เซรั่มหน้าใส เซรั่มบำรุงผิวหน้าหลังจากเจอมลภาวะต่างๆและแสงแดดที่ร้อนแรง ทำให้เกิดปัญหาผิวตามมามากมาย ทั้งฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย ผิวหน้าหมองคล้ำ ผิวหย่อนคล้อย ฯลฯ เป็นสัญญาณเตือนให้คุณต้องกลับมาดูแลตัวเอง เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีกับผิวหน้าเปลี่ยนให้ผิวหน้าใสเด้ง ผิวโกลว์ ผิวอิ่มฟูกลับมาอีกครั้ง

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีผิวโกลว์ ผิวกระจ่างใส เด้งฟู แต่กำลังประสบกับปัญหาผิวเรื่องฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหน้าหมองคล้ำ มีริ้วรอยหรือผิวหย่อนคล้อย และต้องการจัดการกับปัญหาผิวที่ฝังลึกซึ่งยากจะแก้ไขเหล่านี้ การบำรุงผิวด้วย เซรั่มหน้าใส คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม 

เซรั่มหน้าใส คือผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิวหน้าที่ถูกออกแบบและพัฒนา เพื่อบำรุงผิวได้ลึกถึงผิวชั้นลึก เพื่อผลลัพธ์ที่ดี ต่างจากเนื้อครีมที่มักจะบำรุงและเติมเต็มความชุ่มชื้นบนผิวชั้นนอกเท่านั้น รวมถึงส่วนผสมสำคัญอยู่ในปริมาณที่เข้มข้น ทั้งลักษณะของเนื้อเซรั่มหน้าใสที่ให้สัมผัสที่บางเบากว่าเนื้อครีม เพราะขนาดโมเลกุลที่เล็กกว่า จึงทำให้สามารถซึมลึกลงไปถึงระดับผิวชั้นลึก สามารถจัดการกับต้นตอของปัญหาผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น สีผิวคล้ำ รอยฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงริ้วรอยที่ฝังลึกได้อย่างเห็นผลชัดเจน

1. เซรั่มหน้าใส SPOTLESS BRIGHTENING SEBUM CONTROL CRYSTAL BOOSTER SERUM

เซรั่มหน้าใส SPOTLESS BRIGHTENING SEBUM CONTROL CRYSTAL BOOSTER SERUM เซรั่มบำรุงผิวหน้าที่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ มีจุดด่างดำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ สามารถลดปัญหาจุดด่างดำต่างๆและปรับโทนสีผิวให้สม่ำเสมอกระจ่างใสได้ใน 2 สัปดาห์ด้วยสารไทอามิดอลสารทรงพลังเอกสิทธิ์ของยูเซอริน มาพร้อมนวัตกรรม Crystal Technology ที่ช่วยผสมผสานเนื้อเซรั่มให้บางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ พัฒนามาเผื่อผิวคนเอเชียโดยเฉพาะ

2. เซรั่มหน้าใส Spotless Brightening Booster Serum

ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า Spotless Brightening Booster Serum ที่เหมาะสำหรับคนที่อยากมี ผิวกระจ่างใส ผิวโกลว์ เรียบเนียนสม่ำเสมอ ด้วยเทคโนโลยี Micro Target ผสานกับ ไทอามิดอล, ไฮยาลูรอน และลิโคชาลโคน เอ ช่วยลดฝ้าแดด จุดด่างดำล้ำลึก ช่วยให้รอยดูจางลงได้ถึง 75% ไม่ทำให้ผิวไวต่อการเกิดจุดด่างดำ และช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำอีก

ควรทาเซรั่มหน้าใสตอนไหนและมีวิธีใช้อย่างไร ?

Crystal Booster Serum : เหมาะสำหรับใช้ตอนกลางวัน ด้วยเนื้อเซรั่มบางเบา ทำให้สามารถลงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตัวอื่นหรือเครื่องสำอางได้ง่าย

Spotless Brightening Booster Serum : เหมาะสำหรับใช้ตอนกลางคืน ด้วยเนื้อเซรั่มเข้มข้นบำรุงลึกและซ่อมแซมฟื้นฟูผิวได้ตลอดคืน

เซรั่มหน้าใสเหมาะกับสภาพผิวแบบใด ?

เซรั่มหน้าใส ทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้ เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวที่มีปัญหาฝ้าแดด กระ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ เพียงแค่ใช้ผลิตภัณฑ์ก็สามารถช่วยให้ ผิวกระจ่างใส ผิวโกลว์อย่างเป็นธรรมชาติ

เซรั่มหน้าใสทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ควรใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ไหนถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ?

แม้ว่าการใช้ เซรั่มหน้าใส จะเป็นการบำรุงผิวชั้นในที่สามารถจัดการกับปัญหาผิวฝังลึกได้ แต่ขั้นตอนการเตรียมผิวหน้าก่อนจะลงเซรั่มบำรุงผิวก็สำคัญเช่นกัน ก่อนลงเซรั่มใดๆก็ตามแนะนำให้ใช้ Spotless Brightening Boosting Essence น้ำตบจาก Eucerin ที่มี Vitamin C ช่วยปรับสภาพผิว พร้อมผลัดเซลล์ผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใส พร้อมด้วย Hyaluronic Acid ที่เติมความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มฟู และ Panthenol ที่ปลอบประโลมผิวและฟื้นบำรุงผิวให้ดูแข็งแรงมากขึ้น

การฉีดวิตามินเข้าสู่ผิว เป็นกระบวนการนำวิตามินเข้าสู่ผิวหนังผ่านการฉีด โดยจะเป็นสารสกัดวิตามินเข้มข้นเข้าสู่เส้นเลือดโดยตรง เพื่อเข้าไปซ่อมแซมส่วนต่างๆของร่างกาย และยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรง เสริมภูมิต้านทาน สร้างคอลลาเจนให้ผิวกลับมาสดใสมากยิ่งขึ้น

การฉีดวิตามินผิวมีประโยชน์มากมาย รวมถึงการบำรุงผิวพรรณให้ดูกระจ่างใส ลดการเกิดริ้วรอย และการฉีดวิตามินยังสามารถช่วยลดรอยแผลเป็น รอยแตกลาย ฟื้นฟูผิวที่มีปัญหาบางอย่างและจุดด่างแห่งวัยได้อีกด้วย นอกจากนี้ การฉีดวิตามินผิวยังเหมาะสมกับผู้ที่อยากกู้ผิวอย่างเร่งด่วนพักผ่อนน้อย เป็นหวัด โรคภูมิแพ้ เพราะวิตามินผิวจะช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนซึ่งสามารถช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่นและความกระชับของผิวได้ด้วยเช่นกัน

ผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดของการฉีดวิตามินผิวหนัง คือรอยแดงและบวมบริเวณที่ฉีด ซึ่งโดยทั่วไปจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำบริเวณผิวที่ถูกฉีดวิตามิน ในบางกรณี การฉีดวิตามินผิว อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการแพ้ขั้นต้นอย่าง คัน ผื่นขึ้น ไปจนถึงอาการแพ้ขั้นรุนแรง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีอาการแพ้ใดๆ และควรศึกษาข้อมูลให้แน่ชัดวิตามินที่ฉีดเข้าไปมีอะไรบ้าง และต้องมั่นใจว่าจะไม่เกิดผลกระทบกับร่างกายของเราก่อนการตัดสินใจฉีดวิตามิน

1. ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระจ่างใส
2. ช่วยแก้ปัญหาผิวมีริ้วรอย สีผิวหมองคล้ำ และขาดความยืดหยุ่น
3. มีให้เลือกหลายสูตร สามารถเลือกสูตรวิตามินที่เหมาะกับความต้องการได้มากที่สุด

1. การฉีดวิตามินผิวอาจมีราคาแพง ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดและความเข้มข้นของวิตามินที่ใช้ รวมถึงจำนวนครั้งในการฉีด
2. การฉีดวิตามินผิว อาจทำให้เจ็บปวดได้ เข็มที่ใช้ฉีดอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและเกิดรอยช้ำได้
3. มีความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงจากการฉีดวิตามินผิว ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ รอยแดง บวม และรอยช้ำบริเวณที่ฉีด และความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น การติดเชื้อ
4. การฉีดวิตามินผิวจะได้ผลลัพธ์ในระยะเวลาสั้นๆ ผลของการฉีดจะคงอยู่เพียงไม่กี่เดือน อาจจะต้องฉีดเป็นประจำ
5. การฉีดวิตามินผิวไม่เหมาะสมกับ ใครที่อาการป่วยบางอย่าง เช่น เบาหวานหรือมีการติดเชื้อที่ผิวหนัง

ที่จริงแล้ว เพียงแค่เราปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็สามารถมีผิวที่สุขภาพดีเนียนใสได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องฉีดวิตามินเข้าสู่ผิวแม้แต่น้อย เพราะวิตามินหลายชนิดก็ถูกนำมาเป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดต่างๆ ซึ่งเราสามารถใช้บำรุงและฟื้นฟูผิวเราได้ทุกวัน โดยไม่ต้องกังวลว่าร่างกายจะได้รับวิตามินมากเกินไป และช่วยลดโอกาสเกิดอาการแพ้จากวิตามินเข้มข้นได้อีกด้วย เช่น

1. การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันจะช่วยปกป้องผิวจากการถูกแสงแดดทำร้ายได้ ซึ่งหลายๆ ปัญหาผิวเพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นเพราะมีสาเหตุจากการที่ผิวถูกแสงแดดกระตุ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ครีมกันแดดที่เลือกใช้จึงไม่ควรแค่ปกป้องแสงแดดได้แต่ควรช่วยบำรุงและดูแลในการรับมือกับผิวหมองคล้ำและฝุ่น PM2.5 ที่สามารถก่อปัญหาผิวอื่นๆได้ อย่าง Eucerin Ultra Protection Glowing UV Serum ผลิตภัณฑ์เซรั่มกันแดด SPF50+ PA++++ ที่มีเนื้อกันแดดเบาบาง และยังมี Niacinamide (หรือ Vitamin B3) ที่ช่วยบูสท์ผิวให้โกลว์ใสขึ้น พร้อมปกป้องผิวจาก รังสีอัลตราไวโอเลต UVA UVB และ HEVIS Light ด้วย Advanced UV Filter และ Licorice extract ลดเลือนเซลล์ผิวคล้ำเสีย ให้ผิวกระจ่างใส เหมาะสำหรับใช้ก่อนแต่งหน้า ไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน และยังมี DPF Technology เพื่อปกป้องผิวจากฝุ่นมลภาวะ ลดการเกาะติดของฝุ่นมลภาวะขนาดเล็กอย่างฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นต้นเหตุของผื่นแพ้ฝุ่น

2. การบำรุงผิวหน้าให้กระจ่างใส อย่างการใช้เอสเซ้นส์ Eucerin SPOTLESS BRIGHTENING BOOSTING ESSENCE น้ำตบ บูสติ้งเอสเซนส์ ที่ใช้ในขั้นตอนแรกหลังล้างหน้าเพื่อผิวดูกระจ่างใส และมีส่วนผสมจาก Vitamin C ที่ช่วยปรับสภาพผิวลด*จุดดำ ผิวหมองคล้ำ พร้อมลดโอกาสเกิดจุดดำใหม่ พร้อม Panthenol เสริมการผลัดเซลล์ผิวหมองคล้ำให้ดูกระจ่างใสอย่างอ่อนโยน และเติมความชุ่มชื้นให้ผิวดูอิ่มฟู โกลว์ใสอย่างเป็นธรรมชาติ และยังมีสาร Hyaluron และ Glycerin เติมความชุ่มชื้นเพื่อผิวดูอิ่มฟู โกลว์ใส ดูเรียบเนียนและสุขภาพดี

3. การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวให้กระจ่างใส อย่าง Eucerin Even Radiance Duo Ampoules เซรั่มแอมพูลจากยูเซอริน ที่ช่วยปรับผิวหมองคล้ำได้ใน 2 ขั้นตอน

• Step 1 ขั้นตอนแรก ช่วยจัดการเซลล์ผิวหมองคล้ำสะสมที่ต้นตอ ด้วยพลังไบรท์เทนนิ่ง 3 เท่าจาก Vitamin E Niacinamide, และ Licorice Extract
• Step 2 ขั้นตอนที่ 2 ที่ช่วยฟื้นฟูและบูสผิวโกลว์ใส ด้วย 7 สารทรงพลัง ที่ช่วบลดจุดด่างดำหมองคล้ำด้วย Vit C พร้อมป้องกันโอกาสเกิดจุดด่างดำด้วย Niacinamide และซ่อมแซมฟื้นบำรุงหน้าไหม้แดดให้กลับมากระจ่างใส ฉ่ำวาวเหมือนเดิม ด้วย Illumiscin
  1. Niacinamide ลดเลือนความหมองคล้ำ
  2. Vitamin C ลดจุดดำด่างดำ ช่วยให้ผิวดูสม่ำเสมอ
  3. Vitamin E เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ผิวดูกระจ่างใส
  4. Illumiscin สารแอนตี้ออกซิแดนส์ทรงพลัง ช่วยลดโอกาสการเกิดจุดด่างดำ
  5. Glyceryl Glucoside Hydro Boost เพิ่มการส่งผ่านน้ำในเซลล์ผิว ผิวชุ่มชื้นฉ่ำวาว
  6. Penthenol ช่วยคงสมดุลสภาพแวดล้อมในเซลล์ผิวให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน
  7. Zinc PCA ช่วยลดความมัน

1. การพักผ่อนให้เพียงพอ จะช่วยชะลอผิวจากความร่วงโรย เพราะในขณะที่เรานอนหลับ ผิวจะมีกระบวนการซ่อมแซมตัวเองตามธรรมชาติ การนอนที่จะช่วยซ่อมแซมผิวอย่างมีประสิทธิภาพควรจะนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง และควรเข้านอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม เพราะในช่วงเวลานี้จะเริ่มมีการฟื้นฟูสภาพร่างกาย
2. การรับประทานอาหารที่มีวิตามินและดื่มน้ำมาก ๆ ควรรับประอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมด้วยวิตามินซี เช่น ผักและผลไม้ เพราะผลไม้จะช่วยทำให้ผิวหนังยืดหยุ่น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวเปล่งปลั่งสดใส อาหารที่มีวิตามินอี เช่น ธัญพืชต่าง ๆ เพราะช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน รวมทั้งอาหารประเภท Super Food เพื่อช่วยต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ก็ควรดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำ เพราะกลไกทางธรรมชาติของผู้ชายนั้น น้ำในผิวจะระเหยออกมาได้ง่ายกว่าผู้หญิง จึงควรให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำสะอาดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว