คอลลาเจน

คอลลาเจนช่วยอะไร เลือกทานอย่างไรให้ได้ผลดี

อ่านแล้ว 2 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

คอลลาเจน เป็นอีกหนึ่งโปรตีรที่ช่วยทำให้ผิวพรรณให้ดูสวยใส เปล่งปลั่ง ไร้ริ้วรอย คนเราสามารถทานอาหาร หรืออาหารเสริมเพื่อเพิ่มคอลลาเจนในร่างกายได้ เพื่อใช้ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่อมีอายุมากขึ้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวหนังไม่กระชับ ดูเหี่ยวย่น และมีริ้วรอยระหว่างวัยเพิ่มขึ้นมาได้

คอลลาเจนคืออะไร? ทำไมถึงสำคัญต่อร่างกาย

คอลลาเจน (Collagen) ถือเป็นโปรตีนชนิดเส้นใย (Fibrous Protein) ชนิดหนึ่งที่มีมากที่สุดในร่างกาย คิดเป็นประมาณ 30% ของโปรตีนทั้งหมด เป็นส่วนประกอบของโครงสร้างผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เอ็นต่างๆ ถึงร้อยละ 75 โดยทำหน้าที่เป็นตัวประสานเซลล์และเนื้อเยื่อคอลลาเจนสามารถสร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ ใยคอลลาเจนนอกจากจะช่วยสร้างความแข็งแรงของผิวหนังแล้ว ยังสามารถช่วยรักษาความยืดหยุ่น ทำให้ผิวดูกระชับและมีความนุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการสร้างเส้นใยของเลือด ฟัน และเล็บ อีกด้วย

ประเภทของคอลลาเจนในร่างกาย

  • คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) เป็นคอลลาเจนที่มีปริมาณมากที่สุด สามารถพบได้มากกว่าร้อยละ 90 ในร่างกาย ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ช่วยไม่ให้เนื้อเยื่อฉีกขาด พบได้ในบริเวณผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด
  • คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) หรือเรียกอีกอย่างนึงว่าคอลลาเจนสำหรับกระดูก เพราะทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ให้มีจำนวนมากขึ้น จึงสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอบริเวณข้อต่อได้ มักมีความยืดหยุ่นมากกว่าชนิดที่ 1 พบได้ในบริเวณกระดูกอ่อนหรือข้อต่อ เช่น ส่วนประกอบของหู จมูก หลอดลม และกระดูกซี่โครง
  • คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) พบได้ในบริเวณเดียวกันกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 มีบทบาทสำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อ ลดอาการบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อ พบได้ในบริเวณผิวหนัง, กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด

5 ประโยชน์ ของคอลลาเจน

1. บำรุงผิวพรรณ ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย

นี่คือประโยชน์ที่ทุกคนรู้จักดีที่สุด คอลลาเจนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิว เมื่อร่างกายมีคอลลาเจนเพียงพอ จะช่วยให้:

  • ผิวเต่งตึง กระชับ ไม่หย่อนคล้อย
  • ริ้วรอยร่องตื้นดูจางลง
  • ผิวดูอิ่มฟู เรียบเนียน และสุขภาพดี

 

2. บรรเทาอาการปวดข้อและเสริมสร้างกระดูก

คอลลาเจนชนิดที่ 2 เป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูกอ่อนที่หุ้มปลายกระดูก การเสริมคอลลาเจนสามารถช่วย:

  • ลดอาการปวดและอักเสบในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม
  • ฟื้นฟูและซ่อมแซมกระดูกอ่อนที่สึกหรอ
  • เพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรงและลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน

 

3. เสริมสร้างความแข็งแรงให้เส้นผมและเล็บ

คอลลาเจนมีส่วนช่วยในการสร้างเคราติน ซึ่งเป็นโปรตีนหลักของเส้นผมและเล็บ การได้รับคอลลาเจนที่เพียงพอจะช่วยให้:

  • ลดการหลุดร่วงของเส้นผม ทำให้รากผมแข็งแรง
  • เส้นผมหนาและมีน้ำหนักมากขึ้น
  • เล็บแข็งแรง ไม่เปราะหรือฉีกขาดง่าย

 

4. อาจช่วยส่งเสริมสุขภาพลำไส้

ผนังลำไส้ประกอบด้วยคอลลาเจน มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ว่าการเสริมกรดอะมิโนจากคอลลาเจนอาจช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของผนังลำไส้ และอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีภาวะลำไส้รั่ว (Leaky Gut Syndrome)

 

5. เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ

คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบสำคัญของกล้ามเนื้อ การทานคอลลาเจนควบคู่กับการออกกำลังกาย สามารถช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ

อาการขาดคอลลาเจน

  • ผิวหนังหย่อนคล้อยไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น มีริ้วรอย
  • ผิวบริเวณใต้ตาลึกลง และเกิดร่องแก้ม
  • ปวดกล้ามเนื้อข้อต่อ ข้อเข่า กระดูก และเส้นเอ็นขาดความยืดหยุ่น
  • โรคข้อกระดูกอ่อนเสื่อม เกิดเสียงในเข่า
  • ขยับตัวน้อยลงเนื่องจากข้อต่อฝืดมีเสียงกรอบแกรบ
  • กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงหรือลีบฝ่อ
  • รากผมอ่อนแอ และผมร่วง
  • เลือดหยุดไหลช้า และแผลหายยาก
  • ผิวแห้งกร้าน ลอกเป็นขุย
  • สภาพผิวไม่เรียบเนียนเกิด ฝ้า กระ จุดด่างดำ

วิธีการเลือกทานอาหาร ที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน

1. วิตามินซี

เลือกทานผักผลไม้ต่าง ๆ ที่ให้วิตามินซีสูง ส่วนมากจะมีรสเปรี้ยวนำ เช่น มะขามป้อม, ส้ม, ฝรั่ง, มะนาว, ส้มหรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และช่วยให้ผิวแข็งแรงอีกด้วย

 

2. กรดไขมันโอเมก้า

ถือเป็นแหล่งสร้างคอลลาเจนจากธรรมชาติตัวท็อปอีกตัวนึงเลย เพราะสามารถช่วยเติมเต็มร่องลึกของเซลล์ผิวที่ได้รับความเสียหาย สามารถรับประทานอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้าได้จากปลาแซลมอน, ทูน่า, อะโวคาโด และอัลมอนด์

คอลลาเจนช่วยอะไร

3. ผัก-ผลไม้สีแดง

ผัก ผลไม้สีแดงมักมีไลโคปีนสูง สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีมาก มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดริ้วรอยระหว่างวัย โดยไลโคปีนทำหน้าที่เป็นครีมกันแดดตามธรรมชาติ ช่วยปกป้องผิวจากการถูกแดดทำร้าย ในขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่มคอลลาเจนอีกด้วย

 

4. ถั่วเหลือง

ถั่วเหลืองทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น น้ำเต้าหู้, นมถั่วเหลือง, เต้าหู้สด มักประกอบไปด้วยเจนิสติน (Genistein) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ไอโซฟลาโวน (Isoflavone) สามารถช่วยเร่งการผลิตคอลลาเจน ช่วยป้องกันเอนไซม์ MMPs จึงทำให้ผิวพรรณเต่งตึง กระชับ ลดปัญหาผิวแก่ได้

 

5. กระดูกอ่อน หรือน้ำต้มซุปกระดูก

ไม่ว่าจะเป็นกระดูกอ่อนหมู กระดูกอ่อนไก่ ต่างก็มีคอลลาเจนปะป­­นอยู่กับโปรตีน สามารถสังเกตคอลลาเจนที่ลอยขึ้นมาเป็นวุ้นจากน้ำต้มกระ­­ดูกที่ทิ้งไว้จนเย็นได้ หากใครไม่ชอบรับประทานกระดูอ่อนสามารถเลือกทานแต่น้ำต้มซุปกระดูกได้ ไม่ว่าจะเป็นซุปจากกระดูกวัว, ซี่โครงหมู, โครงไก่ และก้างปลา ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ และโปรตีนที่ปราศจากไขมันสูง ซึ่งดีต่อผิวพรรณ

ข้อควรระวังในการทานอาหารเสริมคอลลาเจน

  • ผู้ที่มีอาการแพ้อาหารทะเล หากแพ้อาหารทะเล ควรหลีกเลี่ยงคอลลาเจนที่มาจากปลาหรือสัตว์ทะเลอื่นๆ ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของคอลลาเจน
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่างโรคไต หรือโรคเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มทานคอลลาเจนเสริม เนื่องจากอาจมีข้อจำกัดหรือความเสี่ยงบางประการ
  • หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่ให้นมบุตร ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทานคอลลาเจนเสริมในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  • การได้รับคอลลาเจนมากเกินไป แม้ว่าคอลลาเจนจะค่อนข้างปลอดภัย แต่การทานในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นอาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เพิ่มเติม และอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงบางอย่าง ควรปฏิบัติตามปริมาณที่แนะนำบนฉลากผลิตภัณฑ์
  • คุณภาพของผลิตภัณฑ์ ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์คอลลาเจนจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน และได้รับการรับรอง เพื่อหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ หรือมีสารปนเปื้อน

คอลลาเจน ประโยชน์

ความเสื่อมของคอลลาเจนในผิวที่ลดน้อยลงในแต่ละช่วงอายุ

ปกติแล้วคอลลาเจนในผิวจะลดลงตามช่วงวัย เมื่ออายุมากขึ้นกระบวนการผลิตคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ก็ทำงานน้อยลง ซึ่งสามารถสังเกตุได้ง่ายจากบริเวณผิวหน้า ที่มีริ้วรอยต่างๆเพิ่มขึ้นในแต่ละช่วงอายุ

  • ช่วงอายุระหว่าง 25-30 ปี ร่างกายจะยังมีความสามารถในการสร้างคอลลาเจน อาจยังไม่พบปัญหาผิวที่มีริ้วรอยชัดเจน โดยช่วงอายุ 20 ปี จะมีคอลลาเจนที่ผิวหนังถึง 75% และลดน้อยลงตั้งแต่อายุ 25 ปีเป็นต้นไป
  • ช่วงอายุระหว่าง 30-40 ปี ผิวจะเริ่มมีรอยย่นบาง ๆ บริเวณร่องแก้ม, รอยย่นระหว่างคิ้ว, รูขุมขนกว้าง และเริ่มมีกระไปจนถึงฝ้า
  • ช่วงอายุระหว่าง 40-50 ปี ความสามารถในการสร้างคอลลาเจนของร่างกายลดลงมากขึ้น ทำให้ริ้วรอยบริเวณต่าง ๆ ชัดขึ้น เช่น บริเวณหน้าผาก, ระหว่างคิ้ว, ขอบตาล่าง และหางตา(ตีนกา) ไปจนถึงกระ ฝ้าลึก
  • ช่วงอายุระหว่าง 50-65 ปี คอลลาเจนในร่างกายจะเริ่มเสื่อมลง ร่องรอยตามบริเวณต่าง ๆ จะชัดยิ่งขึ้น และเริ่มทอดยาวเชื่อมหากันบนใบหน้า
  • อายุ 65 ปี ขึ้นไป คอลลาเจนลดลงอย่างรวดเร็ว นอกจากปัญหาริ้วรอยที่ทวีความรุนแรงขึ้น ผิวหนังยังมีความแห้ง หยาบกร้าน ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่ไม่สดใส ทั้งยังส่งผลต่อกระดูกที่เสื่อมลงด้วย

 

นอกจากคอลลาเจนจะสามารถช่วยดูแลผิวพรรณให้ดูสดใส เปล่งปลั่ง ห่างไกลฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยแล้ว ยังสามารถช่วยดูแลส่วนต่าง ๆ ในร่างกายให้แข็งแรงได้อีกด้วย เช่น ช่วยรักษาความยืดหยุ่นของผิวหนังและส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย, ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเล็บ เส้นผม และฟัน, ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และช่วยลดกระบวนการสลายแคลเซียม

วิธีป้องกันไม่ให้คอลลาเจนในร่างกายลดลง

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารครบถ้วน
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน และควรเลือกครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป
  • เมื่อออกจากบ้านควรใส่เสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ที่ป้องกันแสงแดด

พฤติกรรมที่ทำลายคอลลาเจนในผิว

  • การสูบบุหรี่หรือการรับควันบุหรี่มือสอง : นอกจากจะทำให้เกิดมะเร็งปอดที่เราทุกคนต่างรู้กันดีอยู่แล้วยังส่งผลให้การผลิตคอลลาเจน และอีลาสติน ที่สำคัญต่อผิวลดลงทำให้เกิด รอยผิวหนังเหี่ยวย่น และริ้วรอยบนใบหน้า
  • ติดทานรสชาติหวาน : หน้าแก่แม้อายุยังไม่มาก เกิดจากการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไป เมื่อน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่เกินความจำเป็นส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงและก่อให้เกิดกระบวนการไกลเคชั่นเข้าไปทำลายเซลล์ผิวต่าง ๆ ในร่างกายจึงเป็นสาเหตุให้หน้าดูแก่ก่อนวัย
  • ไม่ทาครีมกันแดด : เมื่อผิวหนังต้องเผชิญแสงแดดหรือรังสียูวีจะทำให้คอลลาเจนเสี่อมสภาพได้ และก่อให้เกิดปัญหาผิวหนังได้หลายประการ เช่น เป็นสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ : หากร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ นอนน้อย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งจะทำลายคอลลาเจนที่ผิวหนัง ส่งผลให้สุขภาพผิวแย่ลง เกิดรอยคล้ำรอบดวงตา ตีนกา หน้าผากเหี่ยวย่น ผิวหนังไม่เรียบเนียน มีริ้วรอย ขึ้นบนใบหน้า
  • ดื่มแอลกอฮอล์ : คอลลาเจน และอิลาสตินที่อยู่ในชั้นผิวสารสำคัญที่ช่วยให้ผิวสุขภาพดี เต่งตึง แข็งแรง แต่เมื่อดื่มแอลกอฮอล์สารเหล่านี้จะถูกทำลายและส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ผิวหนังเหี่ยวย่น และหย่อนคล้อย

แนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสในแต่ละช่วงวัย จาก Eucerin

Eucerin Hyaluron-Filler Epicelline Serum

1. เซรั่มที่เหมาะกับปัญหาผิววัย 25+ ที่ช่วยต่อต้านริ้วรอยใหม่อย่าง Eucerin Hyaluron-Filler Epicelline Serum ที่ช่วยป้องกันและลด 10 สัญญาณแห่งวัย ด้วยนวัตกรรม Age Clock Technology ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร พร้อมด้วยสาร Epicelline® ที่เป็นสารทรงพลังใหม่ล่าสุดในการต่อต้านความร่วงโรยแห่งวัย ที่ค้นพบโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ของ Eucerin หลังจากการวิจัยเกี่ยวกับ Epigenetics อย่างต่อเนื่องกว่า 15 ปี ช่วยชะลอความร่วงโรยของผิว ทั้งริ้วรอย หน้าเหี่ยว ผิวไม่กระชับ และผิวที่ดูแห้งไม่ชุ่มชื้น เสริมประสิทธิภาพด้วย Hyaluronic Acid ที่ช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความนุ่มชุ่มชื้นให้กับผิว และสาร Glycine Saponin ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตไฮยาลูรอนิก คอลลาเจน และเพิ่มอีลาสตินของผิวหนัง พร้อมด้วยสาร Enoxolone ที่ช่วยลดการเสื่อมสลายของกรดไฮยาลูโรนิก ทำให้ผิวหน้ากระชับและดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงภายใน 4 สัปดาห์

2. เซรั่มที่เหมาะกับปัญหาผิววัย 40+ Eucerin HYALURON RADIANCE-LIFT FILLER 3D SERUM ที่มาพร้อม 3พลัง อย่าง ริ้วรอย กระชับผิว และช่วยลดจุดด่างดำตามวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการบำรุง ที่มี Arctiin สารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยเติมให้ริ้วรอยลึกร่องลึกตามวัยให้ดูตื้นขึ้น และช่วยให้ผิวเรียบเนียนเด้งกระชับ ฟื้นบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีไทอามิดอล (THIAMIDOL®) สารสำคัญเอกสิทธิ์เฉพาะของยูเซอริน ที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ ให้ผิวหน้าเปล่งประกายดูสุขภาพดี ที่พิสูจน์แล้วผิวเฟิร์มขั้นสุด X3 เพื่อผิวกระชับขึ้นอีก 3 เท่า

3. เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการต่อต้านริ้วรอยและฟื้นฟูผิววัย 40+ แนะนำให้ใช้ Eucerin HYALURON RADIANCE-LIFT FILLER BOOSTING ESSENCE เป็นขั้นตอนแรกก่อนทา 3D Serum เสมอ เนื่องจากน้ำตบนี้จะช่วยบูสต์ความชุ่มชื้นและเตรียมผิวให้พร้อมรับสารบำรุงจากเซรั่ม ทำให้ประสิทธิภาพการดูแลผิวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การใช้ทั้งสองผลิตภัณฑ์ร่วมกันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้ผิวดูกระชับ ฝ้าแดดจางลง และริ้วรอยตื้นขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ควรทาครีมกันแดดทุกวันและรับประทานอาหารที่อมวิตามินซีสูง เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว เพื่อช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติและเสริมประสิทธิภาพการบำรุงผิว

คำถามที่พบบ่อย (4)

  • คอลลาเจนทานตอนไหนได้ผลดีสุด

    ควรทานคอลลาเจนตอนเช้าขณะท้องว่าง เพราะเวลาท้องว่าง ร่างกายจะสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่ ไม่ถูกกรดในกระเพาะทำลาย และควรทานคู่กับวิตามินซี เพราะวิตามินซีช่วยให้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้ดีขึ้น

  • อายุเท่าไหร่ถึงเริ่มทานคอลลาเจนได้?

    โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีข้อกำหนดว่าต้องเริ่มทานคอลลาเจนเมื่ออายุเท่าไหร่ การตัดสินใจเริ่มทานคอลลาเจนขึ้นอยู่กับ ความกังวลเกี่ยวกับสภาพผิวและสุขภาพ ของแต่ละบุคคลอย่างช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไป ร่างกายจะเริ่มผลิตคอลลาเจนลดลงอย่างช้าๆ แต่ส่วนใหญ่ยังเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หากไม่มีปัญหาผิวพรรณหรือสุขภาพที่ต้องการเสริมคอลลาเจนเป็นพิเศษ ก็ยังไม่จำเป็นต้องทานเสริม

  • แหล่งอาหารที่ดีที่สุดของคอลลาเจนมีอะไรบ้าง?

    คอลลาเจนพบได้มากในส่วนต่างๆ ของสัตว์ โดยเฉพาะส่วนที่มีเนื้อเยื่อ อย่างน้ำซุปกระดูก หนังปลาและเกล็ดปลาเป็นแหล่งคอลลาเจนที่ดี โดยเฉพาะคอลลาเจนชนิดที่ร่างกายดูดซึมได้ง่าย รวมถึง ส้ม, มะนาว, ฝรั่ง, ผักใบเขียว,เนื้อแดง ,ถั่ว เป็นต้น

  • ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผลจากการเสริมคอลลาเจน?

    ระยะเวลาในการเห็นผลจากการเสริมคอลลาเจนนั้น แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นปริมาณ ชนิดของคอลลาเจน ความสมำเสมอในการรับประทาน

บทความเกี่ยวข้อง

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง