เชื้อราก็ทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน เพราะเชื้อราบางชนิดสามารถทำให้เกิด สิวเชื้อรา สิวยีสต์ ขึ้นบนใบหน้า บางครั้งหลายคนที่ไปพบแพทย์เพื่อรักษาสิว แพทย์อาจจ่ายยารักษาเชื้อราควบคู่กับยารักษาสิวมาด้วยเช่นกัน
สิวเชื้อรา สิวยีสต์ คืออะไร
สำหรับสิวเชื้อรา หรือ สิวยีสต์ เป็นการอักเสบของต่อมรูขุมขนที่เกิดจากเชื้อราประเภทยีสต์ในกลุ่มมาลาสซีเซีย (Malassezia species) ซึ่งอาจจะพบแบบเดี่ยว หรือพบได้กับการเกิดสิวทั่วไป ซึ่งในทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า “รูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา (Malassezia Folliculitis เดิมเรียกว่า Pityrosporum Folliculitis)”
สาเหตุของการเกิดสิวเชื้อราและสิวยีสต์
สิวยีสต์ สิวเชื้อรา เกิดมาจากเชื้อราประเภทยีสต์ในกลุ่ม “มาลาสซีเซีย (Malassezia species)” โดยทั่วไปจะพบเชื้อชนิดนี้ที่ผิวหนังของทุกเพศ ทุกวัย แต่หากเชื้อมีการเจริญเติบโตมากผิดปกติ จะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคผิวหนังหลายชนิด เช่น เกลื้อน โรครังแคอักเสบ (seborrheic dermatitis) รวมทั้ง โรครูขุมขนอักเสบ โดยมักเกิดขึ้นกับผู้ที่มีผิวมัน เหงื่อออกง่าย
นอกจากนี้ยังเกิดได้กับผู้ที่อยู่ในสภาพอากาศร้อนและอับชื้น หรือผู้ที่มีรูขุมขนอุดตันจากการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว หรือใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน (ทั้งชนิดรับประทานและทา) โดยเฉพาะยากลุ่มเตตร้าซัยคลิน (tetracyclines) หรือใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น รับประทานยากลุ่มสเตียรอยด์ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจส่งเสริมให้เกิดรูขุมขนอักเสบจากเชื้อราได้เช่นกัน
อาการของสิวเชื้อรา และลักษณะของสิวยีสต์
อาการของสิวยีสต์และ สิวเชื้อรา จะเกิดที่ผิวหนังบริเวณหน้าอก แผ่นหลัง รวมถึงบริเวณหัวไหล่ คอ และใบหน้า ซึ่งจะมีลักษณะเป็นผื่นเม็ดเล็กๆ (papules) มีขนาดใกล้เคียงกัน (เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-2 มิลลิเมตร) และจากการที่เชื้อรา มาลาสซีเซีย เจริญเติบโตมากผิดปกติบริเวณรูขุมขน (hair follicle) จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเป็นตุ่มแดงและอาจมีตุ่มหนอง (pustules) แต่ไม่มีลักษณะของสิวอุดตัน (comedones) และจะมีอาการคันบริเวณที่เป็นผื่น โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนชื้น หรือช่วงเวลาที่เหงื่อออกมาก
วิธีรักษาสิวเชื้อราและ สิวยีสต์
ในการรักษาสิวยีสต์และ สิวเชื้อรา แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ยาต้านเชื้อราเพื่อรักษาการติดเชื้อ ซึ่งมีทั้งชนิดรับประทาน อย่างยาไอทราโคนาโซล (Itraconazole) หรือยาฟลูโคนาโซล (Fluconazole) และชนิดยาทา อย่างยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) และยาโคลไตรมาโซล (Clotrimazole) นอกจากนี้ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุทำให้เกิด สิวเชื้อรา สิวยีสต์
- วิธี 1 อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีหลังจากออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้เหงื่อออกมาก
- วิธี 2 ใช้แชมพูขจัดรังแคหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีสารซิงค์ไพริไทออน (Zinc Pyrithione) หรือสารซีลีเนียมซัลไฟด์ (Selenium Sulfide) เป็นส่วนผสม ฟอกให้ทั่วร่างกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- วิธี 3 เลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ไม่รัดแน่นหรือคับจนเกินไป เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกให้เหงื่อได้ระบาย
- วิธี 4 หลีกเลี่ยงการแกะ เการอยผื่นและตุ่มหนอง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อรา
รักษารอยสิวที่เกิดจากสิวยีสต์และสิวเชื้อรา
เมื่อรักษาสิวที่เกิดจากสิวเชื้อรา สิวยีสต์ เรียบร้อยแล้ว ผิวหน้าอาจมีรอยสิวเกิดขึ้น จึงควรเลือกใช้ผลิตภัฑ์ที่เหมาะกับผิวที่เป็นสิว และมีประสิทธิภาพที่ช่วยลดรอยสิว โดยสามารถเลือกใช้เซรั่มลดรอยสิวโดยเฉพาะ อย่าง Eucerin Pro ACNE SOLUTION ANTI-ACNE MARK เซรั่ม สูตรเข้มข้น สารสกัดจาก Glycerin , Salicylic Acid และ Panthenol ที่ช่วยลดรอยดำสิว ให้ผิวดูกระจ่างใส พร้อมคุมมัน สำหรับผู้มีรอยสิว ผิวมัน และมีแนวโนมเป็นสิวง่าย โดยทาทั่วใบหน้าเป็นประจำทุกวัน ช่วยลดรอยดำสิวฝังลึก พร้อมลดโอกาสรอยสิวเกิดซ้ำ นอกจากนี้ ยังมีใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิว อย่าง Eucerin Pro ACNE SOLUTION A.I. MATT FLUID มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผิวเป็นสิว มีสารสกัดอย่าง Salicylic Acid , Licochalcone A และ L Carnitine ที่ช่วยลดสิวอุดตัน และช่วยควบคุมความมัน ใช้ทาเป็นประจำหลังจากล้างหน้าเสร็จ อ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับคนผิวแพ้ง่าย และผิวเป็นสิวง่าย
สำหรับผู้ที่เป็นสิวหากยังไม่แน่ใจถึงสาเหตุที่แท้จริง หรือมีความกังวลว่าสิวที่เป็นคือสิวเชื้อรา สิวยีสต์หรือไม่ ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ผิวหนังโดยเฉพาะ เพื่อการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ หรือหากตรวจแล้วสิวที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากเชื้อรา ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว และมีคุณสมบัติที่ช่วยดูแลผิวเป็นสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย