ยาคุมลดสิว

ยาคุมลดสิว คืออะไร เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการรักษาสิว

อ่านแล้ว 1 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

ยาคุมนอกจากการช่วยคุมกำเนิด ยังสามารถใช้ลดสิวได้ด้วยในบางกรณี หนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดสิวคือความไม่สมดุลของฮอร์โมน โดยเฉพาะ "สิวฮอร์โมน" ที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของแอนโดรเจน ที่มักเห่อขึ้นตามรอบเดือน ไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันให้ผลิตซีบัมจำนวนมากออกมา ยาคุมจึงกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่แพทย์อาจแนะนำเพื่อช่วยควบคุมสิวประเภทนี้ แต่ยาคุมลดสิวคืออะไร? ทำงานอย่างไร? ปลอดภัยแค่ไหน? และเหมาะกับทุกคนหรือไม่?

ทำความเข้าใจ "สิวฮอร์โมน" ต้นตอของปัญหาสิวซ้ำซาก

สาเหตุหลักประการหนึ่งของการเกิดสิว โดยเฉพาะในวัยรุ่นและผู้ใหญ่เพศหญิง คือความผันผวนของฮอร์โมนในร่างกาย:

  • ฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgens): เป็นกลุ่มฮอร์โมนเพศชาย (แต่พบในผู้หญิงด้วยในปริมาณน้อย) เช่น เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ฮอร์โมนกลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้น "ต่อมไขมัน" (Sebaceous glands) ใต้ผิวหนังให้ผลิตน้ำมันหรือ "ซีบัม" (Sebum) ออกมามากขึ้น
  • การผลิตซีบัมที่มากเกินไป: เมื่อซีบัมมีปริมาณมากเกินไป จะทำให้ผิวหน้ามัน และเมื่อผสมรวมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และเชื้อแบคทีเรีย (โดยเฉพาะ Cutibacterium acnes) จะก่อให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน กลายเป็น "สิวอุดตัน" (Comedonal acne) ทั้งสิวหัวดำและสิวหัวขาว
  • การอักเสบ: หากเกิดการอักเสบตามมา สิวอุดตันจะพัฒนาไปเป็น "สิวอักเสบ" (Inflammatory acne) ที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดง ตุ่มหนอง หรือสิวหัวช้างที่รุนแรงได้
  • ความสัมพันธ์กับรอบเดือน: ในช่วงก่อนมีประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) จะลดลง ทำให้สัดส่วนของแอนโดรเจนสูงขึ้นชั่วคราว ซึ่งกระตุ้นการผลิตซีบัมและทำให้สิวเห่อขึ้นได้ในผู้หญิงหลายคน

ยาคุม คืออะไร

ยาคุมกำเนิด ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ ยาคุมส่วนใหญ่จะประกอบด้วยฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนสังเคราะห์ ทำงานโดยการควบคุมฮอร์โมนของผู้หญิงเพื่อยับยั้งการตกไข่ ซึ่งยาคุมกำเนิดมีหลายประเภท ได้แก่ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบผสม (มีทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสติน) และยาเม็ดที่มีเฉพาะโปรเจสตินอย่างเดียว

ความสัมพันธ์ของสิวและฮอร์โมน

สิวที่ขึ้นตามรอบประจำเดือนหรือที่เรียกว่าสิวฮอร์โมนนั้นเกิดจากความผันผวนของฮอร์โมน แอนโดรเจน ซึ่งเป็นกลุ่มของฮอร์โมนที่มีเทสโทสเตอโรน ที่กระตุ้นการผลิตซีบัม ซีบัมเป็นสารที่รูขุมขนผลิตออกมา ถ้ามากเกินไปก็จะเกิดความมันส่วนเกินเมื่อผสมกับสิ่งตกค้างอื่นๆหรือเชื้อแบคทีเรียก็สามารถอุดตันรูขุมขนซึ่งนำไปสู่การเกิดสิวหรือสิวอักเสบได้ ในบางช่วงของรอบเดือน ระดับแอนโดรเจนจะสูงขึ้น ส่งผลให้การผลิตซีบัมเพิ่มขึ้นและอาจเกิดสิวมากขึ้น

ยาคุมลดสิว ทำงานอย่างไร

ยาคุมกำเนิดที่ใช้ในการรักษาสิวมักเป็น "ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม" (Combined Oral Contraceptives - COCs) ซึ่งประกอบด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์ 2 ชนิด คือ เอสโตรเจน และ โปรเจสติน (Progestin - ฮอร์โมนสังเคราะห์เลียนแบบโปรเจสเตอโรน) โดยออกฤทธิ์ลดสิวผ่านกลไกหลักๆ ดังนี้:

  • ลดระดับแอนโดรเจน: เอสโตรเจนในยาคุมจะช่วยเพิ่มโปรตีนชนิดหนึ่งในเลือดที่ชื่อว่า Sex Hormone-Binding Globulin (SHBG) ซึ่งจะไปจับกับฮอร์โมนแอนโดรเจนที่ล่องลอยในกระแสเลือด ทำให้ปริมาณแอนโดรเจนอิสระที่จะไปกระตุ้นต่อมไขมันลดลง
  • ยับยั้งการผลิตแอนโดรเจน: ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมสามารถกดการทำงานของรังไข่ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตแอนโดรเจนส่วนหนึ่งในผู้หญิง
  • ฤทธิ์ต้านแอนโดรเจนโดยตรง (สำหรับโปรเจสตินบางชนิด): โปรเจสตินบางชนิดที่ใช้ในยาคุมกำเนิดมีคุณสมบัติพิเศษในการออกฤทธิ์ต้านฮอร์โมนแอนโดรเจนโดยตรงที่ต่อมไขมัน ทำให้ลดการผลิตซีบัมได้ดียิ่งขึ้น โปรเจสตินกลุ่มนี้ที่นิยมใช้และได้รับการรับรองในการรักษาสิว ได้แก่:
    • Drospirenone (โดร สไพรีโนน): มีฤทธิ์ต้านแอนโดรเจน และมีฤทธิ์คล้ายยาขับปัสสาวะอ่อนๆ อาจช่วยลดอาการบวมน้ำได้
    • Cyproterone Acetate (ไซโพรเทอโรน อะซิเตท): มีฤทธิ์ต้านแอนโดรเจนที่แรง มักใช้ในกรณีสิวรุนแรง หรือมีภาวะขนดก แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงบางอย่างที่ต้องระวัง
    • Dienogest (ไดอีโนเจสท์): มีฤทธิ์ต้านแอนโดรเจนและช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้

หมายเหตุ: ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progestin-only pills - POPs) ซึ่งมีแต่โปรเจสตินอย่างเดียว มักไม่ถูกนำมาใช้รักษาสิว และในบางกรณีอาจทำให้สิวแย่ลงได้

ประสิทธิภาพและระยะเวลาในการเห็นผล

ยาคุมลดสิวมีประสิทธิภาพดีในการรักษาสิวระดับปานกลางถึงรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน อย่างไรก็ตาม:

  • ระยะเวลา: โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง สิวลดลง ผิวมันน้อยลง หลังจากรับประทานยาต่อเนื่องประมาณ 2-3 เดือน หรืออาจนานกว่านั้นในบางราย เนื่องจากร่างกายต้องใช้เวลาในการปรับสมดุลฮอร์โมน
  • ไม่เห็นผลทันที: ไม่ใช่การรักษาที่จะเห็นผลในชั่วข้ามคืน และไม่ได้ผลกับสิวทุกประเภท
  • ไม่ได้รักษารอยสิว: ยาคุมช่วยลดการเกิดสิวใหม่และความรุนแรงของสิว แต่ไม่ได้ช่วยรักษารอยดำ รอยแดง หรือหลุมสิวที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งอาจต้องใช้การรักษาอื่นร่วมด้วย

ความเสี่ยงและผลข้างเคียงของยาคุม

แม้ยาคุมจะมีประโยชน์ในหลายๆด้าน แต่ยาคุมกำเนิดก็มีผลข้างเคียงเช่นกัน เพราะร่างกายของทุกคนตอบสนองต่อการปรับฮอร์โมนต่างกัน บางคนสีผิวอาจคล้ำมากขึ้นหรืออาจมีปฏิกิริยากับผิวหนัง ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มใช้ยาคุมลดสิว เพื่อตรวจสอบทั้งร่างกายและฮอรโมนของเราว่าเหมาะกับการทานยาคุมหรือไม่

 

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย

  • คลื่นไส้
  • ปวดศีรษะ
  • เจ็บคัดเต้านม
  • อารมณ์แปรปรวน หรือซึมเศร้าในบางราย
  • น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลง (อาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงเล็กน้อย)
  • เลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด (โดยเฉพาะในช่วงแรก)
  • ฝ้า (Melasma) หรือผิวคล้ำขึ้น (โดยเฉพาะเมื่อโดนแดด)
ยาคุมรักษาสิว

ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยาคุม

  • ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นเวลานาน: คนที่สูบบุหรี่ไม่ควรรับประทานยาคุมกำเนิด เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดที่รุนแรง
  • ผู้ที่ลิ่มเลือดหรือโรคหลอดเลือดสมอง: ผู้ที่มีประวัติโรคเกี่ยวกับลิ่มเลือด โรคหลอดเลือดสมอง หรือความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือดบางอย่าง ไม่แนะนำให้ใช้ยาคุม เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนในยาคุมจะเพิ่มความเสี่ยงเรื่องการแข็งตัวของเลือดได้
  • ผู้ที่เป็นมะเร็งบางชนิด: คนที่มีประวัติมะเร็งที่ไวต่อฮอร์โมนอื่นๆ ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์สำหรับคนที่ต้องการใช้ยาคุมลดสิว
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง: หากความดันโลหิตสูงและไม่ได้รับการควบคุมอย่างดี การใช้ยาคุมกำเนิดอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ผู้ที่เป็นโรคตับ: ยาคุมบางประเภทอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่เป็นโรคตับ เนื่องจากการทำงานของตับมีส่วนในย่อยและดูดซึมฮอร์โมน

ทางเลือกในการรักษาสิว

ยาคุมลดสิวอาจเป็นทางเลือกที่ได้ผลสำหรับหลาย ๆ คน แต่ก็ไม่ใช่ตัวช่วยลดสิวเพียงอย่างเดียวหรือทานยาคุมแล้วสิวจะหายทันที การรักษาความสะอาดผิวหน้า การบำรุงหน้าด้วยสกินแคร์ต่างๆก็ยังต้องทำควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงและสมบูรณ์ที่สุด

  • ครีมทาสิว Eucerin Pro ACNE SOLUTION A.I. CLEARING TREATMENT ทรีตเมนต์จบสิวอุดตัน ด้วย 3 กลไก ใน 7 วัน* ลดสิวและโอกาสเกิดสิวใหม่ ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยน และสลายสิ่งอุดตันถึงรูขุมขน
  • ครีมบำรุงหน้า Eucerin Pro ACNE SOLUTION A.I. MATT FLUID ครีมบำรุงที่ช่วยคุมความมันส่วนเกินนาน 8 ชม. ลดปัญหาสิวอุดตัน และลดการอักเสบ ช่วยผลัดเซลล์ผิว เหมาะกับคนที่มีปัญหาสิว ผิวมันโดยเฉพาะ
  • เซรั่มลดรอยสิว Eucerin Pro ACNE SOLUTION TRIPLE EFFECT SERUM ที่ช่วยลดสิว ลดรอยสิว และคุมมัน ด้วยสารสำคัญอย่าง ไทอามิดอล THIAMIDOL™สารไบรท์เทนนิ่งประสิทธิภาพดีที่สุดจากยูเซอริน ที่ช่วยตัดตอนรอยดำลึกถึงจุดกำเนิด ลดเลือนได้มากถึง 75% และช่วยจบปัญหารอยดำและจุดด่างดำทุกประเภท ปรับให้ผิวดูกระจ่างใสใน 2 สัปดาห์ พร้อมลดโอกาสเกิดรอยสิวซ้ำ และยังมีสาร Salicylic Acid สารสกัดธรรมชาติที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดรอยดำจากสิวที่ฝังลึก พร้อมปรับสีผิวหมองคล้ำด้วยลิโคชาลโคน เอ และควบคุมความมันยาวนานด้วย Sebum Regulating Technology

 

ยาคุมมีส่วนช่วยในการจัดการสิวโดยการปรับสมดุลของฮอร์โมน ช่วยในการลดความรุนแรงของสิวและลดการอักเสบแต่ก็มีผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ก่อนการใช้ยาคุมลดสิวจึงควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนเริ่มทำการรักษาสิวด้วยยาคุม เพราะว่าการรักษาสิวควรรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของแต่ละคน

คำถามที่พบบ่อย (9)

  • ยาคุมลดสิว รักษาสิวได้จริงไหม?

    ยาคุมสามารถช่วยได้ในกรณีที่เป็นสิวจากฮอร์โมน และไม่ได้ช่วยรักษารอยสิว รอยแดง หรือรอยแผลเป็นจากสิว และก่อนใช้ยาคุมลดสิวควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง

  • ทานยาคุมลดสิว กี่เดือนถึงเห็นผล

    การกินยาคุมลดสิว จะเห็นผลหลังจากใช้ไปแล้ว 2-3 เดือน สิวจะเริ่มน้อยเพราะต่อมไขมันจะทำงานน้อยลง ทำให้หน้าไม่มันเท่าเดิม ทำให้ลดโอกาสการอักเสบหรืออุดตันรูขุมขนที่เป็นต้นเหตุของสิว

  • ยาคุมลดสิว ทานยังไง

    การทานยาคุมลดสิว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว สุขภาพโดยรวม และฮอร์โมนในร่างกาย โดยแพทย์จะเลือกยาคุมที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

  • กินยาคุมลดสิวแล้วน้ำหนักขึ้นจริงไหม?

    เป็นผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ในบางคน แต่มักเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย และไม่ใช่ทุกคนที่จะมีน้ำหนักขึ้น บางชนิด (เช่น ที่มี Drospirenone) อาจช่วยลดอาการบวมน้ำได้ด้วยซ้ำ

  • ยาคุมลดสิวมีผลข้างเคียงอะไรบ้างที่พบบ่อย?

    อาจมีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ เจ็บคัดเต้านม อารมณ์เปลี่ยนแปลง เลือดออกกะปริบกะปรอย หรือเกิดฝ้าได้ ซึ่งมักดีขึ้นเมื่อร่างกายปรับตัว

  • ถ้าหยุดกินยาคุม สิวจะกลับมาไหม?

    มีความเป็นไปได้สูงที่สิวจะกลับมา หากสาเหตุหลักของสิวคือฮอร์โมน ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแผนการรักษาต่อเนื่องหลังหยุดยา

  • ใครบ้างที่ไม่ควรกินยาคุมลดสิว?

    ผู้ที่สูบบุหรี่ (อายุ >35 ปี), มีประวัติลิ่มเลือดอุดตัน โรคหลอดเลือดสมอง/หัวใจ, มะเร็งเต้านม, โรคตับรุนแรง, ความดันสูงควบคุมไม่ได้, ไมเกรนแบบมีออร่า หรือกำลังตั้งครรภ์

  • ผู้ชายสามารถกินยาคุมเพื่อลดสิวได้หรือไม่?

    ไม่ได้ ยาคุมกำเนิดมีฮอร์โมนเพศหญิงเป็นส่วนประกอบหลัก ไม่เหมาะกับสรีระและระบบฮอร์โมนของผู้ชาย และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้

  • จำเป็นต้องตรวจสุขภาพก่อนกินยาคุมลดสิวหรือไม่?

    จำเป็นอย่างยิ่ง แพทย์ต้องซักประวัติ วัดความดันโลหิต และประเมินความเสี่ยงก่อนสั่งยาเสมอ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้

บทความเกี่ยวข้อง

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง