สังคัง หรือ Tinea Cruris เป็นหนึ่งในอาการติดเชื้อราที่ผิวหนังที่หลายคนกลัวแต่ไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึง สังคังมักจะเกิดกับนักกีฬาและผู้ที่มีเหงื่อออกมากเป็นส่วนใหญ่ ทำให้รู้สึกไม่สบายผิวเป็นอย่างมากในบริเวณขาหนีบและมักพบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก ตั้งแต่สาเหตุและอาการไปจนถึงการป้องกันและการรักษา
สังคัง คืออะไร
สังคัง (Tinea Cruris) คือ โรคติดเชื้อราที่เป้าบริเวณขาหนีบ ต้นขาด้านใน และบั้นท้าย ซึ่งเป็นโรคกลากชนิดหนึ่ง พบได้บ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง จะมีผื่นแดงและคันในบริเวณที่เกิดสังคัง นักกีฬาและผู้ที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนชื้นมีโอกาสจะเป็นสังคังได้ง่ายกว่าคนอื่น
สาเหตุของสังคัง
สาเหตุของสังคังคือการเจริญเติบโตของเชื้อราในบริเวณที่เกิดความชื้นได้ง่ายในร่างกายของเรา เชื้อราเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีเหงื่อออกและมีความอุณหภูมิสูง ทำให้ต้นขาด้านในและขาหนีบเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการเกิดเชื้อราบนผิวหนัง
สังคังเกิดจากการติดเชื้อราในกลุ่ม Dermatophytes โดยเฉพาะชนิดต่อไปนี้:
- Trichophyton rubrum - เป็นเชื้อรากลุ่มนี้ที่พบบ่อยที่สุดในการก่อโรคสังคัง มักทำให้เกิดอาการเรื้อรัง
 - Trichophyton mentagrophytes - พบได้บ่อยรองลงมา มักทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงกว่า
 - Epidermophyton floccosum - อีกหนึ่งเชื้อราที่สามารถก่อโรคสังคังได้
 
เชื้อราเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น ชื้น และมืด ซึ่งบริเวณขาหนีบเป็นพื้นที่ที่มีสภาพเหมาะสมต่อการเจริญของเชื้อรา
การวินิจฉัยโรคสังคัง
การวินิจฉัยสังคังมักอาศัยการซักประวัติและตรวจร่างกายของผู้ที่มีอาการ โดยแพทย์จะสังเกตจาก
- ตำแหน่งที่เกิดรอยโรค - มักพบที่บริเวณขาหนีบ ต้นขาด้านใน หรือรอบๆ อวัยวะเพศ (แต่มักไม่ลามไปยังอัณฑะหรือองคชาต) บางครั้งอาจลามไปถึงบริเวณก้น หรือด้านในของต้นขา
 - ลักษณะของผื่น - มีรอยแดงชัดเจน ขอบนูนเล็กน้อย และมีขอบเขตที่ชัดเจน (well-demarcated border) ผื่นมักมีลักษณะเป็นวงกลมหรือครึ่งวงกลม และมีขอบที่ลุกลามออกไป ส่วนตรงกลางอาจมีสีจางลง (central clearing) ทำให้เห็นเป็นรูปวงแหวน
 - อาการคัน - มักมีอาการคันมาก โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือเมื่อมีเหงื่อออก
 - การหลุดลอกของผิวหนัง - อาจพบการหลุดลอกของผิวหนังเป็นขุยขนาดเล็ก (scaling) บริเวณขอบของรอยโรค
 - ระยะเวลา - มักเป็นเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
 
หลังจากซักถามประวัติและตรวจร่างกายแล้วหากผลไม่ชัดเจน อาจมีการขูดผิวหนังตรวจหาเชื้อราด้วย KOH หรือเพาะเชื้อรา การวินิจฉัยแยกโรคสำคัญเพื่อแยกจากผื่นแพ้ ผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน หรือ erythrasma การรักษาที่ถูกต้องควรได้รับการยืนยันจากแพทย์ผิวหนัง
ปัจจัยที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงเป็นสังคัง
ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราบริเวณขาหนีบ เช่น
- สวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นและไม่ระบายอากาศ
 - เหงื่อออกมากเกินไป
 - ไม่ค่อยอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเป็นประจำ
 - การมีน้ำหนักเกิน (เนื่องจากจะทำให้ผิวหนังมีรอยพับมากขึ้นซึ่งเกิดเป็นความชื้นสะสมได้)
 - มีระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติที่ไม่แข็งแรงพอ
 - สัมผัสโดนเชื้อราจากที่ต่างๆที่ติดอยู่ตามผิวหนัง เล็บและเส้นผม หรือขนของสัตว์
 
สัญญาณและอาการของสังคัง
ก่อนจะเป็นสังคัง มักจะมีอาการในรูปแบบของอาการคันหรือแสบร้อนบริเวณขาหนีบ หรืออาการอื่นๆ เช่น
- บริเวณผิวจะมีสีแดงเล็กน้อยก่อนที่จะรุนแรงขึ้นเป็นหย่อมสีน้ำตาลแดงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และบริเวณขอบผื่นอาจดูยกขึ้นเล็กน้อย
 - มีอาการคันบริเวณขาหนีบตลอดเวลาหรือเรื่มมีรอยถลอกรอยดำ
 - หากไม่ได้รับการรักษา สังคังสามารถแพร่กระจายลามไปถึงต้นขาด้านในหรือขึ้นไปทางหน้าท้องได้อีกด้วย ที่สำคัญคือต้องแยกความแตกต่างของอาการคันจากอาการทางผิวหนังอื่นๆ เช่น โรคสะเก็ดเงินหรือผิวหนังอักเสบ หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่เชี่ยวชาญ
 
แนวทางปฏิบัติเมื่อสงสัยว่าเป็นสังคัง
หากสงสัยว่าตนเองอาจเป็นสังคัง ควรปฏิบัติดังนี้:
- ควรพบแพทย์ - โดยเฉพาะแพทย์ผิวหนัง (dermatologist) เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
 - สังเกตลักษณะและการเปลี่ยนแปลงของผื่น - บันทึกระยะเวลาที่เริ่มเป็น อาการคัน และการตอบสนองต่อยาที่เคยใช้ (ถ้ามี)
 - แจ้งประวัติทางการแพทย์แก่แพทย์ - โดยเฉพาะโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
 - รักษาความสะอาดและความแห้งของบริเวณที่เป็น - แต่หลีกเลี่ยงการขัดถูรุนแรงหรือใช้สบู่ที่มีฤทธิ์ระคายเคือง
 - หลีกเลี่ยงการซื้อยารักษาเชื้อราใช้เอง - โดยเฉพาะสเตียรอยด์ เนื่องจากอาจทำให้อาการแย่ลงหากเป็นโรคอื่นที่ไม่ใช่สังคัง
 
การวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยให้โรคสังคังหายได้เร็วขึ้น และลดโอกาสการกลับเป็นซ้ำในอนาคต
การรักษาสังคัง
สังคังสามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและวิธีการรักษา
- รักษาโดยใช้ครีมต้านเชื้อราที่มีมีส่วนผสมเช่น โคลไตรมาโซล (Clotrimazole) หรือ ไมโคนาโซล (Miconazole)
 - หมั่นรักษาความสะอาดของร่างกายโดยเฉพาะบริเวณขาหนีบหรือข้อพับต่างๆ
 - เช็ดตัวให้แห้ง ระบายความชื้นออกให้หมดและสวมใส่เสื้อผ้าที่ โปร่งและโล่งสบาย ไม่รัดแน่น
 - หลีกเลี่ยงการสัมผัสที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อราและการเกาบริเวณที่เป็นสังคัง
 - หากเกิดอาการรุนแรงขึ้นหรือเริ่มลามไปยังบริเวณอื่น หรือกลับมาเป็นซ้ำบ่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาทางรักษาอื่นๆ
 
การป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดสังคัง
- หลีกเลี่ยงความชื้นในร่มผ้า พยายามรักษาบริเวณขาหนีบให้แห้งที่สุด ใช้ผ้าที่ดูดซับความชื้นได้ดีเมื่อทำกิจกรรมต่างๆหรือออกกำลังกาย
 - สวมผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ผ้าฝ้ายและผ้าธรรมชาติอื่นๆ ช่วยให้ผิวหนังสามารถระบายความชื้นได้ ลดความเสี่ยงของการสะสมความชื้นบริเวณใต้ร่มผ้า
 - อาบน้ำเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหงื่อออกหรือออกกำลังกาย สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้
 
แนะนำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย

Eucerin pH5 SENSITIVE SKIN WASHLOTION
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย ที่อ่อนโยนและปรับสมดุลค่า pH ให้ผิวแข็งแรง ด้วย pH5 Balance System & Dexpanthenol ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวทำให้ผิวไม่ไวต่อปัจจัยการกระตุ้นต่างๆและกักเก็บความชื้อไว้ในผิว สามารถใช้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายได้เป็นประจำทุกวัน

Eucerin Urea Repair Gentle Shower Gel
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกาย ที่พร้อมผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำร้ายปราการผิว และยังผสาน Urea ที่มาช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว เผยผิวใสดูสุขภาพดี ไม่แห้งกร้านปราศจากสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว
คำถามที่พบบ่อย (5)
- 
            
สังคังเป็นโรคติดต่อหรือไม่?
สังคังสามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสทางผิวหนังโดยตรงหรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้า
 - 
            
เชื้อราอาศัยอยู่บนพื้นผิวได้นานแค่ไหน?
เชื้อราที่เป็นสาเหตุของสังคังและโรคกลากสามารถอยู่รอดได้เป็นเวลานาน ทำให้การฆ่าเชื้อราเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญและควรหลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกัน
 - 
            
สังคังใช้เวลารักษานานเท่าไร?
ถ้าทำการรักษาที่เหมาะสมและถูกต้อง สังคังมักจะหายไปภายใน 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาอาจแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของโรค
 - 
            
การเกาทำให้อาการคันของสังคังแย่ลงหรือไม่?
การเกาอาจทำให้เกิดแผลเปิดที่ผิวหนัง ทำให้บริเวณที่เป็นสังคังนั้นเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียและอาจทำให้อาการแย่ลงได้
 - 
            
สังคังสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้หรือไม่?
เชื้อราที่เป็นต้นเหตุของสังคังสามารถแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นๆ ได้ หากเกาบริเวณที่ติดเชื้อแล้วไปสัมผัสส่วนอื่นๆ ของร่างกาย
 







