อาการคันจากโรคเชื้อรา

โรคเชื้อราเป็นยังไง รู้วิธีรักษาและป้องกันให้กับผิวหนัง

อ่านแล้ว 5 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

โรคเชื้อรา หรือ โรคผิวหนังอักเสบจากเชื้อรา เป็นโรคที่พบได้บ่อยในอากาศที่ร้อนชื้น ซึ่งหลายคนอาจพบเห็นจากโรคเชื้อราผิวหนังตามร่างกาย เชื้อราในเด็ก หรือจุดซ่อนเร้นต่างๆ ที่ทำให้เป็นปัญหาสุขภาพได้กับหลายๆคน โรคเชื้อราเกิดขึ้นได้ยังไง เราสามารถรักษา และป้องกันตนเองจากโรคเชื้อราได้อย่างไรบ้าง


โรคเชื้อรา คืออะไร?

โรคเชื้อรา (Cutaneous Fungal Infection) คือโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อราชนิดต่างๆ ที่อาศัยและเจริญเติบโตอยู่บนผิวหนังชั้นนอก, เส้นผม หรือเล็บ โดยปกติแล้วบนผิวหนังของเราจะมีเชื้อจุลินทรีย์หลายชนิดอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล แต่เมื่อปัจจัยบางอย่างเอื้ออำนวย เช่น ความอับชื้น, ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ หรือเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ถูกทำลาย จะทำให้เชื้อราเจริญเติบโตมากผิดปกติจนก่อให้เกิดโรคได้

โรคเชื้อราที่ผิวหนังมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีลักษณะอาการและบริเวณที่เกิดแตกต่างกันไป ที่พบบ่อยมีดังนี้

  1. โรคกลาก (Tinea Corporis / Ringworm)
    • ลักษณะ: เป็นผื่นแดงรูปวงแหวนหรือวงกลม ขอบเขตชัดเจน ขอบนูนเล็กน้อย และอาจมีขุยร่วมด้วย ตรงกลางวงมักจะมีสีผิวที่จางกว่าปกติ และมีอาการคันมาก
    • บริเวณที่พบ: ลำตัว แขน ขา ใบหน้า สามารถพบได้ทุกส่วนของร่างกาย
  2. โรคเกลื้อน (Tinea Versicolor)
    • ลักษณะ: เป็นดวงเล็กๆ กลมๆ อาจเป็นสีขาว ชมพู หรือน้ำตาลอ่อน มักไม่มีอาการคันหรือคันเพียงเล็กน้อย
    • บริเวณที่พบ: ลำตัวส่วนบน เช่น หน้าอก หลัง คอ และแขน
  3. โรคสังคัง (Tinea Cruris / Jock Itch)
    • ลักษณะ: ผื่นแดงอักเสบ มีอาการคันอย่างรุนแรง อาจมีขุยหรือตุ่มน้ำใสๆ บริเวณขอบผื่น
    • บริเวณที่พบ: ขาหนีบ, อวัยวะเพศ, ก้น และต้นขาด้านใน ซึ่งเป็นบริเวณที่อับชื้นได้ง่าย
  4. โรคน้ำกัดเท้า หรือ ฮ่องกงฟุต (Tinea Pedis / Athlete's Foot)
    • ลักษณะ: ผิวหนังลอกเป็นขุย, เปื่อยยุ่ย, มีอาการคันมากโดยเฉพาะตามซอกนิ้วเท้า ในบางรายอาจมีตุ่มน้ำหรือผิวหนังหนาแตกได้
    • บริเวณที่พบ: ซอกนิ้วเท้า, ฝ่าเท้า และง่ามเท้า
  5. เชื้อราที่เล็บ (Onychomycosis)
    • ลักษณะ: เล็บจะหนาขึ้น, มีสีเปลี่ยนไป (เช่น สีเหลือง ขาว หรือดำ), เล็บขุ่น, เปราะ และอาจมีรูปร่างผิดเพี้ยนไปจากเดิม
    • บริเวณที่พบ: เล็บมือและเล็บเท้า

เชื้อราที่ผิวหนัง ประเภทต่างๆ

เชื้อราที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ผิวหนัง มีหลายชนิด

  • Dermatophytes ซึ่งเป็นเชื้อราที่ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง ผม และเล็บ ต้นเหตุของโรคกลาก
  • Trichophyton rubrum ส่วนมากจะอยู่ในดิน ทำให้เป็นโรคน้ำกัดเท้า
  • Candida เป็นเชื้อราอีกชนิดหนึ่ง ส่วนมากจะอยู่ในรูปแบบยีสต์ สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือผิวหนังในบริเวณที่อับชื้นเป็นประจำ

สาเหตุของการติดเชื้อราที่ผิวหนัง

เชื้อรามีหลายประเภทที่สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนังได้ และพวกคนเราสามารถติดเชื้อได้หลายวิธี

  • การติดเชื้อรามักเกิดจากการสิ่งแวดล้อมหรือสัมผัสกับพื้นผิวที่ปนเปื้อน เช่น พื้นห้องอาบน้ำ พื้นสระว่ายน้ำ หรือพื้นห้องล็อกเกอร์
  • ผ้าเช็ดตัวหรือเสื้อผ้าที่ใช้ร่วมกัน สามารถแพร่เชื้อราไปยังผู้อื่นได้เช่นกัน
  • เชื้อราบางชนิดอาศัยอยู่บนเซลล์ที่ตายแล้วของผิวหนัง และเมื่อเซลล์เหล่านี้ถูกกำจัดออกไป เชื้อราที่ถูกกำจัดไปก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแก่ผู้อื่นได้
  • การติดเชื้อราสามารถเกิดขึ้นได้เมื่อผิวหนังได้รับบาดเจ็บ ทำให้เชื้อราเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผลหรือรอยถลอก
  • การติดเชื้อราจากสัตว์เลี้ยงก็สามารถเกิดขึ้นได้

สาเหตุของโรคเชื้อรา

ลักษณะอาการ ของการติดเชื้อราบนผิวหนัง

  • ผิวหนังเป็นปื้นแดง คัน
  • ผิวหนังลอกหรือลอกเป็นขุย
  • ผิวหนังแห้งแตก
  • ตุ่มพองหรือตุ่มหนอง
  • เล็บหนาและเหลือง
  • แผลหายช้า หากคุณติดเชื้อราร้ายแรง คุณอาจมีไข้ อ่อนเพลีย และน้ำหนักลด

การรักษาโรคเชื้อรา หรือ โรคผิวหนังอักเสบจากเชื้อรา

การติดเชื้อราที่ผิวหนัง ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ในร่างกาย แต่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีธรรมชาติหรือด้วยยาทาภายนอกชนิดต่างๆ

สารกำจัดเชื้อราบนผิวหนังมีหลายประเภท แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและคุณประโยชน์เฉพาะตัว สารกำจัดเชื้อราที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ :

  • น้ำมันทีทรี (Tea Tree Oil) : สารกำจัดเชื้อราตามธรรมชาตินี้มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อราหลากหลายชนิด ต้านเชื้อแบคทีเรียและต้านการอักเสบ
  • กระเทียม : กระเทียมมีคุณสมบัติต้านเชื้อราตามธรรมชาติที่ทำให้มันมีผลกับคนที่เป็นกลากเกลื้อน และการติดเชื้อยีสต์
  • น้ำส้มสายชู : น้ำส้มสายชูเป็นสารกำจัดเชื้อราตามธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งที่สามารถใช้รักษา อาการคันและการติดเชื้อราอื่นๆ
  • โคลไตรมาโซล(Clotrimazole) : ยากำจัดเชื้อราที่มีผลกับเท้าของนักกีฬา กลากเกลื้อน และการติดเชื้อยีสต์
  • ไมโคนาโซล (Miconazole) : ยากำจัดเชื้อรา ที่มีผลกับเท้า อาการคันและการติดเชื้อยีสต์

การป้องกันการติดเชื้อราที่ผิวหนัง

  1. รักษาสุขอนามัย ชำระล้างร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอ
  2. สวมรองเท้าแตะหรือรองเท้าอาบน้ำในที่สาธารณะ
  3. ไม่ใช้ผ้าเช็ดตัวหรือเสื้อผ้าร่วมกับผู้อื่น
  4. ให้รักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย
  5. เลือกใช้สบู่อาบน้ำที่อ่อนโยนต่อผิวและฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง

สบู่อาบน้ำรักษาเชื้อรา

สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย มีโอกาสเกิดการระคายเคืองหรือติดเชื้อต่างๆได้ง่าย การรักษาความสะอาดผิวหนังเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงสารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง นอกจากนั้นแล้วผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควรมีประสิทธิภาพที่ทำงานได้ถึงในระดับใต้ชั้นผิวด้วย ดั้งนั้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันผิวได้ในระยะยาว พร้อมปรับสมดุลผิวให้แข็งแรงขึ้นที่มีความอ่อนโยนต่อผิว อย่างยูเซอริน Eucerin pH5 VERY DRY SENSITIVE SKIN SHOWER OIL ครีมอาบน้ำ สูตรผสมน้ำมัน ที่เหมาะสำหรับผิวกายแห้งมาก อุดมไปด้วยน้ำมันบำรุงผิวจากธรรมชาติ ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น พร้อมเสริมเกราะปกป้องให้ผิวแข็งแรง ทำความสะอาดผิวกายได้อย่างล้ำลึก สามารถใช้งานได้ทุกวันโดยไม่ทำให้ผิวเสียสมดุล

ครีมอาบน้ำสำหรับเด็กทารก ที่มีผิวบอบบางมีโอาสติดเชื้อราในเด็กได้ง่ายอย่าง Eucerin pH5 BABY WASH & SHAMPOO ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ผิวกาย และเส้นผมของเด็กทารกที่มีความอ่อนโยน แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย ที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ และผ่านการทดสอบภายใต้การควบคุมของแพทย์ผิวหนังและกุมารแพทย์ ช่วยทำความสะอาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พร้อมปกป้องผิวของทารกโดยผสาน Dexpanthenol และ Shea Butter ที่ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้น พร้อมเสริมเกราะปกป้องผิวลูกน้อย ปราศจากน้ำหอม สีและพาราเบนจึงลดโอกาสเกิดการระคายเคืองผิวเด็ก

เชื้อราเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศและมีบทบาทสำคัญในการย่อยสลายอินทรียวัตถุ แต่เชื้อราหลายชนิดก็เป็นต้นเหตุของโรคผิวหนังในคนด้วยเช่นกัน ผู้ที่มีความเสี่ยงกับโรคเชื้อราที่ผิวหนังควรรักษาแต่เนิ่นๆหรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นโรคเชื้อราอีก


คำถามที่พบบ่อย (7)

บทความเกี่ยวข้อง