

ผื่นแดงคัน ขึ้นตามใบหน้าและลำตัว เกิดจากอะไร ?
ผื่นแดงคัน ผื่นคัน เกิดจาก อาการของโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ซึ่งเป็นอาการของผิวหนังอักเสบเรื้อรังจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ ทำให้มีอาการคัน ผิวแห้ง แดง มีผื่นตามบริเวณต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ข้อพับแขน คอ ใบหน้า และผิวหนังบริเวณที่มีการเสียดสี บางกรณีอาจคันมากจนเป็นผื่นแดงหรือมีตุ่มน้ำใสซึ่งเมื่อแตกออกจะมีน้ำเหลืองไหลออกมา แล้วจึงตกสะเก็ด ถ้าเป็นผื่นมานานจะมีลักษณะเป็นแผ่นหนา แข็ง และมีขุย อาการนี้เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่บรรเทาและป้องกันไม่ให้ลุกลามได้

อาการของผื่นแดงเป็นอย่างไร
"ผื่นแดง" ไม่ได้มีลักษณะเหมือนกันทุกประเภท แต่แสดงออกได้หลากหลายรูปแบบ การสังเกตลักษณะของผื่นและอาการร่วมต่างๆ ช่วยให้สามารถระบุสาเหตุเบื้องต้นได้ดียิ่งขึ้น
ลักษณะของผื่น:
- ผื่นราบ (Macule): เป็นผื่นแดงระนาบไปกับผิว ไม่นูนหรือยุบตัวลงไป
- ผื่นนูน (Papule/Plaque): เป็นตุ่มแดงนูนขึ้นจากผิว อาจอยู่รวมกันเป็นปื้นหนา
- ตุ่มน้ำใส (Vesicle/Bulla): เป็นตุ่มที่มีของเหลวใสๆ อยู่ข้างใน มีทั้งขนาดเล็กและใหญ่
- ตุ่มหนอง (Pustule): เป็นตุ่มนูนที่มีหนองสีขาวขุ่นอยู่ภายใน มักบ่งบอกถึงการติดเชื้อ
- ลมพิษ (Wheal): เป็นผื่นนูนแดง บวมเป็นปื้น มีขอบเขตชัดเจน และมักจะคันมาก
อาการร่วมที่พบบ่อย:
- อาการคัน: เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุดในผื่นแดงหลายชนิด
- อาการเจ็บหรือแสบร้อน: มักพบในผื่นที่เกิดจากการติดเชื้อหรือการระคายเคืองรุนแรง
- ผิวแห้งลอกหรือเป็นขุย: พบได้บ่อยในโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง เช่น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือโรคสะเก็ดเงิน
ผื่นแดงมีกี่ประเภท
"ผื่นแดง" ไม่ได้มีแค่ลักษณะเดียว แต่สามารถจำแนกออกเป็นประเภทต่างๆ ตามลักษณะที่ปรากฏและสาเหตุ การทำความเข้าใจสาเหตุและประเภทของผื่นแดงคัน จะช่วยให้สามารถประเมินความรุนแรงและหาวิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นได้อย่างเหมาะสม
ประเภทที่ 1: ผื่นแดงคันที่พบบ่อย (Common Itchy Rashes)
เป็นกลุ่มที่พบได้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน มักเกี่ยวข้องกับการระคายเคืองและภูมิแพ้
ผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema / Dermatitis):
นี่คือ "เจ้าแห่งผื่นคัน" ที่คนส่วนใหญ่เป็นกัน มีลักษณะเป็น ผื่นแดง แห้ง คัน และอาจมีขุยหรือตุ่มน้ำเล็กๆ มักเป็นๆ หายๆ สาเหตุมีได้หลากหลาย ตั้งแต่พันธุกรรม (ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง) ไปจนถึงการสัมผัสสารระคายเคืองโดยตรง (ผื่นแพ้สัมผัส) เช่น สบู่ ผงซักฟอก หรือเครื่องสำอาง
ผื่นลมพิษ (Urticaria / Hives):
ผื่นลมพิษมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนคือเป็น ผื่นนูนแดง บวมเป็นปื้น คันมาก และที่สำคัญคือ ผื่นสามารถเกิดขึ้นและยุบหายไปเองได้ภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่ทิ้งร่องรอย และอาจย้ายตำแหน่งไปขึ้นที่อื่นได้เรื่อยๆ มักเกิดจากการแพ้อาหาร ยา หรือการติดเชื้อ
ผื่นตุ่มน้ำใสที่มือและเท้า (Dyshidrotic Eczema):
เป็นผื่นผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะคือ เป็นตุ่มน้ำใสๆ แข็งๆ ที่คันมาก มักเกิดขึ้นบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และด้านข้างของนิ้วมือ-นิ้วเท้า เมื่อตุ่มน้ำแตกออก ผิวจะแห้งลอกและอาจเจ็บได้
ประเภทที่ 2: ผื่นชนิดตุ่มน้ำพอง (Vesiculobullous Rashes)
เป็นกลุ่มผื่นที่มีลักษณะเด่นคือมีตุ่มที่มีของเหลวใสๆ อยู่ข้างใน ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ
- การติดเชื้อ: เช่น โรคเริม, งูสวัด, หรืออีสุกอีใส ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส มักมีอาการเจ็บหรือแสบร้อนร่วมด้วย และอาจมีไข้
- การแพ้หรือระคายเคืองรุนแรง: การสัมผัสสารบางชนิด เช่น ยางไม้ หรือการเสียดสีที่รุนแรง ก็สามารถทำให้เกิดตุ่มน้ำพองได้
- โรคจากระบบภูมิคุ้มกัน: มีโรคผิวหนังบางชนิดที่เกิดจากภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ ทำให้ผิวหนังแยกชั้นและเกิดเป็นตุ่มน้ำพองขนาดใหญ่ได้ ซึ่งจำเป็นต้องพบแพทย์
ประเภทที่ 3: ผื่นที่เป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือด (Vascular Rashes)
กลุ่มนี้เป็นสัญญาณอันตราย ควรพบแพทย์ทันที ลักษณะผื่นจะแตกต่างจากผื่นคันทั่วไปอย่างชัดเจน เพราะเกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดใต้ผิวหนัง
ผื่นลายร่างแห (Livedo Reticularis):
มีลักษณะเป็น ผื่นสีแดงอมม่วง มีลวดลายคล้ายตาข่ายหรือร่างแห เกิดจากความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือดฝอย อาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดอักเสบหรือโรคอื่นๆ ได้
ผื่นจ้ำเลือด หรือ จุดเลือดออก (Vasculitis / Purpura):
มีลักษณะเป็น ตุ่มหรือปื้นแดง-ม่วง ที่เมื่อใช้มือกดแล้วสีจะไม่จางหายไป เหมือนผื่นชนิดอื่น เกิดจากเส้นเลือดฝอยอักเสบและมีเลือดออกใต้ผิวหนัง เป็นอาการที่บ่งบอกถึงภาวะผิดปกติในร่างกายที่รุนแรง และจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์โดยด่วน
สาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นคัน ผื่นแดงคันบริเวณต่างๆ
1. สาเหตุจากภายในที่ทำให้เกิดผื่นคัน
หากมีคนในครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ ก็มีความเสี่ยงที่จะมีโอกาสแพ้และเกิดผื่นแดงได้ง่าย แม้ในช่วงแรกของชีวิตอาจยังไม่มีอาการผื่นแดงเกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะมีความผิดปกติซ่อนเร้นอยู่ในยีนซึ่งยังไม่แสดงอาการนั่นเอง นอกจากกรรมพันธุ์แล้วจิตใจที่วิตกกังวล มีความเครียดสูงก็สามารถทำให้ผื่นแดงจากภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบได้
2. สาเหตุจากภายนอกที่ทำให้เกิดผื่นคัน
- สภาวะแวดล้อม สภาวะแวดล้อมที่มีปัจจัยกระตุ้นให้เกิด ผื่นแดง เช่น ละอองเกสร ไรฝุ่น ขนสัตว์ จะกระตุ้นให้ผื่นแย่ลง มีอาการคันมากขึ้น นอกจากนี้สภาพแวดล้อมรอบตัวทั้งความร้อน ความเย็น ความแห้ง ความชื้น ก็ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังเช่นกัน
- เชื้อโรค เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย อาจทำให้เกิดการติดเชื้อบนผิวหนัง คนที่มีอาการผิวหนังอักเสบอยู่แล้วก็จะกำเริบมากขึ้น
- ฤดูกาล ผื่นผิวหนังอักเสบมักมีอาการมากขึ้นในช่วงฤดูหนาว เพราะอากาศแห้ง เย็น ทำให้เกิดผื่นคันบริเวณผิวหนัง ทั้งนี้บางรายจะมีอาการมากขึ้นในช่วงฤดูร้อน เพราะอากาศที่ร้อนทำให้เหงื่อออกมาก จนเกิดอาการคันและเกิดผื่นได้เช่นกัน
- เสื้อผ้า โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่ทำจากขนสัตว์ เมื่อสัมผัสกับผิวหนังจะทำให้เกิดการระคายเคือง จนมีอาการคันเพิ่มขึ้น
- สารก่อนภูมิแพ้ สบู่ ครีม โลชั่น และผงซักฟอกที่ใช้ สารเคมีที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมักมีฤทธิ์ละลายไขมัน และอาจมีส่วนประกอบที่ก่ออาการระคายเคืองแก่ผิวหนัง ทำให้เกิดอาการคันและเกิดผื่นผิวหนังอักเสบได้
- อาหาร อาหารบางชนิดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดผื่น เช่น นม ไข่ ถั่วเหลือง เนื้อสัตว์บางประเภท
การวินิจฉัยผื่นแดง
เนื่องจากผื่นแดงมีสาเหตุได้มากมาย การวินิจฉัยที่แม่นยำโดยแพทย์จึงมีความสำคัญ โดยแพทย์จะใช้ข้อมูลหลายส่วนประกอบกัน
การซักประวัติ (History Taking):
แพทย์จะสอบถามข้อมูลอย่างละเอียด เช่น
- ผื่นเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ และมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?
- มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยหรือไม่ เช่น มีไข้ ปวดข้อ?
- มีประวัติการใช้ยา สัมผัสสารเคมี หรือเปลี่ยนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือไม่?
- มีประวัติภูมิแพ้ในตนเองหรือครอบครัวหรือไม่?
การตรวจร่างกาย (Physical Examination):
แพทย์จะตรวจดูลักษณะของผื่นอย่างละเอียด ทั้งรูปแบบ การเรียงตัว และตำแหน่งที่เกิดผื่น ซึ่งมักจะบ่งบอกถึงโรคบางชนิดได้ เช่น ผื่นที่ขึ้นตามข้อพับมักเกี่ยวกับผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
การตรวจพิเศษเพิ่มเติม (Further Investigations):
ในกรณีที่การวินิจฉัยยังไม่ชัดเจน แพทย์อาจพิจารณาการตรวจเพิ่มเติม เช่น
- การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Patch Test): เพื่อหาสารที่ก่อให้เกิดผื่นแพ้สัมผัส
- การขูดขุยที่ผิวหนัง: เพื่อนำไปส่องกล้องจุลทรรศน์ตรวจหาเชื้อรา
- การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ (Skin Biopsy): เพื่อยืนยันการวินิจฉัยในโรคที่ซับซ้อน

4 วิธีช่วยป้องกันและบรรเทารักษาอาการผื่นแดงคัน
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น หลีกเลี่ยงสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้อาการคันหรือผื่นแดงจากภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบมากขึ้น เช่น ไม่อยู่ในห้องปรับอากาศที่เย็นจัดจนทำให้ผิวแห้ง ไม่อาบน้ำที่มีอุณหภูมิเย็นหรือร้อนจัด และควรหลีกเลี่ยงภาวะที่ทำให้เหงื่อออกมากเพราะเหงื่ออาจทำให้เกิด ผื่นคัน มากขึ้นได้
- ควรพบแพทย์ หากมีอาการรุนแรงหรือมีอาการแทรกซ้อนร่วมด้วย เช่น หายใจไม่ออก ควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจให้รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
- ควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและผิวกายที่ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าปลอดภัย ปราศจากน้ำหอม ควรมีคุณสมบัติช่วยฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรง เสริมเกราะป้องกันผิว ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวแต่ไม่เหนอะหนะ เช่น มีเนื้อบาล์มที่บางเบาแต่ให้ความชุ่มชื้นสูง ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว ไม่เหนอะ ไม่มัน มี Shea Butter ที่ช่วยให้ชั้นปกป้องผิวแข็งแรง
- ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวควรมีส่วนผสมของ Ceramides ซึ่งเป็นสารไขมันสำคัญที่สามารถพบได้ในเกราะคุ้มกันผิวตามธรรมชาติ ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องผิวชั้นนอกเพื่อให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น ป้องกันไม่ให้น้ำระเหยออกจากผิวและคงความชุ่มชื้น และยังช่วยปกป้องสิ่งแปลกปลอมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองมาสัมผัสสู่ผิวโดยตรง
- มีส่วนผสมของ Licochalcone A สารสกัดจากธรรมชาติจากส่วนของ รากไชนีส ลิโคริค ช่วยหยุดการทำร้ายของเซลล์จากรังสียูวี และช่วยปลอบประโลมผิวจากอาการระคายเคืองและแดง จึงช่วยลดปัญหาผิวแห้ง และการระคายที่มีสาเหตุจากผิวแห้ง พร้อมผสาน Omega 3 & 6 fatty acids อีกด้วย
|
รู้หรือไม่ : มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสำหรับการลดผื่นแดงคัน ผื่นแพ้ต่างๆ ควรมี สารสกัดเซราไมด์สังเคราะห์ (Ceramide) ที่ช่วยในการเสริมสร้างเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง ลิโคชาโคเอ (Licochalcone A.) ช่วยในการปลอบประโลมผิวและลดอาการระคายเคือง และสิ่งสำคัญคือต้องมี Omega 3&6 ตัวช่วยในการเติมไขมันที่จำเป็นได้ผิวลดอาการผิวแห้งเสียและไวต่อการระคายเคือง |
- ใช้ครีมกันแดด เนื่องจากแสงแดดมี UVA และ UVB ที่ทำลายผิว ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นทำให้อาการกำเริบขึ้นมาได้ จึงควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ปราศจากแอลกอฮอล์ สารกันเสีย น้ำหอม และปราศจากสารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองเพื่อปกป้องผิวที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดผื่นแดง
ปัญหาผื่นคัน นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดทรมานให้แก่ร่างกายแล้ว ยังรบกวนจิตใจให้รู้สึกสูญเสียความมั่นใจจากอาการคัน และผื่นแดงคันที่ปรากฏตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดผื่นคันนับเป็นวิธีการป้องกันไม่ให้ผิวอ่อนแอจนเสี่ยงที่จะเกิดผื่นแดง และยิ่งหากช่วยปกป้องและเสริมความแข็งแรงให้แก่ผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นที่ปลอดภัย ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่าปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองด้วยแล้ว มั่นใจได้ว่าอาการผื่นแดง ผื่นคัน จะบรรเทาลงได้แน่นอน
แนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแพ้ง่าย
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบางและต้องเผชิญกับอาการผื่นแดงคันอยู่เสมอ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและดูแลผิวอย่างครบวงจร เพื่อให้การดูแลผิวของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุด เราขอแนะนำ 2 ขั้นตอนการดูแลผิวที่ออกแบบมาเพื่อผิวภูมิแพ้และมีแนวโน้มระคายเคืองง่ายโดยเฉพาะ จาก Eucerin แบรนด์เวชสำอางที่ได้รับความไว้วางใจและผ่านการพิสูจน์ทางการแพทย์
ขั้นตอนที่ 1: ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน พร้อมปกป้องเกราะคุ้มกันผิว
เริ่มต้นดูแลผิวตั้งแต่ขั้นตอนการอาบน้ำด้วย Eucerin OMEGA ATO-CALMING BATH & SHOWER OIL ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกายในรูปแบบออยล์ที่ช่วยทำความสะอาดผิวอย่างหมดจดแต่อ่อนโยนที่สุด โดยไม่ทำลายเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติและไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังอาบน้ำ อุดมด้วย Omega 3 & 6 fatty acids และไขมันที่จำเป็นต่อผิว ช่วยปลอบประโลมและลดปัญหาผิวแห้งกร้านซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการคันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับใช้เป็นประจำทุกวันเพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนที่ 2: ฟื้นบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ลดอาการคัน และเสริมเกราะป้องกันผิว
หลังทำความสะอาด ซับผิวให้แห้งแล้ว ควรบำรุงผิวทันทีด้วย Eucerin OMEGA ATO-CALMING BALM บาล์มบำรุงผิวสูตรเข้มข้นแต่มีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึ่งตอบโจทย์คุณสมบัติของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ดีสำหรับผิวแพ้ง่ายตามที่บทความได้กล่าวไว้ข้างต้นอย่างครบถ้วน ด้วยส่วนผสมสำคัญอย่าง:
- Licochalcone A: สารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคืองและรอยแดงจากผื่น
- Ceramides: ช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง ลดการสูญเสียความชุ่มชื้น
- Omega 3 & 6 Fatty Acids: ช่วยเติมไขมันให้ผิว ลดปัญหาผิวแห้งเป็นขุยและไวต่อการระคายเคือง
การใช้ 2 ผลิตภัณฑ์นี้ร่วมกันจะช่วยดูแลปัญหาผื่นแดงคันได้อย่างครบวงจรและเป็นระบบ ตั้งแต่การทำความสะอาดไปจนถึงการบำรุงอย่างล้ำลึก ช่วยตัดวงจรผิวแห้ง-คัน-เกา ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง ชุ่มชื้น และรู้สึกสบายผิวมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) (6)
-
ผื่นแดงแบบไหนที่อันตรายและควรไปพบแพทย์ทันที
ควรไปพบแพทย์ทันทีหากผื่นแดงมีอาการรุนแรงร่วมด้วย เช่น มีไข้สูง, หายใจติดขัดหรือแน่นหน้าอก, ผื่นลุกลามอย่างรวดเร็ว, มีอาการปวดมากบริเวณผื่น, หรือลักษณะผื่นเป็นตุ่มน้ำพองขนาดใหญ่ มีหนอง มีเลือดออก หรือเป็นจ้ำเลือดสีม่วงที่กดแล้วสีไม่จางหายไป เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะที่ร้ายแรงได้ -
ผื่นแดงที่ไม่คัน เกิดจากอะไรได้บ้าง
ผื่นแดงที่ไม่คันสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ผดร้อนที่เกิดจากเหงื่อ, การติดเชื้อไวรัสบางชนิดที่ทำให้เกิดไข้ออกผื่น ไปจนถึงภาวะที่ซับซ้อนขึ้นอย่างโรคหลอดเลือดอักเสบที่มักมีลักษณะเป็นจ้ำเลือดหรือผื่นลายร่างแห นอกจากนี้ยังอาจเป็นอาการเริ่มต้นของผื่นแพ้ยาบางชนิดได้เช่นกัน -
ความเครียดทำให้เกิดผื่นแดงได้จริงหรือ
เป็นเรื่องจริง ความเครียดจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ส่งผลให้ผิวหนังเกิดการอักเสบและทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลงได้ ดังนั้นความเครียดจึงสามารถเป็นตัวกระตุ้นให้โรคผิวหนังเดิมๆ เช่น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือโรคสะเก็ดเงินมีอาการกำเริบขึ้น หรือแม้กระทั่งทำให้เกิดลมพิษเฉียบพลันได้ -
จะแยก "ผื่นแพ้" กับ "ผื่นระคายเคือง" ได้อย่างไร
ข้อแตกต่างที่สำคัญคือ "ผื่นระคายเคือง" เกิดจากการสัมผัสสารที่รุนแรงโดยตรงและมักเกิดอาการทันทีเฉพาะบริเวณที่สัมผัส แต่ "ผื่นแพ้" เป็นปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจใช้เวลา 1-3 วันกว่าผื่นจะปรากฏ และผื่นสามารถลามไปยังบริเวณที่ไม่ได้สัมผัสสารนั้นโดยตรงได้ -
ทำไมผื่นแดงบางชนิดถึงมีอาการเห่อตอนกลางคืน
อาการคันและผื่นมักจะรุนแรงขึ้นตอนกลางคืนเนื่องจากหลายปัจจัยรวมกัน ทั้งอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นเล็กน้อยขณะนอนหลับ, การที่ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นมากขึ้นในตอนกลางคืนทำให้ผิวแห้งและคันง่ายขึ้น ประกอบกับการไม่มีสิ่งรบกวนอื่น ทำให้เรารับรู้อาการคันได้มากกว่าตอนกลางวัน -
หากมีผื่นแดงขึ้นตามตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรทำอย่างไรเบื้องต้น
เบื้องต้นให้ลองทบทวนว่าได้สัมผัสหรือรับประทานอะไรผิดปกติหรือไม่ จากนั้นให้อาบน้ำเย็นด้วยสบู่ที่อ่อนโยนที่สุด แล้วทาครีมบำรุงผิวสำหรับผิวแพ้ง่ายเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ที่สำคัญคือควรหลีกเลี่ยงการเกาโดยเด็ดขาด ให้ใช้การประคบเย็นแทน หากอาการไม่ดีขึ้นใน 1-2 วัน หรือมีอาการน่ากังวลอื่นร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง



.jpg?rx=2&ry=0&rw=1194&rh=800&hash=B85F94BE125721199C0BB239FBE1BA2E)




