โรคภูมิแพ้ เป็นอาการที่พบกันบ่อยมากขึ้นในไทย ที่พบมากที่สุดจะเป็น โรคภูมิแพ้ที่แสดงออกทางผิวหนัง และโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ เพราะสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป จนปัจจัยที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ต่างๆมีการสะสมในที่อยู่อาศัยหรือสภาพแวดล้อม จนกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ขึ้น
โรคภูมิแพ้ คืออะไร?
โรคภูมิแพ้ (Allergy) คือปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ตอบสนองต่อ "สารก่อภูมิแพ้" (Allergens) ซึ่งเป็นสิ่งที่ปกติแล้วไม่เป็นอันตรายต่อคนทั่วไป แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ร่างกายจะเข้าใจผิดว่าสารเหล่านี้เป็นสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตราย และจะสร้างสารภูมิต้านทานชนิด Immunoglobulin E (IgE) ขึ้นมาเพื่อต่อต้าน
เมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ในครั้งถัดไป IgE จะกระตุ้นให้เซลล์ในร่างกายหลั่งสารเคมีต่าง ๆ ออกมา โดยเฉพาะ "ฮีสตามีน" (Histamine) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดอาการแพ้ในระบบต่าง ๆ ของร่างกายนั่นเอง
ประเภทของสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย
สารก่อภูมิแพ้มีอยู่รอบตัวเรา สามารถแบ่งเป็นกลุ่มหลัก ๆ ได้ดังนี้:
- สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ: เช่น ไรฝุ่น, เกสรดอกไม้, ขนสัตว์เลี้ยง (สุนัข, แมว), เชื้อราในอากาศ, แมลงสาบ
- สารก่อภูมิแพ้ประเภทอาหาร: เช่น นมวัว, ไข่, ถั่วลิสง, แป้งสาลี, อาหารทะเล
- สารก่อภูมิแพ้จากการสัมผัส: เช่น โลหะนิกเกิล, ยาง (Latex), สารเคมีในเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
- อื่นๆ: เช่น ยาบางชนิด, พิษจากแมลง (ผึ้ง, ต่อ, แตน)
อาการของ โรคภูมิแพ้เป็นอย่างไร
อาการภูมิแพ้จะแสดงออกแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกายทางไหนและส่งผลต่ออวัยวะใด
- ระบบทางเดินหายใจ (ภูมิแพ้อากาศ):
- จามบ่อยติดต่อกัน
- คัดจมูก น้ำมูกใสไหล
- คันตา แสบตา น้ำตาไหล ตาบวม (ภูมิแพ้ขึ้นตา)
- ไอเรื้อรัง หายใจมีเสียงวี้ด หรืออาจรุนแรงจนเกิดภาวะหอบหืด
- ผิวหนัง (ภูมิแพ้ผิวหนัง):
- ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis): เป็นผื่นแดง แห้ง คัน มักพบบริเวณข้อพับแขน-ขา ใบหน้า และลำคอ
- ลมพิษ: เป็นผื่นนูนแดง คันมาก สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย
- ผิวหนังอักเสบจากการสัมผัส: เกิดผื่นแดง คัน หรือเป็นตุ่มน้ำใสในบริเวณที่สัมผัสกับสารที่แพ้
- ระบบทางเดินอาหาร (ภูมิแพ้อาหาร):
- คันในช่องปาก ริมฝีปากบวม
- คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย
- อาการแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis): เป็นปฏิกิริยาที่อันตรายถึงชีวิต ต้องรีบพบแพทย์ทันที อาการอาจเกิดขึ้นพร้อมกันหลายระบบ เช่น มีผื่นลมพิษทั่วตัว, หายใจลำบาก, ความดันโลหิตตก, และอาจหมดสติได้

การวินิจฉัยและการรักษาโรคภูมิแพ้
หากสงสัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ซึ่งโดยทั่วไปมีวิธีการดังนี้:
- การซักประวัติ: แพทย์จะสอบถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว
- การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Prick Test): เป็นวิธีที่แม่นยำและรวดเร็ว โดยการหยดน้ำยาสกัดจากสารก่อภูมิแพ้ชนิดต่าง ๆ ลงบนผิวหนังและใช้เข็มสะกิดเบา ๆ เพื่อดูปฏิกิริยา
- การตรวจเลือด: เพื่อหาสารภูมิต้านทาน IgE ที่จำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้แต่ละชนิด
แนวทางการรักษา
- การหลีกเลี่ยง: วิธีที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงสารที่ตนเองแพ้
- การใช้ยา: แพทย์อาจสั่งยาเพื่อควบคุมอาการ เช่น
- ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamines): หรือที่เรียกกันว่า "ยาแก้แพ้" ช่วยลดอาการคัน จาม น้ำมูกไหล
- ยาสเตียรอยด์ (Steroids): ทั้งในรูปแบบพ่นจมูกและยาทาผิวหนัง เพื่อลดการอักเสบ
- ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy): เป็นการรักษาโดยการฉีดสารก่อภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยแพ้เข้าไปในร่างกายทีละน้อย เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ สร้างภูมิต้านทานขึ้นมา
วิธีรักษาโรคภูมิแพ้ การหลีกเลี่ยงและป้องกันตัวเองจากโรคภูมิแพ้เบื้องต้น
การสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยในการต่อสู้กับโรคภูมิแพ้ที่มีสาเหตุมาจากสิ่งต่างๆรอบตัว
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่บางชนิดที่มีสารก่อให้เกิดภูมิแพ้
- เปลี่ยนไส้กรองอากาศเป็นประจำ เปลี่ยนไส้กรองอากาศในบ้านและในรถยนต์ของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สารก่อภูมิแพ้ติดอยู่และไหลเวียน
- ทำความสะอาดผิวหนัง หรือล้างช่องจมูกเพื่อลดอาการแพ้
- หลีกเลี่ยงสัตว์เลี้ยงต่างๆที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
- หมั่นสังเกตอาการของภูมิแพ้ และตรวจสอบว่าเราสัมผัสหรือรับประทานอะไรมา
- ทำความสะอาดบ้านของคุณเป็นประจำ ดูดฝุ่นและฝุ่นเป็นประจำเพื่อกำจัดสารก่อภูมิแพ้ออกจากบ้านของคุณ
- การใช้ยาและการรักษาอาการ การใช้ยารักษาโรคภูมิแพ้จะเป็นการช่วยควบคุมอาการภูมิแพ้ อย่างการใช้ยา แอนติฮิสตามีนหรือสเตียรอยด์ ที่ช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ เช่น โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ โพรงจมูกอักเสบ หอบหืด แต่ควรได้รับยาจากแพทย์สั่งให้สามารถใช้ยาได้เท่านั้น
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชียวชาญ หากอาการภูมิแพ้ที่รุนแรงขึ้น เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมของแต่ละบุคคล
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่มีอาการผื่นคันหรือลมพิษจากการโรคภูมิแพ้
อาการผื่นภูมิแพ้ผิวหนังจากโรคภูมิแพ้ เกิดจากการที่ผิวหนังอักเสบที่แสดงออกมาบริเวณผิวหนัง จะสังเกตได้ง่าย เพราะว่าผิวจะมีอาการ แดง คัน หรือ ผื่นเกิดขึ้น หรือในบางรายที่มีอาการอักเสบเป็นระยะเวลานาน อาจจะมีตุ่มต่างๆ หรือผิวหนังลอกเป็นขุยเกิดขึ้นที่ผิวหนังได้ด้วยเช่นกัน สำหรับผู้ที่มีอาการค่อนข้างรุนแรงแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษาที่ถูกต้อง

ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่มีอาการผื่นคันหรือลมพิษจากการโรคภูมิแพ้
สำหรับผู้ที่มีอาการ แดง คัน หรือผื่นเล็กน้อย สามารถป้องกันและบรรเทาอาการได้ด้วยตัวเองในเบื้องต้น เช่น การใช้ ครีมบำรุงผิวที่ลดอาการแห้ง แดง คัน ผื่น อย่าง Eucerin OMEGA ATO-CALMING FACE CREAM ที่เหมาะกับการบรรเทาอาการผื่นจากโรคภูมิแพ้บริเวณผิวหน้าและ Eucerin OMEGA ATO-CALMING BALM สำหรับการบรรเทาอาการที่ผิวกาย สำหรับคนที่มีผิวแห้ง แดง คัน มีแนวโน้มผื่นภูมิแพ้ โดยมีสารสำคัญอย่าง
- Licochalcone A สารจากธรรมชาติ ที่ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง แดง และการระคายที่มีสาเหตุจากผิวแห้ง
- Omega 3&6 fatty acids และ Ceramides ช่วยเติมไขมันที่จำเป็นเพื่อคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เพื่อฟื้นบำรุงชั้นปกป้องผิวให้มีสุขภาพดีขึ้น
- Shea Butter ที่มีอยู่ใน Omega Balm ที่ช่วยทำให้ชั้นปกป้องผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น
ปราศจากพาราเบน น้ำหอม และสี และช่วยลดโอกาสการกลับเป็นซ้ำของปัญหาผิวแห้ง แดง คัน ระคายเคือง สามารถใช้ได้แม้ผิวเด็กทารก

โรคภูมิแพ้ อาจเป็นอาการที่ค่อนข้างยากในการรักษา แต่หากได้รับการป้องกันและการรักษาที่เหมาะสม ก็ช่วยลดอาการภูมิแพ้ที่เกิดขึ้นได้ อาการของโรคภูมิแพ้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนอาจมีอาการแพ้รุนแรงในสารบางชนิด ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่ถูกต้องจะดีที่สุด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) (3)
-
โรคภูมิแพ้รักษาให้หายขาดได้ไหม?
โรคภูมิแพ้เป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมอาการให้อยู่ในภาวะสงบและใช้ชีวิตได้ตามปกติ ผ่านการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และการรักษาที่ถูกต้อง -
ภูมิแพ้กับหวัดต่างกันอย่างไร?
ภูมิแพ้มักมีอาการคัน (คันตา, คันจมูก) และน้ำมูกใส ๆ เป็นหลัก ไม่มีไข้ และอาการจะเป็นนานตราบเท่าที่ยังสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ ส่วนไข้หวัดมักมีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว และน้ำมูกมักจะข้นขึ้นในภายหลัง และหายได้เองใน 7-10 วัน -
อาการแพ้แบบไหนที่ควรรีบไปพบแพทย์ทันที?
หากมีอาการแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis) เช่น หายใจติดขัด, แน่นหน้าอก, ผื่นขึ้นทั่วตัวอย่างรวดเร็ว, หน้ามืด หรือเวียนศีรษะ ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วนที่สุด