สิวที่หู

ปัญหา สิวที่หู วิธีการรักษาและการป้องกัน

อ่านแล้ว 3 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

สิวเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกวัย และไม่เฉพาะบนใบหน้าเท่านั้น สิวอาจเกิดขึ้นในที่ต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงที่หูก็สามารถเป็นได้ ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ค่อยถูกสังเกตเห็น ซึ่งการเกิดสิวที่หูนั้นอาจทำให้ความรู้สึกไม่สบายใจและเกิดความรำคาญในการใช้ชีวิตพอสมควร หากสิวเกิดที่หูแล้วจึงควรรักษาอย่างถูกวิธี

รู้จักสาเหตุของการเกิดสิวที่หู

สิวที่หูเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน โดยมีส่วนผสมของเซลล์ผิวหนัง เชื้อแบคทีเรีย และน้ำมัน (sebum) ซึ่งเป็นสารที่ผลิตโดยต่อมไขมัน (sebaceous gland) เช่นเดียวกับการเกิดสิวบนใบหน้า ทำให้เกิดเป็นตุ่มนูนขึ้นบริเวณใบหู หรือช่องหูชั้นนอก หรือสาเหตุภายนอกอย่างอื่น เช่น

  • อาบน้ำหรือเจอกับน้ำที่ไม่สะอาด
  • มีความเครียดมากเกินไปจนทำให้ฮอร์โมนเสียสมดุล
  • ใช้สิ่งของเครื่องใช้บริเวณหูร่วมกับผู้อื่นหรือใช้มาเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้ทำความสะอาด
  • แพ้ยาสระผม ครีมนวด หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ

ประเภทของสิวที่หูที่พบบ่อย

สิวที่หูมีได้หลายลักษณะ ดังนี้:

สิวอุดตัน (Comedones):

  • สิวหัวดำ (Blackheads): เกิดจากรูขุมขนที่อุดตันและปากรูขุมขนเปิดอยู่ ทำให้ไขมันและเซลล์ผิวสัมผัสกับอากาศ เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันกลายเป็นสีดำ มักไม่เจ็บปวด
  • สิวหัวขาว (Whiteheads): เกิดจากรูขุมขนที่อุดตันและปากรูขุมขนปิด ทำให้เห็นเป็นตุ่มนูนเล็กๆ สีขาวหรือสีเนื้อ

สิวอักเสบ (Inflammatory Acne):

  • ตุ่มแดง (Papules): สิวอุดตันที่เริ่มมีการอักเสบ เห็นเป็นตุ่มนูนแดง กดแล้วอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
  • ตุ่มหนอง (Pustules): สิวอักเสบที่มีหนองสีขาวหรือเหลืองอยู่ด้านบน มองเห็นเป็นหัวหนองชัดเจน
  • สิวหัวช้าง หรือ สิวซีสต์ (Nodules/Cysts): สิวอักเสบรุนแรงที่อยู่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง มีลักษณะเป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ กดเจ็บมาก อาจทิ้งรอยแผลเป็นได้ง่าย

สิวที่หูกับการบ่งบอกโรค

สิวที่หูอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติหรือโรคที่เกิดขึ้นในร่างกายได้ แต่ไม่ใช่ทุกกรณีที่บ่งบอกว่าพอมีสิวที่หูแล้ว จะต้องมีโรคร้ายแรงเกิดขึ้น แต่หากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรทำการปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจสอบอาการที่แน่ชัด

  • สิวที่หูและอาการบวมร่วมด้วย หากสิวที่หูมีอาการบวม อาจเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อที่มาจากแบคทีเรีย ซึ่งอาจเกิดขึ้นในที่หู หรือแม้แต่ขอบหู และสามารถระบายของเสียของเชื้อแบคทีเรียออกมาเป็นคราบหรือน้ำหนองร่วมด้วย
  • บางกรณีสิวที่หูอาจเป็นผลจากการติดเชื้อแบคทีเรียในผิวหนัง การติดเชื้อแบคทีเรียในผิวหนังอาจทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อในชั้นใต้ผิว (cellulitis) การติดเชื้อในกระดูก (osteomyelitis) การติดเชื้อในกระเพาะลม (mastoiditis) เป็นต้น
  • สิวที่หูอาจเป็นผลจากการแพ้อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม หรือเครื่องสำอางโดยอาจมีอาการแพ้อื่นๆ เกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น ผื่นคัน บวม เป็นต้น

วิธีการรักษาสิวที่หู

สำหรับวิธีการรักษาสิวที่หูขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว แต่โดยทั่วไปแล้ว ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. ไม่แกะเกาหรือบีบสิว เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและแผลเป็น
  2. ทำความสะอาดรอบใบหู ด้วยสบู่อ่อนๆ และน้ำอุ่น
  3. ใช้ยารักษาสิว เช่น ครีมแต้มสิวที่มี Benzoyl Peroxide หรือ Salicylic Acid
  4. ใช้วิธีธรรมชาติ เช่น ที่ประคบร้อน
  5. ใช้ยาอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ หรือไอโซเตรติโนอิน ส่วนใหญ่จะใช้รักษาสิวหัวช้างที่อักเสบรุนแรง
 วิธีป้องกันสิวที่หู

วิธีป้องกันการเกิดสิวที่หู

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ:

  1. รักษาความสะอาด:

    • ล้างใบหูและบริเวณรอบๆ เป็นประจำทุกวันด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน
    • เช็ดหูให้แห้งสนิทหลังอาบน้ำหรือว่ายน้ำ
  2. ทำความสะอาดอุปกรณ์:

    • เช็ดหูฟัง, โทรศัพท์มือถือ, แว่นตา ด้วยแผ่นแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นประจำ
    • ทำความสะอาดหมวกกันน็อค หรือหมวกที่ใส่บ่อยๆ
  3. เปลี่ยนเครื่องนอน:

    • เปลี่ยนปลอกหมอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นหากมีผิวมันหรือเหงื่อออกมาก
    • เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ
  4. เลือกผลิตภัณฑ์อย่างระมัดระวัง:

    • ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางที่ระบุว่า "Non-comedogenic" (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน)
    • ระวังผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมไม่ให้สัมผัสใบหู หรือเลือกใช้สูตร Oil-free
  5. หลีกเลี่ยงการสัมผัส: พยายามไม่จับ ลูบ หรือเกาบริเวณหูโดยไม่จำเป็น
  6. จัดการความเครียด: หาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ
  7. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนไขมันต่ำ และดื่มน้ำให้เพียงพอ (แม้ความเชื่อมโยงกับสิวยังไม่ชัดเจน แต่ดีต่อสุขภาพโดยรวม)

สิวที่หูอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติในร่างกาย แต่ก็ไม่ใช่ทุกกรณีที่จะมีสาเหตุมาจากโรคต่างๆ แต่อาจจะเกิดจากพฤติกรรมและการรักษาความสะอาดของเราเอง แต่ถ้าหากเกิดสิ่งปกติเกิดขึ้นมากกว่าสิวควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรับคำแนะนำในการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม ที่สำคัญควรดูแลเรื่องสุขภาพร่างกายและการใช้สิ่งประดับหูที่สะอาดเป็นสิ่งที่สำคัญในการป้องกันสิวที่หู

คำถามที่พบบ่อย (4)

  • สิวที่หูเจ็บมาก ควรทำอย่างไร?

    ห้ามบีบเด็ดขาด! ลองประคบร้อนเพื่อลดปวดและอักเสบ หากเจ็บมาก บวม หรือไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์

  • บีบสิวที่หูได้ไหม?

    ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรง ทำให้อักเสบมากขึ้น และเกิดแผลเป็นได้ง่าย

  • สิวในรูหู อันตรายหรือไม่? ดูแลอย่างไร?

    สิวตื้นๆ บริเวณปากรูหูมักไม่อันตราย แต่ห้ามแคะหรือบีบเด็ดขาดเพราะอาจติดเชื้อได้ง่าย หากอยู่ลึก เจ็บมาก หรือการได้ยินผิดปกติ ควรพบแพทย์ ห้ามใช้ยาหยอดหูหรือพยายามทำความสะอาดลึกๆ ด้วยตัวเอง

  • ควรไปหาหมอเมื่อมีสิวที่หูตอนไหน?

    เมื่อสิวอักเสบรุนแรง (เจ็บ บวม แดงมาก), เป็นสิวหัวช้าง/ซีสต์, ดูแลเองไม่หาย, เป็นซ้ำบ่อยๆ หรือสงสัยว่าติดเชื้อ

นอกจากที่เราจะรู้วิธีการดูแลสิวในหูแล้ว เราก็ควรดูแลสุขภาพผิวบริเวณอื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นสิว อย่างการเลือกใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่อ่อนโยนต่อผิวหน้า Eucerin ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสิวและช่วยรักษาความชุ่มชื้น Eucerin Pro ACNE SOLUTION SOS SERUM เซรั่มสำหรับคนเป็นสิว ที่ช่วยลดการอักเสบ ระคายเคืองสิวด้วย Licochalcone A และ Panthenol ช่วยปลอบประโลม และเสริมปราการผิว พร้อมควบคุมความมันส่วนเกินด้วย 2X Carnitine ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิวด้วย Decanediol พร้อมดูแลปัญหารอยดำรอยแดงจากสิวได้ถึงต้นตอด้วย AHA/BHA/PHA จบปัญหาสิวซ้ำซากใน 7 วัน และลดการอักเสบของสิวใน 8 ชม.

บทความเกี่ยวข้อง

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง