สิวเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกวัย และไม่เฉพาะบนใบหน้าเท่านั้น สิวอาจเกิดขึ้นในที่ต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงที่หูก็สามารถเป็นได้ ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ค่อยถูกสังเกตเห็น ซึ่งการเกิดสิวที่หูนั้นอาจทำให้ความรู้สึกไม่สบายใจและเกิดความรำคาญในการใช้ชีวิตพอสมควร หากสิวเกิดที่หูแล้วจึงควรรักษาอย่างถูกวิธี
รู้จักสาเหตุของการเกิดสิวที่หู
สิวที่หูเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน โดยมีส่วนผสมของเซลล์ผิวหนัง เชื้อแบคทีเรีย และน้ำมัน (sebum) ซึ่งเป็นสารที่ผลิตโดยต่อมไขมัน (sebaceous gland) เช่นเดียวกับการเกิดสิวบนใบหน้า ทำให้เกิดเป็นตุ่มนูนขึ้นบริเวณใบหู หรือช่องหูชั้นนอก หรือสาเหตุภายนอกอย่างอื่น เช่น
- อาบน้ำหรือเจอกับน้ำที่ไม่สะอาด
- มีความเครียดมากเกินไปจนทำให้ฮอร์โมนเสียสมดุล
- ใช้สิ่งของเครื่องใช้บริเวณหูร่วมกับผู้อื่นหรือใช้มาเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้ทำความสะอาด
- แพ้ยาสระผม ครีมนวด หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ
ประเภทของสิวที่หูที่พบบ่อย
สิวที่หูมีได้หลายลักษณะ ดังนี้:
สิวอุดตัน (Comedones):
- สิวหัวดำ (Blackheads): เกิดจากรูขุมขนที่อุดตันและปากรูขุมขนเปิดอยู่ ทำให้ไขมันและเซลล์ผิวสัมผัสกับอากาศ เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันกลายเป็นสีดำ มักไม่เจ็บปวด
- สิวหัวขาว (Whiteheads): เกิดจากรูขุมขนที่อุดตันและปากรูขุมขนปิด ทำให้เห็นเป็นตุ่มนูนเล็กๆ สีขาวหรือสีเนื้อ
สิวอักเสบ (Inflammatory Acne):
- ตุ่มแดง (Papules): สิวอุดตันที่เริ่มมีการอักเสบ เห็นเป็นตุ่มนูนแดง กดแล้วอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
- ตุ่มหนอง (Pustules): สิวอักเสบที่มีหนองสีขาวหรือเหลืองอยู่ด้านบน มองเห็นเป็นหัวหนองชัดเจน
- สิวหัวช้าง หรือ สิวซีสต์ (Nodules/Cysts): สิวอักเสบรุนแรงที่อยู่ลึกลงไปใต้ผิวหนัง มีลักษณะเป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ กดเจ็บมาก อาจทิ้งรอยแผลเป็นได้ง่าย
สิวที่หูกับการบ่งบอกโรค
สิวที่หูอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติหรือโรคที่เกิดขึ้นในร่างกายได้ แต่ไม่ใช่ทุกกรณีที่บ่งบอกว่าพอมีสิวที่หูแล้ว จะต้องมีโรคร้ายแรงเกิดขึ้น แต่หากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรทำการปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจสอบอาการที่แน่ชัด
- สิวที่หูและอาการบวมร่วมด้วย หากสิวที่หูมีอาการบวม อาจเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ามีการติดเชื้อที่มาจากแบคทีเรีย ซึ่งอาจเกิดขึ้นในที่หู หรือแม้แต่ขอบหู และสามารถระบายของเสียของเชื้อแบคทีเรียออกมาเป็นคราบหรือน้ำหนองร่วมด้วย
- บางกรณีสิวที่หูอาจเป็นผลจากการติดเชื้อแบคทีเรียในผิวหนัง การติดเชื้อแบคทีเรียในผิวหนังอาจทำให้เกิดการอักเสบ การติดเชื้อในชั้นใต้ผิว (cellulitis) การติดเชื้อในกระดูก (osteomyelitis) การติดเชื้อในกระเพาะลม (mastoiditis) เป็นต้น
- สิวที่หูอาจเป็นผลจากการแพ้อาหาร ยา ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม หรือเครื่องสำอางโดยอาจมีอาการแพ้อื่นๆ เกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น ผื่นคัน บวม เป็นต้น
วิธีการรักษาสิวที่หู
สำหรับวิธีการรักษาสิวที่หูขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว แต่โดยทั่วไปแล้ว ควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้
- ไม่แกะเกาหรือบีบสิว เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและแผลเป็น
- ทำความสะอาดรอบใบหู ด้วยสบู่อ่อนๆ และน้ำอุ่น
- ใช้ยารักษาสิว เช่น ครีมแต้มสิวที่มี Benzoyl Peroxide หรือ Salicylic Acid
- ใช้วิธีธรรมชาติ เช่น ที่ประคบร้อน
- ใช้ยาอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ หรือไอโซเตรติโนอิน ส่วนใหญ่จะใช้รักษาสิวหัวช้างที่อักเสบรุนแรง

วิธีป้องกันการเกิดสิวที่หู
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ:
-
รักษาความสะอาด:
- ล้างใบหูและบริเวณรอบๆ เป็นประจำทุกวันด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน
- เช็ดหูให้แห้งสนิทหลังอาบน้ำหรือว่ายน้ำ
-
ทำความสะอาดอุปกรณ์:
- เช็ดหูฟัง, โทรศัพท์มือถือ, แว่นตา ด้วยแผ่นแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อเป็นประจำ
- ทำความสะอาดหมวกกันน็อค หรือหมวกที่ใส่บ่อยๆ
-
เปลี่ยนเครื่องนอน:
- เปลี่ยนปลอกหมอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นหากมีผิวมันหรือเหงื่อออกมาก
- เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวเป็นประจำ
-
เลือกผลิตภัณฑ์อย่างระมัดระวัง:
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางที่ระบุว่า "Non-comedogenic" (ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน)
- ระวังผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมไม่ให้สัมผัสใบหู หรือเลือกใช้สูตร Oil-free
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส: พยายามไม่จับ ลูบ หรือเกาบริเวณหูโดยไม่จำเป็น
- จัดการความเครียด: หาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น การออกกำลังกาย การทำสมาธิ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนไขมันต่ำ และดื่มน้ำให้เพียงพอ (แม้ความเชื่อมโยงกับสิวยังไม่ชัดเจน แต่ดีต่อสุขภาพโดยรวม)
สิวที่หูอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติในร่างกาย แต่ก็ไม่ใช่ทุกกรณีที่จะมีสาเหตุมาจากโรคต่างๆ แต่อาจจะเกิดจากพฤติกรรมและการรักษาความสะอาดของเราเอง แต่ถ้าหากเกิดสิ่งปกติเกิดขึ้นมากกว่าสิวควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรับคำแนะนำในการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม ที่สำคัญควรดูแลเรื่องสุขภาพร่างกายและการใช้สิ่งประดับหูที่สะอาดเป็นสิ่งที่สำคัญในการป้องกันสิวที่หู
คำถามที่พบบ่อย (4)
-
สิวที่หูเจ็บมาก ควรทำอย่างไร?
ห้ามบีบเด็ดขาด! ลองประคบร้อนเพื่อลดปวดและอักเสบ หากเจ็บมาก บวม หรือไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์
-
บีบสิวที่หูได้ไหม?
ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรง ทำให้อักเสบมากขึ้น และเกิดแผลเป็นได้ง่าย
-
สิวในรูหู อันตรายหรือไม่? ดูแลอย่างไร?
สิวตื้นๆ บริเวณปากรูหูมักไม่อันตราย แต่ห้ามแคะหรือบีบเด็ดขาดเพราะอาจติดเชื้อได้ง่าย หากอยู่ลึก เจ็บมาก หรือการได้ยินผิดปกติ ควรพบแพทย์ ห้ามใช้ยาหยอดหูหรือพยายามทำความสะอาดลึกๆ ด้วยตัวเอง
-
ควรไปหาหมอเมื่อมีสิวที่หูตอนไหน?
เมื่อสิวอักเสบรุนแรง (เจ็บ บวม แดงมาก), เป็นสิวหัวช้าง/ซีสต์, ดูแลเองไม่หาย, เป็นซ้ำบ่อยๆ หรือสงสัยว่าติดเชื้อ
นอกจากที่เราจะรู้วิธีการดูแลสิวในหูแล้ว เราก็ควรดูแลสุขภาพผิวบริเวณอื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงในการเป็นสิว อย่างการเลือกใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่อ่อนโยนต่อผิวหน้า Eucerin ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสิวและช่วยรักษาความชุ่มชื้น Eucerin Pro ACNE SOLUTION SOS SERUM เซรั่มสำหรับคนเป็นสิว ที่ช่วยลดการอักเสบ ระคายเคืองสิวด้วย Licochalcone A และ Panthenol ช่วยปลอบประโลม และเสริมปราการผิว พร้อมควบคุมความมันส่วนเกินด้วย 2X Carnitine ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิวด้วย Decanediol พร้อมดูแลปัญหารอยดำรอยแดงจากสิวได้ถึงต้นตอด้วย AHA/BHA/PHA จบปัญหาสิวซ้ำซากใน 7 วัน และลดการอักเสบของสิวใน 8 ชม.