โรคแพ้เหงื่อตัวเอง หรือผื่นคันแพ้เหงื่อ เป็นภาวะที่ผิวหนังตอบสนองผิดปกติต่อเหงื่อของตนเอง โดยมีปัจจัยกระตุ้นจากกิจกรรมในชีวิตประจำวันหลาย ๆ อย่าง เช่น การออกกำลังกาย การอยู่ในที่อากาศร้อนอบอ้าวหรือแม้กระทั่งในสถานที่ที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เราเหงื่อออกมาก แล้วเคยสังเกตไหมว่า หลายคนที่เมื่อเหงื่อออกแล้วมักจะมีผื่นแดงๆ หรือตุ่มน้ำใสๆ ขึ้นตามแขนขา หรือแผ่นหลังเป็นประจำ หรือที่หลายคนเรียกว่า ‘ผื่นคันแพ้เหงื่อ’ ก็คงทำให้ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจไม่น้อย และเพื่อลดโอกาสการเกิดอาการเหล่านี้ มาค้นหาต้นตอผื่นแพ้เหงื่อมีสาเหตุจากอะไร รักษาและป้องกันได้ด้วยวิธีใดบ้าง
ผื่นคันแพ้เหงื่อตัวเอง คืออะไร
ผื่นคันแพ้เหงื่อ คือ ลมพิษชนิดหนึ่งที่เรียกว่า โรคแพ้เหงื่อตัวเอง เกิดจากความร้อนเข้าไปกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อ เหงื่อจึงหลั่งออกมาร่วมกับการเกิดผื่น บางรายอาจแพ้เหงื่อตัวเองจากการที่ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ หรือภูมิต้านทานต่อเหงื่อตัวเอง จึงทำให้เกิดเป็นผื่นลมพิษ อาการผื่นแพ้เหงื่อจึงเป็นอุปสรรคต่อการทำกิจกรรมใด ๆ ก็ตามที่ออกแรง ทั้งการออกกำลังกาย อยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อน หรือแม้กระทั่งการอยู่ภายในบ้านที่สามารถทำให้เกิดเหงื่อได้

สาเหตุของผื่นคันแพ้เหงื่อตัวเอง
ผื่นคันที่เกิดจากเหงื่อไม่ได้มีสาเหตุมาจากตัวเหงื่อโดยตรงเสมอไป แต่เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อส่วนประกอบในเหงื่อ และสภาพผิวที่ตอบสนองต่อปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ดังนี้
1. ปฏิกิริยาของร่างกายต่ออุณหภูมิที่สูงขึ้น (ลมพิษ Cholinergic Urticaria)
นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เมื่อร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้นจากการทำกิจกรรมต่างๆ ร่างกายจะตอบสนองด้วยการหลั่งสารฮิสตามีน ซึ่งกระตุ้นให้เกิดผื่นลมพิษที่มีอาการคัน
ปัจจัยที่กระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้น ได้แก่
- การออกกำลังกาย
- อยู่ในที่ที่อากาศร้อนจัด
- การรับประทานอาหารเผ็ดร้อน
- การอาบน้ำอุ่น
- ภาวะมีไข้
- การสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นหรือระบายอากาศได้ไม่ดี
2. ความเครียดทางอารมณ์ (Emotional Stress)
ความเครียดและความวิตกกังวลสามารถกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเคมีบางชนิดที่ทำให้เกิดอาการคันและผื่นลมพิษกำเริบได้เช่นกัน
3. เกราะป้องกันผิวอ่อนแอและภาวะภูมิแพ้อื่นๆ
ผู้ที่มีเกราะป้องกันผิวไม่แข็งแรงหรือมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับภูมิแพ้ จะมีแนวโน้มที่ผิวจะระคายเคืองจากส่วนประกอบในเหงื่อได้ง่ายกว่าคนปกติ
ป้องกันและรักษาโรคผื่นคันแพ้เหงื่อตัวเองได้อย่างไร ?


3. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้เหงื่อตัวเอง
ควรเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดเหงื่อออกได้ง่าย เช่น การทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือการออกกำลังกายท่ามกลางอากาศร้อนจัด แนะนำให้ปรับเปลี่ยนเป็นการออกกำลังกายในบริเวณที่อากาศไม่ร้อนมากเกินไปและมีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อให้การระบายเหงื่อออกมาน้อยที่สุด และหากเริ่มเกิดผื่นแพ้เหงื่อตามผิวหนังควรหยุดทำกิจกรรมต่างๆ หรือหยุดออกกำลังกายทันที เป็นการป้องกันไม่ให้ผื่นเกิดความรุนแรงมากขึ้น
4. สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
การสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ และไม่สามารถระบายความร้อนได้ จะก่อให้เกิดเหงื่ออันนำมาซึ่งอาการผื่นแพ้เหงื่อในที่สุด ดังนั้น จึงควรสวมใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อให้เกิดการระบายอากาศและความร้อนจากร่างกายได้ดี
5. เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
หากพบว่าตนเองมีภาวะเกิดผื่นคันแพ้เหงื่อได้ง่าย ก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่จะก่อให้เกิดเหงื่อ เช่น อาหารรสเผ็ดจัด อาหารหรือเครื่องดื่มร้อน ๆ เป็นต้น เพื่อช่วยลดความถี่ในการเกิดอาการผื่นคันแพ้เหงื่อ
ทั้งนี้หากอาการกำเริบ หรือมีแนวโน้มที่เพิ่มระดับความรุนแรง ควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อได้รับคำแนะนำด้านการรักษาผื่นแพ้เหงื่อที่เหมาะสม โดยแพทย์อาจสั่งยาแก้แพ้ ที่ช่วยออกฤทธิ์ในการขัดขวางสารฮีสตามีนซึ่งส่งผลให้เกิดอาการแพ้
ผื่นแพ้เหงื่อไม่ใช่อาการที่ควรนิ่งนอนใจ เมื่อทราบถึงสาเหตุที่เกิดได้ง่ายจากไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมที่เราใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว รวมไปถึงทราบวิธีการป้องกันเพื่อลดความถี่ในการเกิดอาการแล้ว ดังนั้น จึงควรที่จะดูแลตัวเองให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้อาการผื่นแพ้เหงื่อรุนแรงจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน








