ผื่นแพ้อากาศ

ผื่นแพ้อากาศ อาการ มีตุ่มคันภูมิแพ้ เกิดจากอะไร ควรรักษาอย่างไร

อ่านแล้ว 2 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

ผื่นแพ้อากาศ จากภูมิแพ้ผิวหนัง ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย แถมฝุ่น PM 2.5 ก็กลับมาหนาแน่นอีกครั้ง แน่นอนว่าเมื่อต้องเจอกับสภาพอากาศและฝุ่นพิษ หลายคนย่อมมีอาการแพ้อากาศซึ่งมีทั้งอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล คัน จนอาจร้ายแรงไปถึง อาการหอบหืด และเกิดผื่นแพ้อากาศนั่นเอง ซึ่งผื่นแพ้อากาศนั้นมีสาเหตุจากอะไรบ้าง มีอาการและลักษณะผื่นเป็นอย่างไร ควรระมัดระวังดูแลตนเองอย่างไร พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้เกิดผื่นแพ้อากาศซ้ำอีก

ผื่นแพ้อากาศ คืออะไร

ผื่นแพ้อากาศ คือ ภาวะผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่ง ที่มีปัจจัยกระตุ้นจากสภาพแวดล้อมและอากาศ ซึ่งสาเหตุของการเกิดภูมิแพ้อากาศมีทั้งที่เป็นเฉพาะฤดูกาล ทำให้สารก่อภูมิแพ้กระจายในอากาศเพิ่มขึ้น เช่น ภูมิแพ้เกสรดอกไม้ หรือภูมิแพ้อากาศที่เป็นตลอดทั้งปี ซึ่งเกิดจากได้รับสารก่อภูมิแพ้จากสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะ เช่น ภูมิแพ้ฝุ่น ไรฝุ่น เป็นต้น จนก่อให้เกิดผื่นแพ้อากาศตามมา โดยผื่นแพ้อากาศมักถูกกระตุ้นเมื่อถึงฤดูหนาวที่มีอากาศแห้งซึ่งก่อให้เกิดอาการคันและผื่นแพ้ บวม แดง คันตา น้ำมูกไหล หายใจลำบาก

 

ผื่นแพ้อากาศ กับ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง แตกต่างกันอย่างไร?

  • โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis): คือ "ตัวโรค" ที่เป็นภาวะเรื้อรัง มีสาเหตุจากพันธุกรรมร่วมกับความผิดปกติของเกราะป้องกันผิวและระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ผิวแห้งและไวต่อปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ตลอดเวลา
  • ผื่นแพ้อากาศ: คือ "อาการกำเริบ" ของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โดยมี "อากาศและมลภาวะ" เป็นปัจจัยกระตุ้นหลัก

พูดง่ายๆ ก็คือ คนที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอยู่แล้ว จะมีอาการ "ผื่นแพ้อากาศ" กำเริบขึ้นมาเมื่อเจอกับสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ เหมือนกับคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว จะมีอาการน้ำมูกไหลหรือจามเมื่อเจอกับฝุ่นนั่นเอง

อาการผื่นแพ้อากาศ

ลักษณะอาการของผื่นแพ้อากาศ

เนื่องจากผื่นแพ้อากาศ มักจะมาพร้อมกับภูมิแพ้อากาศ ซึ่งเริ่มต้นจะก่อให้เกิดอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันจมูก ปาก หู ตา เมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น PM 2.5 เป็นเวลานานหรือในปริมาณมาก หลายคนจะเริ่มมีอาการคันผิวหนัง ผิวหนังแห้งและเกิดผื่นแพ้อากาศ ผื่นแพ้ฝุ่น คล้ายเป็นผื่นผิวหนังอักเสบและสำหรับอาการผื่นแพ้อากาศที่ปล่อยจนเรื้อรัง จะทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีความหนาขึ้น จนอาจเกิดเป็นรอยคล้ำขึ้น และหากได้มีการเกาที่บริเวณผิวหนังที่เป็นอยู่บ่อย ๆ สามารถทำให้เกิดแผล และเกิดการติดเชื้อได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย

 

ลักษณะอาการของผื่นแพ้อากาศ

อาการผื่นแพ้อากาศที่สังเกตได้บนผิวหนัง มีลักษณะเด่นดังนี้:

  • ผื่นแดง: เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด โดยผิวหนังจะมีลักษณะเป็นปื้นแดง หรือเป็นผื่นแดงกระจายเป็นวงกว้าง
  • ตุ่มนูน: อาจพบตุ่มนูนแดงหรือตุ่มน้ำใสๆ เกิดขึ้นบนผิวหนังได้
  • อาการคัน: เป็นอาการที่สร้างความรำคาญใจอย่างมาก ผู้ป่วยจะรู้สึกคันยุบยิบในบริเวณที่เป็นผื่น
  • ผิวแห้งและลอกเป็นขุย: บริเวณที่เป็นผื่นมักจะมีความแห้งกร้านกว่าปกติ และอาจลอกเป็นขุยได้
  • อาการบวม: ในบางรายอาจมีอาการบวมแดงร่วมด้วย โดยเฉพาะในบริเวณที่ผิวบอบบาง

 

บริเวณที่มักเกิดผื่นแพ้อากาศบ่อย

ผื่นแพ้อากาศสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย แต่มักพบบ่อยในบริเวณที่ผิวหนังสัมผัสกับอากาศโดยตรงหรือบริเวณที่ผิวบอบบาง ได้แก่

  • ใบหน้าและลำคอ
  • ข้อพับแขนและข้อพับขา
  • ลำตัว
  • มือและแขน

 

อาการร่วมอื่นๆ ที่ควรสังเกต

นอกเหนือจากอาการทางผิวหนังแล้ว ผู้ที่เป็นผื่นแพ้อากาศมักจะมีอาการของโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจร่วมด้วย ซึ่งเป็นข้อสังเกตที่สำคัญ อาการเหล่านี้ได้แก่:

  • อาการทางจมูก: จามบ่อย, คัดจมูก, น้ำมูกใสไหล, คันจมูก
  • อาการทางตา: คันตา, แสบตา, ตาแดง, น้ำตาไหล, ขอบตาคล้ำ
  • อาการทางลำคอและระบบหายใจ: คันคอ, ไอ, แน่นหน้าอก, หายใจไม่สะดวก

สาเหตุการเกิด ผื่นแพ้อากาศ

ผื่นแพ้อากาศ หรือที่ทางการแพทย์มักเรียกว่า "ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง" (Atopic Dermatitis) ที่มีอากาศเป็นปัจจัยกระตุ้น เป็นปฏิกิริยาการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้และปัจจัยระคายเคืองต่างๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ ไม่ได้เกิดจากการ "แพ้อากาศ" โดยตรง แต่เกิดจากสิ่งที่ปะปนมากับอากาศ การเกิดผื่นแพ้อากาศเลยมักจะเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ตอบสนองไวต่อสิ่งกระตุ้นมากผิดปกติ เมื่อร่างกายได้รับสารก่อภูมิแพ้ที่ลอยอยู่ในอากาศ ไม่ว่าจะผ่านทางการหายใจหรือการสัมผัสโดยตรงที่ผิวหนัง ระบบภูมิคุ้มกันจะเข้าใจผิดว่าสารเหล่านั้นเป็นอันตรายและจะหลั่งสารเคมีต่างๆ ออกมา เช่น ฮีสตามีน (Histamine) เพื่อต่อต้าน สิ่งนี้เองที่นำไปสู่การอักเสบของผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นผื่นแดง บวม และมีอาการคันตามมา

 

ตัวกระตุ้นภูมิแพ้ที่ลอยอยู่ในอากาศ (Airborne Allergens)

สารก่อภูมิแพ้ในอากาศที่เป็นตัวการสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดผื่น ได้แก่:

  • ไรฝุ่น: ถือเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ไรฝุ่นเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มักอาศัยอยู่ในที่นอน หมอน พรม โซฟา และจะเจริญเติบโตได้ดีในที่อับชื้น สารก่อภูมิแพ้คือมูลของไรฝุ่น
  • มลภาวะและฝุ่นละออง: ฝุ่น PM2.5, ควันจากท่อไอเสียรถยนต์, ควันบุหรี่ และควันจากการเผาไหม้ต่างๆ เป็นสารระคายเคืองที่ทำลายเกราะป้องกันผิวให้อ่อนแอลงและกระตุ้นการอักเสบได้โดยตรง
  • ขนสัตว์และรังแคสัตว์เลี้ยง: โปรตีนที่อยู่ในน้ำลาย ปัสสาวะ และเซลล์ผิวหนังที่หลุดลอก (รังแค) ของสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว สามารถลอยปะปนในอากาศและกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้
  • ละอองเกสร: เกสรจากหญ้า วัชพืช หรือดอกไม้บางชนิด เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญโดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลที่มีเกสรฟุ้งกระจายมาก
  • เชื้อรา: สปอร์ของเชื้อราที่ลอยอยู่ในอากาศ โดยเฉพาะในบริเวณที่อับชื้นหรือมีอากาศถ่ายเทไม่ดี เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่พบบ่อย

 

ปัจจัยร่วมที่ทำให้เกิดผื่นภูมิแพ้ได้ง่ายขึ้น

นอกเหนือจากสารก่อภูมิแพ้โดยตรง ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งเสริมให้เกิดผื่นแพ้อากาศได้ง่ายและรุนแรงขึ้น:

  • พันธุกรรม: หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ เช่น หอบหืด ภูมิแพ้อากาศ หรือผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ก็จะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป
  • เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ (Weak Skin Barrier): ผู้ที่มีภาวะผิวแห้งหรือมีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังเป็นทุนเดิม จะมีเกราะป้องกันผิวที่ไม่แข็งแรง ทำให้สารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคืองต่างๆ สามารถซึมผ่านผิวหนังเข้าไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้ง่ายขึ้น
  • การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและอุณหภูมิ: อากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น อากาศที่ร้อนจัด เย็นจัด หรือแห้งจนเกินไป สามารถส่งผลกระทบต่อความชุ่มชื้นและความแข็งแรงของเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวไวต่อการกระตุ้นมากขึ้น
  • เหงื่อและความอับชื้น: การมีเหงื่อออกมากอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและกระตุ้นให้ผื่นกำเริบได้ โดยเฉพาะบริเวณข้อพับต่างๆ

สาเหตุของผื่นแพ้อากาศเกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่างปัจจัยทางพันธุกรรมที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไวต่อสิ่งกระตุ้น ร่วมกับการเผชิญหน้ากับสารก่อภูมิแพ้และปัจจัยระคายเคืองต่างๆ ในอากาศ โดยมีเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอเป็นช่องทางให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ที่ผิวหนังได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

วิธีรักษาผื่นแพ้อากาศ

1. การใช้ยาทา

ยาทาบริเวณที่แพ้เพื่อรักษาผื่นแพ้อากาศ อย่าง

  • ยาทากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Topical Corticosteroids): เป็นยาหลักที่ใช้ในการลดการอักเสบของผิวหนัง ช่วยให้ผื่นแดง อาการบวม และคันยุบลงได้อย่างรวดเร็ว มีหลายระดับความแรง แพทย์จะเลือกใช้ตามความรุนแรงของอาการและบริเวณที่เป็น (ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร)
  • ครีมให้ความชุ่มชื้น (Moisturizer): มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาและป้องกัน ควรทาเป็นประจำเพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ลดความแห้งและอาการคัน

 

2. การรักษาโดยการทานยา

การทานยาเพื่อลดอาการผื่นแพ้อากาศ อย่างการทานยาแก้แพ้ หรือ ยาต้านฮิสตามีน ช่วยลดอาการคัน น้ำมูกไหล คันตา หรือการทานยาสเตียรอยด์ในกรณีที่อาการแพ้รุนแรง ก่อนรับประทานยาควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเท่านั้น

 

3. การรักษาเบื้องต้นด้วยตัวเอง

การประคบเย็นด้วยผ้าสะอาด ประมาณ 5-10 นาที ช่วยลดอาการคัน บวม การใช้ครีมบำรุงผิว ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดอาการคัน รวมถึงการเลือกเสื้อผ้าที่โปร่งโล่งสบาย ลดการเสียดสีและระคายเคืองให้กับผิว

 

4. การปรึกษาแพทย์

ควรปรึกษาแพทย์หากอาการผื่นแพ้อากาศรุนแรงหรือไม่ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ และอาการของผื่นแพ้อากาศ และให้แพทย์แนะนำเกี่ยวกับการป้องกัน และการดูแลผื่นแพ้อากาศของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ

วิธีรักษาผื่นแพ้อากาศ

วิธีป้องกันดูแลผื่นแพ้อากาศ

การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในอากาศเป็นการป้องกันภูมิแพ้อากาศที่ดีที่สุด และควรดูแลตัวเองเพิ่มเติมด้วยวิธีดังต่อไปนี้

 

1. เลี่ยงการอาบน้ำอุ่น ใช้สบู่ที่อ่อนโยน

การอาบน้ำอุ่นจัดจะชะล้างไขมันตามธรรมชาติ ทำให้ผิวยิ่งแห้งและระคายเคืองง่ายขึ้น ควรปรับมาใช้น้ำอุณหภูมิปกติและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนต่อผิว ปราศจากน้ำหอมหรือสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองเพิ่มเติม สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งมากและมีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้ ผู้เชี่ยวชาญมักแนะนำ Eucerin OMEGA ATO-CALMING BATH & SHOWER OIL เพราะเป็นออยล์อาบน้ำที่ช่วยทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน พร้อมลดปัญหาผิวระคายเคืองจากความแห้งกร้าน อุดมด้วย Omega Oil 3 และ 6 ช่วยเสริมความแข็งแรงให้เกราะป้องกันผิว และ Polidocanol ที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดอาการคันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของผื่นภูมิแพ้ สามารถใช้ได้แม้ในเด็กทารก

 

2. ใช้ครีมบำรุงลดการระคายเคือง ป้องกันผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์

การป้องกันผื่นแพ้อากาศคือการรักษาความชุ่มชื้นและฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง การทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เข้มข้นทันทีหลังอาบน้ำเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ เพื่อลดปัญหาผิวแห้ง คัน และการระคายเคือง ตัวเลือกที่แนะนำคือ Eucerin OMEGA ATO-CALMING BALM บาล์มบำรุงผิวเนื้อสัมผัสบางเบา แต่ให้ความชุ่มชื้นสูง ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง แดง คัน และผื่นที่เกิดจากมลภาวะได้อย่างตรงจุด ด้วยส่วนผสมของ Omega 3&6 fatty acids และ Licochalcone A จึงช่วยฟื้นบำรุงเกราะป้องกันผิวให้กลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น การใช้อย่างต่อเนื่องจะช่วยลดความไวของผิวต่อปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ได้อย่างชัดเจน

 

3. ใส่หน้ากากอนามัย

หากต้องไปในที่ที่มีฝุ่นละอองมาก ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง โดยต้องสวมใส่ให้ถูกวิธีด้วย และหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่อากาศไม่ดี มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ก็จะช่วยป้องกันความเสี่ยงต่ออาการแพ้ที่อาจเกิดกับผิวหน้าเราได้

 

4. พักผ่อนและทานอาหารที่มีประโยชน์เสริมภูมิคุ้มกัน

นอนน้อย หรือภาวะที่ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ภูมิต้านทานลดลง และหากเจอกับฝุ่นในสภาพอดนอนก็จะส่งผลให้เจ็บป่วยได้ง่าย ดังนั้นควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ นอกจากนี้ยังต้องรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีน ผัก และผลไม้ ที่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้

แม้สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลง มีฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งมลพิษและสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ คอยรบกวนจนเป็นเหตุให้เกิดผื่นแพ้อากาศ แต่เมื่อทราบสาเหตุของผื่นแพ้อากาศแล้ว เราก็สามารถหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่มีฝุ่น รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดผื่นแพ้ รวมถึงสามารถป้องกันและดูแลตนเองได้ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ลดการระคายเคืองและสร้างความชุ่มชื้น เพียงเท่านี้อาการผื่นแพ้อากาศก็จะทุเลาลงไปในที่สุด

บาล์มบำรุงผิวเนื้อสัมผัสบางเบา แต่ให้ความชุ่มชื้นสูง ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง แดง คัน และผื่นที่เกิดจากมลภาวะ

คำถามที่พบบ่อย (5)

  • ผื่นแพ้อากาศ กี่วันหาย

    ผื่นแพ้อากาศ จะหายไหมขึ้นอยู่กับระยะเวลา ความรุนแรงของอาการของผื่น และวิธีการรักษาที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่หากเรารู้วิธีรักษาที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพก็จะช่วยทำให้อาการดีขึ้นได้

  • ผื่นขึ้นใช้อะไรทา

    สามารถใช้คาลาไมน์ทาบริเวณที่เป็นผื่นเพื่อลดอาการคันได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้ยา เพื่อรักษาหรือบรรเทาได้ถูกต้องกับอาการที่เป็น อย่างการใช้ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ ในการทาก็ช่วยลดอาการอักเสบ บวม แดง คัน ยาแก้คัน ช่วยลดอาการคัน ยาฆ่าเชื้อรา ใช้ทาในกรณีที่มีการติดเชื้อรา

  • อาการแบบไหนถึงเรียกว่าเป็นภูมิแพ้อากาศ?

    ภูมิแพ้อากาศ (Allergic Rhinitis) ปกติแล้วจะหมายถึงอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจเป็นหลัก เช่น จามติดต่อกัน, คันจมูก, คันตา, น้ำมูกใสไหลตลอดเวลา และคัดจมูก โดยอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ ซึ่งหากมีอาการทางผิวหนังร่วมด้วย เช่น ผื่นแดง คัน ผิวแห้ง ก็จะเรียกว่า "ผื่นแพ้อากาศ"
  • อาการของภูมิแพ้อากาศแบบหนักเป็นอย่างไร?

    หากอาการภูมิแพ้อากาศรุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก เช่น คัดจมูกรุนแรงจนต้องหายใจทางปาก หายใจลำบากโดยเฉพาะเวลานอน อาจมีอาการไซนัสอักเสบ ปวดบริเวณโหนกแก้มหรือหน้าผาก เสมหะลงคอ ไอเรื้อรัง และอาจส่งผลให้โรคหอบหืดกำเริบได้ หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาแพทย์
  • ผื่นแพ้อากาศขึ้นหน้าควรทำอย่างไร?

    ผิวหน้ามีความบอบบางเป็นพิเศษ ควรดูแลอย่างอ่อนโยนที่สุด:

    • ทำความสะอาด: ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่มีฟอง ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์
    • บำรุงผิว: เลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือบาล์มที่ออกแบบมาเพื่อผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ทาเบาๆ ให้ทั่วใบหน้าหลังล้างหน้าทันที
    • หลีกเลี่ยง: งดการสครับผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น กรดผลไม้, วิตามินซีเข้มข้น, เรตินอล ในช่วงที่ผื่นกำเริบ
    • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากอาการไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

บทความเกี่ยวข้อง