สิวที่แขนเป็นอาการที่พบได้บ่อยและอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน สิวที่แขนมักเป็นผลจากการอุดตันของ เนื้อใต้ผิวหนัง (subcutaneous tissue) ซึ่งอาจเกิดได้จากการสัมผัสผิวหนังที่สกปรก ความร้อนบนผิว ความชื้นที่สูง หรือสารเคมีต่างๆที่มากระทบผิว
สิวที่แขน เกิดจากอะไร
สิวที่แขน สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การสวมเสื้อผ้าที่ไม่สะอาด เกิดจากเหงื่อที่ออกตามแขนหรือร่างกาย การเสียดสีกับเสื้อผ้า การสครับผิวที่บ่อยเกินไป หรือรูขุมขนอุดตันที่แขน สิวที่แขนอาจเป็นปัญหาหรือเรื่องที่กวนใจใครหลายๆคน ในบทความนี้เรามารู้วิธีรักษาและป้องกันสิวที่แขนให้ผิวกลับมาเนียนใส
วิธีรักษาสิวที่แขน
1. ใช้ยาทารักษาสิว
การใช้ยาทารักษาสิวที่แขน เหมาะสำหรับสิวที่มีความรุนแรงปานกลางถึงมาก โดยแนะนำให้ใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์และเภสัชกรเท่านั้น อย่างการใช้ยาทา Benzoyl peroxide ที่ช่วยลดอาการอักเสบของสิว และช่วยผลัดเซลล์ผิวเพื่อลดการอุดตันของสิว หรือการใช้ยาทา Retinoid ยาตัวนี้จะกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวหนัง ลดสิวอุดตันและลดการอักเสบ สามารถใช้ร่วมกับการรักษาสิวทุกระยะ
2. การใช้ยาปฏิชีวนะแบบรับประทาน
การทานยาปฏิชีวนะแบบรับประทาน เช่น tetracycline, doxycycline และ erythromycin ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและลดการอักเสบ โดยปกติจะรับประทานเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการดื้อยาปฏิชีวนะ
3. การทานยาคุมลดสิว
การทานยาคุมกำเนิด จะช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยการลดปริมาณการผลิตแอนโดรเจนซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตไขมัน โดยการควบคุมฮอร์โมนมีผลต่อการผลิตไขมัน ทำให้สามารถลดโอกาสการเกิดสิวได้
4. รักษาสิวที่แขนด้วยการเลเซอร์
การรักษาสิวที่แขนด้วยการใช้เลเซอร์เป็นหนึ่งในวิธีการที่ใช้กันอย่างกว้างขวางการเลเซอร์สิวที่แขนจะช่วยในการปรับปรุงสภาพผิวหนังและลดการเกิดสิว แต่การรักษาสิวที่แขนด้วยเลเซอร์ควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อประเมินสภาพผิว และตรวจสอบสภาพของสิวที่แขนเพื่อเลือกใช้เลเซอร์ที่เหมาะสม

วิธีรักษาสิวที่แขน
ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง หากเป็นสิวที่แขนแล้วมีอาการดังนี้:
- ตุ่มมีลักษณะอักเสบรุนแรง เจ็บ หรือเป็นหนองจำนวนมาก
- ดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้ว 2-3 เดือน อาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
- ไม่แน่ใจว่าตุ่มที่แขนคืออะไรกันแน่ (สิว, ขนคุด, รูขุมขนอักเสบ หรืออื่นๆ)
- มีอาการคันรุนแรง หรือสงสัยว่าเกิดจากการติดเชื้อ
- ตุ่มทิ้งรอยแผลเป็น
การป้องกัน การเกิดสิวที่แขน
1. การรักษาความสะอาด
การรักษาความสะอาดผิวที่แขนและร่างกายโดยการอาบน้ำเป็นประจำทุกวัน และควรเลือกใช้สบู่ที่เหมาะสมและอ่อนโยนต่อผิว หลีกเลี่ยงการขัดถูผิวที่แรงเกินไปเพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
2. หลีกเลี่ยงการขูดหรือโกนส่วนที่มีสิว
การขูดหรือโกนขนในส่วนที่มีสิวอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ เพราะทำให้สิวแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ทำให้สิวเกิดการอักเสบ และอาจทำให้เกิดรอยแผลหรือรอยดำตามมาในอนาคต
3. ขัดผิว
การใช้สครับหรือแปรงขัดผิวบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวเกิดการแพ้และระคายเคืองต่อผิว ควรขัดผิวอย่างอ่อนโยนเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วแค่อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งก็พอ
4. เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
การเลือกทามอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมกับผิว และไม่ก่อให้เกิดการอุดตันต่อผิว ควรทาครีมหรือทามอยส์เจอไรเซอร์หลังการอาบน้ำ ชำระล้างแขนหรือร่างกายเพื่อให้ผิวที่แขนชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน
5. หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น
การสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นอาจทำให้เกิดการเสียดสีและระคายเคืองผิว ซึ่งนำไปสู่การเกิดสิวได้ ควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ใส่สบายไม่รัดแน่นเกินไปและระบายอากาศได้ดี
6. ลดการสัมผัสผิวที่แขน
การสัมผัสและแตะบริเวณแขนอย่างบ่อยครั้งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและส่งผลให้เกิดสิวที่แขนได้ หลีกเลี่ยงการแคะหรือบีบสิวบนแขนของคุณ อาจทำให้เกิดแผลเป็นและเกิดการอักเสบต่อไปได้
7. ออกกำลังกายและดื่มน้ำเพียงพอ
ออกกำลังกายและดื่มน้ำเพียงพอช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและช่วยลดการเกิดสิว และยังช่วยป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ
8. การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาหารที่มีประโยชน์ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี อย่างผักและผลไม้ เพราะผลไม้จะช่วยทำให้ผิวหนังยืดหยุ่น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวเปล่งปลั่งสดใส หรืออาหารที่มีวิตามินอี เช่น ธัญพืชต่างๆ
รอยสิวที่แขน ควรจัดการอย่างไร?
หลังสิวหรือตุ่มอักเสบหาย อาจทิ้งรอยดำ (Post-inflammatory hyperpigmentation - PIH) หรือรอยแดงไว้ได้ การดูแลเบื้องต้นคือ
- ทาครีมกันแดด: แสงแดดจะทำให้รอยดำเข้มขึ้นและจางช้าลง ควรทาครีมกันแดดที่แขนเป็นประจำ
- ใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยลดรอย: ส่วนผสม เช่น Niacinamide, Vitamin C, Alpha Arbutin, หรือ AHA อาจช่วยให้รอยจางลงได้ แต่ต้องใช้เวลา
- ปรึกษาแพทย์: หากรอยเข้มมาก หรือเป็นรอยแผลเป็น อาจต้องใช้ยาทาที่แรงขึ้น หรือทำหัตถการ เช่น เลเซอร์
แนะนำผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่แขนให้กลับมาเรียบเนียน

1. Eucerin pH5 VERY DRY SENSITIVE SKIN SHOWER OIL
ออยอาบน้ำที่ช่วยดูแลทำความสะอาดผิวได้อย่างอ่อนโยน ด้วย pH5 Balance System และคงสมดุลในการปกป้องผิวที่มีสารสำคัญ Natural Oils & Dexpanthenol ที่ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว และช่วยผลัดเซลล์ผิวและเสริมเกราะปกป้องให้ผิวแข็งแรงขึ้นเหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้งมาก - บอบบางแพ้ง่าย
2. Eucerin pH5 WASHLOTION PERFUME FREE
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ที่เหมาะสำหรับใครที่แพ้เป็นพิเศษ บอบบาง แพ้ง่ายเป็นพิเศษ รวมถึงผู้ที่เป็นโรคผิวหนัง และมีปัญหาผิวแห้งจนกลายเป็นผื่นคัน ปราศจากน้ำหอม และมีส่วนผสมเฉพาะของ pH5 Enzyme protection จาก Eucerin ช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างอ่อนโยน และยังสามารถเสริมเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรงด้วย
3. Eucerin Pro ACNE SOLUTION 3X TREATMENT GEL TO FOAM CLEANSER
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผิวมันและเป็นสิวง่าย ด้วยนวัตกรรมเนื้อสัมผัสเจลที่เปลี่ยนเป็นโฟมเมื่อสัมผัสน้ำ ทำให้สามารถทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึกแต่อ่อนโยน โดยมีส่วนผสมหลักคือ Salicylic Acid 2% ซึ่งเป็นกรดในกลุ่ม BHA ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก สามารถซึมลึกเข้าสู่รูขุมขนเพื่อละลายสิ่งอุดตันและผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ พร้อมทั้งยับยั้งสาเหตุของการเกิดสิว ผสานประสิทธิภาพของกรดหลากหลายชนิด AHA/BHA/PHA Complex ที่ทำงานร่วมกันในการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน โดยเฉพาะ PHA หรือ Gluconolactone ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่กว่า จึงค่อยๆ ซึมซับเข้าสู่ผิว เหมาะสำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่าย นอกจากนี้ยังเพิ่มความชุ่มชื้นด้วย Glycerin ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวไม่แห้งตึงหลังการทำความสะอาด
4. Eucerin Pro ACNE SOLUTION 3X TREATMENT BODY LOTION
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ออกแบบมาเพื่อจัดการปัญหาสิวบริเวณลำตัวโดยเฉพาะ โดยมีส่วนผสมหลักที่สำคัญคือ ไทอามิดอล (Thiamidol™) ซึ่งเป็นสารไบรท์เทนนิ่งประสิทธิภาพสูงที่ช่วยลดรอยดำและจุดด่างดำจากสิว ทำงานควบคู่กับ Salicylic Acid ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก พร้อมคุณสมบัติต้านแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว นอกจากนี้ยังมี Licochalcone A สารสกัดจากรากชะเอมเทศที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่เกิดจากแสงแดดและแสงสีฟ้า พร้อมบรรเทาอาการระคายเคืองและผิวแดง ส่วน Glycerin ทำหน้าที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้น ช่วยดูดซับและกักเก็บน้ำในผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นยาวนาน
การดูแลรักษาสิวที่แขนควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิวให้สะอาด ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและอ่อนโยนต่อผิว การสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายต่อผิว ให้ความสำคัญในการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ที่เพิ่มความแข็งแรงให้กับระบบภูมิคุ้มกัน แต่หากสิวที่แขนมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อให้คำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมสำหรับสิวที่แขนของคุณ
-
ตุ่มที่แขนใช่สิวเสมอไปไหม? มีอะไรได้บ้าง?
ไม่เสมอไป นอกจากสิว (Acne Vulgaris) แล้ว ยังอาจเป็น ขนคุด (Keratosis Pilaris) ซึ่งเป็นตุ่มเล็กๆ สากๆ ไม่เจ็บไม่คัน หรือ รูขุมขนอักเสบ (Folliculitis) ที่เป็นตุ่มแดงหรือตุ่มหนองรอบรูขุมขน หรืออาจเป็นผด ผื่นแพ้ได้
-
สิวที่แขนเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้างที่พบบ่อยที่สุด?
เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน (น้ำมัน, เซลล์ผิวเก่า), แบคทีเรีย, การเสียดสีจากเสื้อผ้า, เหงื่อและความอับชื้น, ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม, และอาจมีปัจจัยเรื่องฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้อง
-
ขนคุด (Keratosis Pilaris) กับ สิวที่แขน ต่างกันอย่างไร?
ขนคุดเกิดจากเคราตินอุดตันรูขุมขน ทำให้ผิวสากเหมือนกระดาษทราย มักไม่เจ็บหรืออักเสบ ส่วนสิวเกิดจากน้ำมัน เซลล์ผิวเก่า และแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบเป็นตุ่มแดงหรือตุ่มหนองได้
-
การสครับแขนบ่อยๆ ช่วยลดสิวได้จริงไหม?
การผลัดเซลล์ผิวช่วยได้ แต่การสครับ รุนแรงหรือบ่อยเกินไป จะทำให้ผิวระคายเคืองและแย่ลง ควรใช้ Chemical Exfoliants (เช่น AHA, BHA) หรือสครับอย่างเบามือ สัปดาห์ละ 1-3 ครั้งก็เพียงพอ
-
ต้องรักษาสิวที่แขนนานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและวิธีรักษา การดูแลตัวเองอาจเริ่มเห็นผลใน 4-8 สัปดาห์ ส่วนการรักษาโดยแพทย์อาจใช้เวลานานกว่านั้น และต้องทำอย่างต่อเนื่อง
-
การใส่เสื้อผ้ารัดๆ ทำให้สิวที่แขนแย่ลงจริงหรือไม่?
จริง การเสียดสีและความอับชื้นจากเสื้อผ้ารัดรูปสามารถกระตุ้นให้เกิดการอุดตันและอักเสบของรูขุมขน ทำให้สิวหรือรูขุมขนอักเสบแย่ลงได้ ควรเลือกเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ระบายอากาศดี