ว่านหางจระเข้ หนึ่งในพืชสมุนไพรไทยที่คนไทยรู้จักกันดีและนิยมใช้กันมาอย่างแพร่หลายและยาวนาน เป็นหนึ่งในสมุนไพรพื้นบ้านที่มักจะเห็นได้ทั่วไปในสวนหลังบ้านส่วนใหญ่ ด้วยสรรพคุณที่มากมายในการช่วยดูแลสุขภาพ ทั้งใช้เป็นทั้งยาภายในและยาภายนอก รวมไปถึงใช้เป็นหนึ่งในเครื่องประทินผิวดูแลความงามได้อีกด้วย สรรพคุณมากมายขนาดนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ว่านหางจระเข้จะเป็นที่นิยมปลูกเอาไว้ในแทบทุกบ้าน
ว่านหางจระเข้ คืออะไร
ด้วยลักษณะภายนอกของว่านหวางจระเข้มีลักษณะเรียวยาวและมีหนามด้านข้างคล้ายกับหางของจระเข้จึงเป็นที่มาของชื่อ แต่ว่านหางจระเข้นั้น ถิ่นกำเนิดอยู่ห่างออกไปถึง แถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา และถูกนำเข้ามาปลูกใช้อย่างแพร่หลายในภูมิภาคเอเชียจะวันออกเฉียงใต้
ว่านหางจระเข้ปกติแล้วเป็นพืชที่ขึ้นในเขตร้อนและภายหลังได้แพร่ขยายพันธุ์ไปสู่เอเชียและยุโรป จนทุกวันนี้ว่านหางจระเข้ก็เป็นที่นิยมของทั่วโลกไปแล้ว โดยว่านหางจระเข้จะมีมากมายกว่า 300 สายพันธุ์ ซึ่งมีตั้งแต่ขนาดเล็กกว่า 10 เซนติเมตรไปจนถึงสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ ลักษณะพิเศษของว่านหางจระเข้ก็คือ มีใบแหลมคล้ายเข็ม มีเนื้อหนาและในเนื้อมีน้ำเมือกเหนียว
ส่วนประกอบสำคัญในวุ้นว่านหางจระเข้
- น้ำ: เป็นส่วนประกอบหลัก (มากกว่า 98%) ให้ความชุ่มชื้น
- พอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides): เช่น อะซีแมนแนน (Acemannan) มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านไวรัส และช่วยสมานแผล
- แอนทราควิโนน (Anthraquinones): เช่น อะโลอิน (Aloin) ซึ่งพบมากในยางสีเหลืองใต้เปลือกใบ มีฤทธิ์เป็นยาระบาย (หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและถูกวิธี)
- วิตามิน: เช่น วิตามินเอ (ในรูปเบต้าแคโรทีน) วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินบีต่างๆ
- เอนไซม์: ช่วยในการย่อยสลาย ลดการอักเสบ
- แร่ธาตุ: เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี
- กรดอะมิโน: หน่วยย่อยของโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกาย
สรรพคุณของวุ้นว่านหางจระเข้
สรรพคุณเด่นที่รู้จักกันคือเมือกของว่านหางจระเข้ที่มีสรรพคุณในด้านการสมานแผลและรักษาบาดแผลที่เกิดจากความร้อนต่างๆ ได้ด้วยวุ้นเมือกภายในว่านหางจระเข้มีลักษณะเย็น จึงนิยมนำสรรพคุณส่วนนี้มาใช้ประโยชน์เป็นอันดับแรก ทั้งใช้เป็นยาภายใน ใช้เป็นยาภายนอก และใช้ในการเสริมความงาม
วิธีใช้ประโยชน์ว่านหางจระเข้ภายใน
1. เนื้อว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เป็นยาระบาย
เนื้อว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เป็นยาระบาย และเคลือบกระเพาะอาหารและลำไส้ ซึ่งสามารถใช้เป็นยาถ่ายหรือยาระบายอ่อนๆ ได้ตามปริมาณการใช้เนื้อว่านและมีฤทธิ์ในการดูแลโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ลำไส้อักเสบได้
2. รักษาระดับน้ำตาลในเลือด
สำหรับผู้ป่วยเบาหวานในระยะแรก เนื้อว่านหางจระเข้มีความสามารถในการลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เป็นการบรรเทาอาการของโรคและสามารถใช้ว่านหางจระเข้เป็นยาในการป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้
3. เหมาะกับผู้ที่มีอาการปวดข้อ
ผู้ที่มีอาการปวดข้อ สามารถนำวุ้นว่านหางจระเข้สะอาดแช่เย็น และรับประทานเพื่อบรรเทาอาการปวดตามข้อต่าง ๆ โดยสามารถใช้ได้ทั้งเนื้อวุ้น และน้ำวุ้น สามารถนำไปปั่นเป็นน้ำว่านหางจระเข้ เพื่อการรับประทานที่ง่ายขึ้นก็ช่วยบรรเทาอาการได้เช่นกัน

วิธีใช้ประโยชน์ว่านหางจระเข้ภายนอก
1. บรรเทาอาการแสบร้อน
เมื่อผิวสัมผัสกับความร้อน ไม่ว่าจะเป็นน้ำร้อนลวก แผลโดนไฟ หรือแม้แต่ผิวที่ถูกแดดเผาจะมีอาการแสบร้อน สามารถนำวุ้นของว่านหางจระเข้มาใช้เป็นยาทาเพื่อลดอาการอักเสบของผิวและบรรเทาอาการแสบร้อนได้
2. ลดอาการอักเสบ
หากได้รับบาดเจ็บจากของมีคม ให้ทำความสะอาดแผลแล้วใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ที่ยังมีเมือกอยู่ แปะลงไปบนแผล จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสมานแผลให้เร็วขึ้นได้ ทั้งยังช่วยป้องการติดเชื้ออักเสบได้อีกด้วย
3. ใช้รักษาโรคตาปลา
ใช้ว่านหางจระเข้ในการรักษาโรคตาปลาและฮ่องกงฟุตได้ โดยใช้เนื้อวุ้นทำความสะอาดแล้วแปะบริเวณที่เป็นตาปลาหรือฮ่องกงฟุต โดยทำความสะอาดแผลและเปลี่ยนวุ้นบ่อยๆ เพื่อให้อาการบรรเทาลงได้เร็วขึ้น
วิธีใช้ประโยชน์ว่านหางจระเข้กับความงาม
- ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผมและหนังศีรษะเพื่อให้ผมที่นุ่มสลวย เงางามและมีฤทธิ์ในการขจัดรังแคได้ โดยนำเอาเนื้อวุ้นว่านหางจระเข้ปั่นละเอียดแล้วนำมาชะโลมผมหมักไว้สักครู่เพื่อบำรุงผมและหนังศีรษะ
- ว่านหางจระเข้มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการติดเชื้อ และมีกรดอ่อน ๆ ช่วยลดความมันบนใบหน้าได้ นำเนื้อวุ้นที่ล้างสะอาดทาบริเวณใบหน้าวันละ 2 ครั้ง ใช้เวลาสัก 1-2 เดือน จะเริ่มเห็นผลว่ารอยต่าง ๆ ดูจางลง ผิวหน้าดูใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ว่านหางจระเข้บำรุงผิวกาย สำหรับผู้ที่ต้องการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวพร้อมๆ กับการดูแลผิวด้วยวิธีธรรมชาติ การใช้เนื้อว่านหางจระเข้พอกหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า หรือจะนำมาใช้ตอนอาบน้ำเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวก็ได้เช่นเดียวกัน โดยนำเอาว่านมาตัดเอาเนื้อใส่ห่อผ้าแล้วแช่ไว้ในอ่างอาบน้ำ หรือจะแช่ไปทั้งเนื้อเลยก็ได้ นำเนื้อว่านมาถูตามร่างกายเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยบำรุงผิวได้
สูตรพอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้
การใช้ว่านหางจระเข้พอกหน้าจะมีสูตรและเคล็ดลับในการใช้งานเล็กน้อยดังนี้
- สูตรพอกหน้าเพื่อลดความมัน และจุดด่างดำ เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้บด 1 ช้อนโต๊ะ, ดินสอพอง 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำมะนาว 1 ช้อนชา, น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันแล้วใช้
- สูตรพอกหน้าลดความมันบนใบหน้า ลดการเกิดสิว เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้บด 1 ช้อนโต๊ะ, ดินสอพอง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ, ไข่ขาว 2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันช่วย
- สูตรพอกหน้าให้ใบหน้ากระจ่างใส และลดความมันบนใบหน้า เนื้อวุ้นว่านหางจระเข้บด 1 ช้อนโต๊ะ, ดินสอพอง 1 ช้อนโต๊ะ, นมสด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันแล้วนำไปพอกหน้า
ข้อแนะนำการใช้ว่านหางจระเข้
- ควรใช้ว่านหางจระเข้ที่มีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไปและเลือกใช้ใบล่างสุดเสมอเพราะจะมีขนาดใหญ่และมีเนื้อวุ่นที่มากกว่า
- เนื่องจากใช้สรรพคุณทางด้านการต้านการอักเสบและติดเชื้อเป็นหลักจึงควรดูแลความสะอาดในขั้นตอนการตัดและใช้งานว่านหางจระเข้
- สรรพคุณทางยาของว่านหางจระเข้จะดีที่สุดเมื่อใช้หลังจากตัดมาทันที และจะคงสภาพตัววุ้นเพียงแค่ไม่เกิน 6 ชั่วโมง
- การนำวุ้นว่างหางจระเข้มาแช่เย็นจะช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้น รู้สึกสดชื่นสบายมากยิ่งขึ้น
- ว่านหางจระเข้จะมีสรรพคุณที่ดีหลายอย่าง แต่ยังมีการพบอาการแพ้ว่างหางจระเข้อยู่บ้างดังนั้น ก่อนใช้ว่านหางจระเข้ควรตรวจสอบการแพ้ก่อน
ข้อควรระวังในการใช้ว่านหางจระเข้
การใช้ว่านหางจระเข้โดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย แต่มีบางกรณีที่ควรระวัง ดังนี้
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ระวังการดื่มน้ำว่านหางจระเข้ที่มีส่วนประกอบของวุ้น เพราะอาจกระตุ้นให้ตับอ่อนสร้างสารอินซูลินเพิ่มขึ้น
- ผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบและโรคกระเพาะ ควรล้างวุ้นว่านหางจระเข้ให้สะอาดเพื่อลดการระคายเคืองจากยางสีเหลืองที่อาจกระตุ้นการอักเสบ
- หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร หรือผู้ป่วยโรคริดสีดวง ห้ามรับประทานยางของว่านหางจระเข้ เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น เสี่ยงต่อการแท้งบุตร และทำให้ลูกที่ดื่มนมแม่เกิดภาวะท้องเสีย
- ควรล้างให้สะอาดก่อนกินหรือใช้ ควรล้างว่านหางจระเข้ให้สะอาดทุกครั้งเพื่อลดการระคายเคืองจากสารแอนทราควิโนน
- ใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ควรใช้หรือทานในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงได้ที่เกิดจากการกินเยอะมากเกินไป
ว่างหางจระเข้เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ในด้านยาและความงาม เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่สามารถปลูกง่าย ดูแลง่ายและมีประโยชน์ในการใช้งานที่หลากหลาย เป็นสมุนไพรธรรมชาติที่ควรปลูกไว้ติดบ้านเพื่อประโยชน์ในด้านต่างๆ โดยไม่เปลืองพื้นที่ในการปลูกและสะดวกต่อการนำมาใช้ประโยชน์อีกด้วย
-
ว่านหางจระเข้ทุกสายพันธุ์ใช้ได้เหมือนกันไหม?
แม้ว่านหางจระเข้จะมีหลายสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่นิยมใช้และมีงานวิจัยรองรับสรรพคุณมากที่สุดคือ Aloe barbadensis miller (หรือ Aloe vera (L.) Burm.f.) ซึ่งมีวุ้นมากและมีสารออกฤทธิ์สูง สายพันธุ์อื่นอาจมีสรรพคุณคล้ายกันแต่ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
-
สามารถกินวุ้นว่านหางจระเข้สดๆ จากต้นได้เลยหรือไม่?
ควรล้างยางสีเหลืองออกให้หมดก่อนเสมอ โดยปอกเปลือกแล้วล้างวุ้นด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง การรับประทานยางเข้าไปอาจทำให้ท้องเสียได้
-
ทาว่านหางจระเข้ที่หน้าทุกวันดีไหม?
สำหรับคนส่วนใหญ่สามารถทาได้ทุกวัน โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแห้งหรือต้องการความชุ่มชื้น อย่างไรก็ตาม ควรทดสอบการแพ้ก่อน และหากมีสภาพผิวที่บอบบางแพ้ง่าย หรือมีโรคผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
-
ยางสีเหลืองของว่านหางจระเข้คืออะไร อันตรายไหม?
ยางสีเหลืองที่อยู่ใต้เปลือกใบมีสารประกอบหลักคือ "อะโลอิน" (Aloin) ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาระบายที่แรง หากรับประทานเข้าไปอาจทำให้ปวดบิดในท้อง ท้องเสียรุนแรง และหากใช้ภายนอกโดยไม่ล้างออก อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังได้ในบางคน
-
ใครบ้างที่ไม่ควรใช้หรือรับประทานว่านหางจระเข้?
หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่แพ้พืชในวงศ์ Liliaceae (เช่น กระเทียม หัวหอม) ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต และผู้ที่กำลังรับประทานยาบางชนิด (เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาเบาหวาน) ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้