ฝ้าฮอร์โมน

ฝ้าฮอร์โมน เกิดขึ้นได้อย่างไร มารู้วิธีรักษาและข้อควรรู้เกี่ยวกับฝ้าฮอร์โมน

อ่านแล้ว 1 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

ฝ้าฮอร์โมนเป็นปัญหาผิวที่สามารถพบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้หญิง ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับฝ้าฮอร์โมน ว่าคืออะไร ทำไมถึงเรียกว่าฝ้าฮอร์โมน รวมถึงวิธีรักษา และการป้องกัน เพื่อให้ผิวหน้าเนียนใสอีกครั้ง

ฝ้าฮอร์โมน คืออะไร

ฝ้าฮอร์โมน (Chloasma) เป็นภาวะผิวหนังที่เกิดจากการผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป ส่งผลให้เกิดจุดด่างดำหรือรอยคล้ำบนใบหน้า มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์หรือผู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อมีประมานฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มากเกินจากระดับปกติ

วิธีสังเกตฝ้า เป็นแบบไหน

  • มีลักษณะเป็นปื้นหรือจุดด่างดำบนผิวหน้า
  • ส่วนใหญ่มักเกิดบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก เหนือริมฝีปาก และคาง
  • สีของฝ้าอาจเป็นสีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม หรือเทา

ฝ้าฮอร์โมน สาเหตุเกิดจากอะไร

การตั้งครรภ์ ในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างมาก โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นสูงมากเพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของทารก การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้เซลล์สร้างเม็ดสีเมลานินทำงานมากขึ้น ทำให้เกิดฝ้าที่เรียกว่า "ฝ้าตั้งครรภ์" ซึ่งมักปรากฏบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะโหนกแก้ม หน้าผาก และริมฝีปากบน ฝ้าตั้งครรภ์ส่วนใหญ่มักจะจางลงหลังคลอด แต่บางครั้งก็อาจยังคงอยู่

 

การใช้ยาคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม มีส่วนผสมของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้สามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้เกิดฝ้าได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรม การใช้ยาคุมกำเนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนสูง หรือการใช้ยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดฝ้าได้มากขึ้น

 

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตามธรรมชาติ ในช่วงวัยหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะลดลงอย่างมาก ในขณะที่ระดับฮอร์โมนอื่นๆ อาจเปลี่ยนแปลงไป การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสามารถส่งผลต่อการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้เกิดฝ้าได้

 

ความเครียด ความเครียดก็เป็นอีกปัจจัยนึงที่ทำให้เกิดฝ้าฮอร์โมนได้เช่นกัน เพราะเมื่อร่างกายเกิดความเครียด หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็จะจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล จนทำให้ร่างกายเกิดสารอนุมูลอิสระมากขึ้น และกระตุ้นการผลิตเมลานินจนทำให้เกิดฝ้าได้

ประเภทของฝ้าฮอร์โมนแต่ละชนิด

  • ฝ้าตื้น เกิดในชั้นหนังกำพร้า มีสีออกน้ำตาลและรักษาได้ง่าย
  • ฝ้าลึก เกิดในชั้นหนังแท้ มีสีเทาหรือน้ำตาลเข้ม รักษาได้ยากกว่า
  • ฝ้าผสม เป็นการรวมกันของฝ้าตื้นและฝ้าลึก มักพบได้บ่อยที่สุด

วิธีรักษาฝ้าฮอร์โมน

1. การใช้ยาทาเฉพาะที่

การใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของสารลดการสร้างเม็ดสี อย่างไฮโดรควิโนน (Hydroquinone), กรดโคจิก (Kojic acid), หรือวิตามินซี จะช่วยให้ฝ้าจางลงได้ แต่ควรใช้ยาทาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้นโดยเฉพาะเมื่ออยู่ระหว่างตั้งครรภ์ และหลีกเลี่ยงการใช้ยาทาที่มีสารเคมีรุนแรงต่อผิว

 

2. การทำทรีตเมนต์ทางการแพทย์

  • การทำเลเซอร์ (Laser) การทำเลเซอร์บางชนิดสามารถช่วยลดเลือนฝ้าได้ โดยการทำลายเม็ดสีเมลานินส่วนเกิน ให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสมากขึ้น
  • ไอพีแอล (IPL) เป็นการใช้แสงที่มีความเข้มข้นสูง ในการช่วยลดเลือนฝ้าและรอยดำ
  • การผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peeling) เป็นการใช้สารเคมีผลัดเซลล์ผิวชั้นบน ช่วยลดเลือนฝ้าและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น

3. การปรับสมดุลฮอร์โมน

หากสงสัยว่าฝ้าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจระดับฮอร์โมนและรับการรักษาที่เหมาะสม รวมถึงแพทย์อาจพิจารณาสั่งยาปรับสมดุลฮอร์โมนในบางกรณีให้เหมาะสมกับร่างกาย

 

4. การดูแลผิว

ครีมกันแดด การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ้าเข้มขึ้น

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนฝ้าและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว

การดูแลตนเอง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงความเครียด

การป้องกันฝ้าฮอร์โมน

ป้องกันแสงแดด

ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00-16.00 น.และควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30+ ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน หากต้องเจอแดดจัดสวมหมวกปีกกว้าง สวมแว่นกันแดด และเสื้อผ้าที่ปกคลุมผิวหนังเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด

 

ควบคุมฮอร์โมน

ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนทดแทน ดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรง โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด เพราะความเครียดมีส่วนให้เกิดฮอร์โมนที่ส่งผลกระทบให้เกิดฝ้าได้

 

ดูแลผิวอย่างเหมาะสม

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยนและปราศจากสารเคมีที่ระคายเคือง ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน อย่าง ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide), วิตามินซี (Vitamin C), หรือกรดโคจิก (Kojic acid)

 

ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับฝ้า หรือต้องการคำแนะนำในการดูแลผิว ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

แนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวให้กระจ่างใส

เจลล้างหน้าใส

Eucerin SPOTLESS BRIGHTENING EXFOLIATING CLEANSING GEL

Eucerin SPOTLESS BRIGHTENING EXFOLIATING CLEANSING GEL เจลล้างหน้าที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และมีความอ่อนโยนต่อผิว สามารถทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกที่มีสารสำคัญอย่าง 2% AHA Complex ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวคล้ำเสียอย่างอ่อนโยน ลดเลือนจุดด่างดำ ทำให้ผิวดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น และยังมีสาร Lactic Acid + Glycolic Acid ช่วยเพิ่มการส่งน้ำเข้าสู่ผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวชุ่มชื่น อิ่มน้ำ

ครีมลดฝ้า

Eucerin SPOTLESS BRIGHTENING BOOSTING ESSENCE

Eucerin SPOTLESS BRIGHTENING BOOSTING ESSENCE เอสเซนส์บำรุงผิว ที่ช่วยให้ผิวดูสว่างกระจ่างใส บูสผิวใสให้ชุ่มชื้นน้ำตบตัวแรกจากยูเซอริน ที่ช่วยปลอบประโลมผิวที่ผ่านมลภาวะต่างๆให้ดีขึ้นด้วย Panthenol และเพิ่มเติมความชุ่มชื้นของผิวหน้าด้วย Hyaluronic Acid ให้ผิวหน้าอิ่มฟูเตรียมพร้อมสำหรับครีมบำรุง และช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำให้กระจ่างใสด้วย ไทอามิดอล (Thiamidol™) ที่ช่วยตัดตอนรอยดำลึกถึงจุดกำเนิด ด้วยกลไกที่สำคัญที่สุด ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสภายใน 2 สัปดาห์ เพียงแค่ตบหลังจากใช้โทนเนอร์ แค่นี้ก็พร้อมสำหรับเซรั่มหรือครีมบำรุงตัวถัดไป

 

Eucerin SPOTLESS BRIGHTENING BOOSTER SERUM

Eucerin SPOTLESS BRIGHTENING BOOSTER SERUM เซรั่มเข้มข้น ที่ช่วยลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำด้วยเทคโนโลยีไมโครทาร์เก็ต ผสานพลัง ไทอามิดอล THIAMIDOL™สารไบรท์เทนนิ่งประสิทธิภาพดีที่สุดจากยูเซอริน ที่ช่วยตัดตอนรอยดำลึกถึงจุดกำเนิด ด้วยกลไกที่สำคัญที่สุด สำหรับลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ ฝ้าแดดหนาลึกดูลดเลือนได้มากถึง 75% และช่วยจบปัญหารอยดำและจุดด่างดำทุกประเภท ปรับให้ผิวดูกระจ่างใสใน 2 สัปดาห์ ไม่กลับมาเป็นซ้ำ ที่มาพร้อมกับ HYALURON ตัวช่วยฟื้นบำรุงสภาพผิว ที่มีโมเลกุลเล็กกว่า 40 เท่า จึงนำพาสารไทอามิดอลซึมซาบเข้าจัดการจุดด่างดำได้ลึกและตรงจุด และยังมีสาร ลิโคชาลโคน เอ สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า Ascorbic Acid 1.5 เท่าและสูงกว่า Niacinamide ถึง 5 เท่า++ ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวจากการระคายเคือง และลดการเกิดรอยดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำถามที่พบบ่อย (2)

  • ฮอร์โมนอะไรที่ทำให้เกิดฝ้าฮอร์โมน

    ฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ซึ่งส่งผลให้เกิดฝ้าฮอร์โมน โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์หรือขณะรับประทานยาคุมกำเนิด

  • ยาคุมทำให้เป็นฝ้าจริงไหม

    ยาคุมกำเนิดบางชนิดมีส่วนผสมของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้สามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง ทำให้เกิดฝ้าได้ อย่างผู้ที่มีการใช้ยาคุมที่มีฮอร์โมนสูงจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฝ้าได้ หากกังวลเรื่องฝ้าจากการใช้ยาคุม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

บทความเกี่ยวข้อง

คุณอาจจะสนใจสิ่งเหล่านี้