หางตาตก

หนังตาตก หางตาตก สาเหตุ อาการ และวิธีการรักษาที่ได้ผล

อ่านแล้ว 2 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม
หางตาตก

หางตาตก หรือการตกของมุมตานอกเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับอายุและสภาพผิว ซึ่งส่งผลให้ใบหน้าดูอิดโรยไม่สดใสและทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจเพราะอาจทำให้ดูแก่กว่าวัยจากหางตาตก ปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นจากอายุ พันธุกรรม หรือการใช้ชีวิต แต่หางตาตกสามารถแก้ไขได้ เมื่อได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมหรือการทำหัตถการต่างๆสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกเยอะมาก

หางตาตกคืออะไร มีลักษณะอย่างไร

หางตาตก หรือที่เรียกว่า "Drooping Outer Eye Corner" เป็นลักษณะที่มุมด้านนอกของดวงตาหรือบริเวณหางตาเกิดการหย่อนคล้อยหรือตกลงเล็กน้อย ส่งผลให้ดวงตาดูเศร้าหรืออ่อนล้า ลักษณะของหางตาตกมักจะทำให้ใบหน้าดูอิดโรยและดูมีอายุขึ้นกว่าความเป็นจริง ซึ่งสาเหตุของการเกิดหางตาตกนั้นอาจมาจากหลายปัจจัย เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น การลดลงของคอลลาเจนในผิวหนัง พันธุกรรม หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาเสื่อมสภาพ

ลักษณะของหางตาตก

  • หางตาต่ำกว่าปกติ: มุมด้านนอกของดวงตาจะดูตกต่ำลงทำให้ดวงตาดูเศร้า
  • ผิวหนังรอบดวงตาหย่อนคล้อย: ผิวหนังบริเวณรอบดวงตา โดยเฉพาะบริเวณหางตา จะดูหย่อนคล้อยมากขึ้น
  • ริ้วรอยรอบดวงตา: มักมีรอยตีนกาหรือริ้วรอยที่เห็นได้ชัดเจนรอบดวงตาเมื่อมีหางตาตก

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาการหนังตาตกและหางตาตก เกิดขึ้นได้อย่างไร

ดวงตาเป็นอวัยวะที่ประกอบไปด้วยโครงสร้างและกล้ามเนื้อหลายชนิดที่ทำงานร่วมกันเพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวและการแสดงอารมณ์ของดวงตา ในกรณีของ หางตาตก กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบดวงตามีความเกี่ยวข้องค่อนข้างมาก

โครงสร้างดวงตาและกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง

 

1. กล้ามเนื้อรอบดวงตา (Orbicularis Oculi)

  • กล้ามเนื้อนี้เป็นกล้ามเนื้อวงกลมที่ล้อมรอบดวงตา ทำหน้าที่ควบคุมการหลับตาและกะพริบตา ช่วยปกป้องดวงตาและหล่อเลี้ยงความชุ่มชื้น
  • กล้ามเนื้อรอบดวงตา (orbicularis oculi) ยังมีส่วนช่วยในการดึงผิวหนังบริเวณรอบดวงตาให้ตึง หากกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเสื่อมสภาพตามอายุ อาจทำให้ผิวหนังรอบดวงตาหย่อนคล้อย ส่งผลให้เกิดหางตาตกได้
 

2. กล้ามเนื้อยกหางตา (Lateral Canthal Tendon)

  • เส้นเอ็น lateral canthal tendon เป็นเส้นเอ็นที่ยึดปลายหางตา ทำหน้าที่ช่วยยกหางตาและทำให้หางตาดูสมดุล หากเส้นเอ็นนี้เกิดการหย่อนคล้อยหรืออ่อนแรง หางตาจะตกลงไป
  • การเสื่อมสภาพของเส้นเอ็นนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้ชีวิตที่มากับความเครียด อายุที่มากขึ้น หรือการเปลี่ยนแปลงของคอลลาเจนและอิลาสตินในร่างกาย
 

3. เนื้อเยื่อไขมันรอบดวงตา

  • ดวงตาและบริเวณรอบดวงตามีเนื้อเยื่อไขมันที่ช่วยให้ดวงตาดูเต็มและมีชีวิตชีวา อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุมากขึ้น เนื้อเยื่อไขมันนี้อาจลดลง ทำให้ดวงตาดูยุบหรือหางตาตก
  • การสูญเสียเนื้อเยื่อไขมันสามารถทำให้ผิวรอบดวงตาดูบางลงและเริ่มมีริ้วรอยหรือหย่อนคล้อย
4.

ผิวหนังรอบดวงตา

  • ผิวหนังรอบดวงตาเป็นส่วนที่บอบบางและไวต่อการเสื่อมสภาพ ด้วยวัยและอายุที่มากขึ้น ทำให้ผิวหนังที่ขาดความยืดหยุ่นจากการลดลงของคอลลาเจนและอิลาสตินทำให้เกิดการหย่อนคล้อย ส่งผลให้หางตาตกลง

สาเหตุของการเกิดหนังตาตกและหางตาตก

การเกิด หนังตาตก และ หางตาตก เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยเมื่ออายุมากขึ้น และสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ซึ่งทำให้ผิวหนังรอบดวงตาและกล้ามเนื้อเกิดการหย่อนคล้อย

 

1. อายุที่เพิ่มขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนังจะลดลง ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่นลดลง ทำให้ผิวหนังรอบดวงตาหย่อนคล้อยและเกิดหนังตาตกและหางตาตกได้ง่ายขึ้น กล้ามเนื้อที่คอยยกหนังตาก็จะเริ่มอ่อนแรง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หนังตาตกลงมา

 

2. พันธุกรรม

พันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดโครงสร้างผิวและกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล หากมีคนในครอบครัวที่มีปัญหาหนังตาตกหรือหางตาตก ก็มีแนวโน้มที่คุณจะมีปัญหาเช่นเดียวกันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

 

3. การเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น

กล้ามเนื้อรอบดวงตา เช่น กล้ามเนื้อ Orbicularis Oculi และเส้นเอ็น Lateral Canthal Tendon ที่มีหน้าที่ยกและรักษาความตึงของหนังตาและหางตา เมื่อเวลาผ่านไป กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นเหล่านี้จะเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยและหางตาตกได้ง่ายขึ้น

 

4. การสูญเสียไขมันและโครงสร้างเนื้อเยื่อ

เมื่ออายุมากขึ้น เนื้อเยื่อไขมันบริเวณรอบดวงตาจะลดลง ทำให้ดวงตาดูยุบและขาดการรองรับ ทำให้หนังตาตกและหางตาตก นอกจากนี้ การเสื่อมสภาพของกระดูกโครงหน้าก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการตกของผิวหนังรอบดวงตา

 

5. การใช้ชีวิตและปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม

  • แสงแดด: รังสี UV ทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและมีริ้วรอยมากขึ้น ส่งผลให้หางตาตกง่ายขึ้น
  • การสูบบุหรี่: สารเคมีในบุหรี่มีผลกระทบต่อการหมุนเวียนของเลือดและการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • การนอนหลับไม่เพียงพอ: การนอนหลับที่ไม่เพียงพอส่งผลต่อการฟื้นฟูของเซลล์ผิว และทำให้เกิดรอยหมองคล้ำและการหย่อนคล้อยรอบดวงตา
  • การแสดงอารมณ์บ่อยครั้ง: เช่น การหรี่ตาหรือยิ้มบ่อย ๆ ทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาต้องทำงานหนัก เมื่อเวลาผ่านไปกล้ามเนื้ออาจอ่อนแรงหรือไม่กระชับเหมือนเดิมก็ทำให้หางตาตกลง

 

6. โรคและสภาวะสุขภาพที่เกี่ยวข้อง

  • โรคหรือภาวะที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทหรือกล้ามเนื้อ เช่น โรค Myasthenia Gravis หรือ Bell's Palsy ส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อรอบดวงตา ทำให้เกิดหนังตาตกได้
  • ภาวะตาตกแต่กำเนิด (Congenital Ptosis) อาจเกิดจากกล้ามเนื้อตาที่พัฒนาไม่สมบูรณ์ ซึ่งทำให้เกิดหนังตาตกตั้งแต่อายุน้อย

 

7. ความเครียดและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

ความเครียดและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมีผลต่อการเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิวหนังรอบดวงตา ทำให้หางตาตกได้เช่นกัน

หนังตาตก

การรักษาหนังตาตกและหางตาตก

การรักษา หนังตาตก และ หางตาตก มีหลายวิธีให้เลือกขึ้นอยู่กับว่าเราหางตาตกมากแค่ไหน

1. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด

  • การใช้ครีมและเซรั่มบำรุงรอบดวงตา  ครีมและเซรั่มที่มีส่วนผสมในการเติมหรือกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน อิลาสติน หรือสารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ลดริ้วรอย และช่วยกระชับผิวหนังบริเวณรอบดวงตา ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและใช้อย่างสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
  • การนวดและการบริหารกล้ามเนื้อรอบดวงตา  การนวดและการออกกำลังกายกล้ามเนื้อรอบดวงตา เช่น การกะพริบตา การยกคิ้วขึ้นลง และการนวดเบา ๆ รอบดวงตา ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ช่วยลดโอกาสการเกิดหนังตาตกและหางตาตกได้
  • การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) โบท็อกซ์ช่วยลดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตา และยังสามารถช่วยยกหางตาให้สูงขึ้นเล็กน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบชั่วคราว (ประมาณ 4-6 เดือน)
  • การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยเติมเต็มบริเวณที่ยุบลงจากการสูญเสียไขมันใต้ตา ซึ่งช่วยให้ผิวดูเต่งตึงและกระชับขึ้น แต่ฟิลเลอร์ไม่สามารถยกหางตาได้อย่างชัดเจนเหมือนการผ่าตัด
  • การใช้เลเซอร์และ RF (Radio Frequency) ลเซอร์และ RF เป็นวิธีที่ไม่ผ่าตัด แต่สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวรอบดวงตายกกระชับและลดริ้วรอยได้อย่างเห็นได้ชัด

2. การรักษาแบบผ่าตัด

  • การทำศัลยกรรมเปลือกตาบน (Blepharoplasty)  เป็นการผ่าตัดเพื่อลดการหย่อนคล้อยของเปลือกตาบนโดยการตัดผิวหนังส่วนเกินออก ช่วยยกหนังตาขึ้นและทำให้ดวงตาดูสดใสมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีหนังตาตกมากจนบดบังการมองเห็นหรือมีปัญหาด้านความงาม
  • การยกหางตา (Canthoplasty/Lateral Canthopexy)  การผ่าตัดยกหางตาช่วยแก้ปัญหาหางตาตกและปรับรูปทรงของดวงตาให้ดูสมดุลและสดใสขึ้น โดยศัลยแพทย์จะยกและยึดเส้นเอ็นบริเวณหางตาให้สูงขึ้น ทำให้หางตาดูยกขึ้นและช่วยแก้ปัญหาดวงตาตกได้
  • การร้อยไหมยกกระชับรอบดวงตา  การร้อยไหมเป็นวิธีการยกกระชับผิวโดยใช้ไหมละลายช่วยดึงเนื้อเยื่อให้ตึงขึ้น วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีและมีการฟื้นตัวที่เร็วกว่า แต่ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 1-2 ปี

วิธีป้องกันหนังตาตกและหางตาตก

การป้องกัน หนังตาตก และ หางตาตก สามารถทำได้ด้วยการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของผิวหนังและกล้ามเนื้อรอบดวงตาได้ เช่น

1. ป้องกันแสงแดด

แสงแดดและรังสี UV เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวหนังเสื่อมสภาพได้เร็ว ควรปกป้องผิวรอบดวงตาด้วยการทาครีมกันแดดที่เหมาะกับผิวหน้าเป็นประจำลดการสัมผัสแสงแดดโดยตรงและลดการหยีตาที่เกิดจากแสงจ้า

 

2. บำรุงผิวรอบดวงตา

ใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน และกระตุ้นการผลิตอิลาสติน และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและชะลอการเสื่อมสภาพของผิว ควรบำรุงผิวรอบดวงตาเป็นประจำทั้งเช้าและก่อนนอน เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว

 

3. การนอนหลับอย่างเพียงพอ

การพักผ่อนอย่างเพียงพอช่วยลดการอักเสบและความหมองคล้ำรอบดวงตา นอนให้ได้ประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน

 

4. ลดการสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงมลภาวะ

การสูบบุหรี่และการอยู่ในมลภาวะทางอากาศส่งผลเสียต่อผิวและทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพ ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และหมั่นทำความสะอาดผิวหน้าหลังการสัมผัสมลภาวะ

 

5. บริหารกล้ามเนื้อรอบดวงตา

การออกกำลังกายกล้ามเนื้อรอบดวงตา เช่น การยกคิ้ว การหรี่ตา การกะพริบตาอย่างสม่ำเสมอ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบดวงตา ลดความเสี่ยงของการหย่อนคล้อย

 

6. หลีกเลี่ยงการขยี้ตา

การขยี้ตาบ่อย ๆ จะทำให้ผิวรอบดวงตาเกิดการยืดและหดตัวมากเกินไป ส่งผลให้กล้ามเนื้อและผิวหนังเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการขยี้ตาและใช้สำลีชุบน้ำในการทำความสะอาดบริเวณรอบดวงตาแทน

แนะนำผลิตภัณฑ์ที่ดูแลผิว

Epicelline Serum

Eucerin Hyaluron-Filler Epicelline Serum

Eucerin Hyaluron-Filler Epicelline Serum เซรั่มต่อต้านริ้วรอยที่จัดการ 10 สัญญาณแห่งวัย ด้วยนวัตกรรม Age Clock Technology ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร พร้อมด้วยสาร Epicelline® ที่เป็นสารทรงพลังใหม่ล่าสุดในการต่อต้านความร่วงโรยแห่งวัย ที่ค้นพบโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ของ Eucerin หลังจากการวิจัยเกี่ยวกับ Epigenetics อย่างต่อเนื่องกว่า 15 ปี ช่วยชะลอความร่วงโรยของผิว ทั้งริ้วรอย หน้าเหี่ยว ผิวไม่กระชับ และผิวที่ดูแห้งไม่ชุ่มชื้น เสริมประสิทธิภาพด้วย Hyaluronic Acid ที่ช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความนุ่มชุ่มชื้นให้กับผิว และสาร Glycine Saponin ที่ช่วยกระตุ้นการผลิตไฮยาลูรอนิก คอลลาเจน และเพิ่มอีลาสตินของผิวหนัง พร้อมด้วยสาร Enoxolone ที่ช่วยลดการเสื่อมสลายของกรดไฮยาลูโรนิก ทำให้ผิวหน้ากระชับและดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงภายใน 4 สัปดาห์ 

3D SERUM

Eucerin HYALURON [HD] RADIANCE-LIFT FILLER 3D SERUM

ครีมบำรุงที่สามารถจัดการปัญหาผิวแห่งวัย ที่ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ จุดด่างดำตามวัยหรือผิวหน้าที่หมองโทรม ซึ่งหากครีมบำรุงผิวหน้าหรือเซรั่มลดริ้วรอยไม่มีประสิทธิภาพในการดูแลที่มากพอ อาจจะทำให้ปัญหาริ้วรอยต่างๆเพิ่มความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ HYALURON [HD] RADIANCE-LIFT FILLER 3D SERUM มีประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยด้วย Hyaluron ทั้งโมเลกุลเล็กและใหญ่ที่สามารถซึมลึกเข้าสู่ชั้นผิวได้ทุกชั้น และมีส่วนผสมของ ไทอามิดอล (THIAMIDOL®) ที่ฟื้นฟูลดเลือนจุดด่างดำได้ลึกถึงต้นตอ และลดโอกาสในการกลับมาเป็นซ้ำอีก อีกทั้งช่วยเสริมการทำงานของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ด้วยสารแอนดี้ออกซิแอนท์ทรงพลังอย่าง Arctiin ที่จะช่วยฟื้นบำรุงและกระชับผิว แม้ผิวจะหย่อนคล้อยมาก

บทความเกี่ยวข้อง

คุณอาจจะสนใจสิ่งเหล่านี้