมความชุ่มชื้นด้วยไขมันจำเป็นอย่าง Omega 3&6 ให้ผิว ไม่มีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเพิ่มขึ้น สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถใช้ได้กับผิวเด็กทารกตั้งแต่แรกเกิด เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และสารระคายเคืองต่างๆ

 

3.  ใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย

ที่ผสมสารลดเหงื่อจำพวกอะลูมิเนียมคลอไรด์ทั้งในระหว่างวันและก่อนนอน เพื่อช่วยปิดต่อมเหงื่อบริเวณรักแร้ มือ เท้า หรือศีรษะชั่วคราว

 

4.  สวมใส่เสื้อผ้าที่ผลิตจากใยธรรมชาติ

เสื้อผ้าจากใยธรรมชาติมีคุณสมบัติที่ช่วยระบายเหงื่อได้ดี ใส่เสื้อผ้าที่ออกแบบมาให้ช่วยระบายเหงื่อเมื่อออกกำลังกาย และใช้ผ้าคอยซับเหงื่อเพื่อไม่ให้เสื้อผ้าเปียกชุ่ม รวมถึงการ สวมใส่รองเท้าที่ผลิตจากหนังสัตว์ซึ่งระบายเหงื่อได้ดีและช่วยป้องกันเท้าเหม็นได้ รวมทั้งควรถอดรองเท้าทุกครั้งเมื่อมีโอกาส เพื่อให้ไม่เกิดการหมักหมม

 

5. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มบางชนิด

ร้อนอย่างชาและกาแฟ รวมทั้งแอลกอฮอล์และอาหารรสเผ็ด เพราะอาหารเหล่านี้มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งของเหงื่อ