สังคัง Tinea Cruris

สังคัง (Tinea Cruris) เกิดจากอะไร รักษาให้หายเองได้ไหม

อ่านแล้ว 1 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

สังคัง หรือ Tinea Cruris เป็นหนึ่งในอาการติดเชื้อราที่ผิวหนังที่หลายคนกลัวแต่ไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึง สังคังมักจะเกิดกับนักกีฬาและผู้ที่มีเหงื่อออกมากเป็นส่วนใหญ่ ทำให้รู้สึกไม่สบายผิวเป็นอย่างมากในบริเวณขาหนีบและมักพบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก ตั้งแต่สาเหตุและอาการไปจนถึงการป้องกันและการรักษา

สังคัง คืออะไร

สังคัง (Tinea Cruris) คือ โรคติดเชื้อราที่เป้าบริเวณขาหนีบ ต้นขาด้านใน และบั้นท้าย ซึ่งเป็นโรคกลากชนิดหนึ่ง พบได้บ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง จะมีผื่นแดงและคันในบริเวณที่เกิดสังคัง นักกีฬาและผู้ที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนชื้นมีโอกาสจะเป็นสังคังได้ง่ายกว่าคนอื่น

สาเหตุของสังคัง

สาเหตุของสังคังคือการเจริญเติบโตของเชื้อราในบริเวณที่เกิดความชื้นได้ง่ายในร่างกายของเรา เชื้อราเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีเหงื่อออกและมีความอุณหภูมิสูง ทำให้ต้นขาด้านในและขาหนีบเป็นตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการเกิดเชื้อราบนผิวหนัง

สังคังเกิดจากการติดเชื้อราในกลุ่ม Dermatophytes โดยเฉพาะชนิดต่อไปนี้:

  1. Trichophyton rubrum - เป็นเชื้อรากลุ่มนี้ที่พบบ่อยที่สุดในการก่อโรคสังคัง มักทำให้เกิดอาการเรื้อรัง
  2. Trichophyton mentagrophytes - พบได้บ่อยรองลงมา มักทำให้เกิดการอักเสบที่รุนแรงกว่า
  3. Epidermophyton floccosum - อีกหนึ่งเชื้อราที่สามารถก่อโรคสังคังได้

เชื้อราเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่น ชื้น และมืด ซึ่งบริเวณขาหนีบเป็นพื้นที่ที่มีสภาพเหมาะสมต่อการเจริญของเชื้อรา

การวินิจฉัยโรคสังคัง

การวินิจฉัยสังคังมักอาศัยการซักประวัติและตรวจร่างกายของผู้ที่มีอาการ โดยแพทย์จะสังเกตจาก

  1. ตำแหน่งที่เกิดรอยโรค - มักพบที่บริเวณขาหนีบ ต้นขาด้านใน หรือรอบๆ อวัยวะเพศ (แต่มักไม่ลามไปยังอัณฑะหรือองคชาต) บางครั้งอาจลามไปถึงบริเวณก้น หรือด้านในของต้นขา
  2. ลักษณะของผื่น - มีรอยแดงชัดเจน ขอบนูนเล็กน้อย และมีขอบเขตที่ชัดเจน (well-demarcated border) ผื่นมักมีลักษณะเป็นวงกลมหรือครึ่งวงกลม และมีขอบที่ลุกลามออกไป ส่วนตรงกลางอาจมีสีจางลง (central clearing) ทำให้เห็นเป็นรูปวงแหวน
  3. อาการคัน - มักมีอาการคันมาก โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือเมื่อมีเหงื่อออก
  4. การหลุดลอกของผิวหนัง - อาจพบการหลุดลอกของผิวหนังเป็นขุยขนาดเล็ก (scaling) บริเวณขอบของรอยโรค
  5. ระยะเวลา - มักเป็นเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม

หลังจากซักถามประวัติและตรวจร่างกายแล้วหากผลไม่ชัดเจน อาจมีการขูดผิวหนังตรวจหาเชื้อราด้วย KOH หรือเพาะเชื้อรา การวินิจฉัยแยกโรคสำคัญเพื่อแยกจากผื่นแพ้ ผิวหนังอักเสบ สะเก็ดเงิน หรือ erythrasma การรักษาที่ถูกต้องควรได้รับการยืนยันจากแพทย์ผิวหนัง

ปัจจัยที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงเป็นสังคัง

ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราบริเวณขาหนีบ เช่น

  • สวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นและไม่ระบายอากาศ
  • เหงื่อออกมากเกินไป
  • ไม่ค่อยอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเป็นประจำ
  • การมีน้ำหนักเกิน (เนื่องจากจะทำให้ผิวหนังมีรอยพับมากขึ้นซึ่งเกิดเป็นความชื้นสะสมได้)
  • มีระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติที่ไม่แข็งแรงพอ
  • สัมผัสโดนเชื้อราจากที่ต่างๆที่ติดอยู่ตามผิวหนัง เล็บและเส้นผม หรือขนของสัตว์

สัญญาณและอาการของสังคัง

ก่อนจะเป็นสังคัง มักจะมีอาการในรูปแบบของอาการคันหรือแสบร้อนบริเวณขาหนีบ หรืออาการอื่นๆ เช่น

  • บริเวณผิวจะมีสีแดงเล็กน้อยก่อนที่จะรุนแรงขึ้นเป็นหย่อมสีน้ำตาลแดงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และบริเวณขอบผื่นอาจดูยกขึ้นเล็กน้อย
  • มีอาการคันบริเวณขาหนีบตลอดเวลาหรือเรื่มมีรอยถลอกรอยดำ
  • หากไม่ได้รับการรักษา สังคังสามารถแพร่กระจายลามไปถึงต้นขาด้านในหรือขึ้นไปทางหน้าท้องได้อีกด้วย ที่สำคัญคือต้องแยกความแตกต่างของอาการคันจากอาการทางผิวหนังอื่นๆ เช่น โรคสะเก็ดเงินหรือผิวหนังอักเสบ หากไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่เชี่ยวชาญ

แนวทางปฏิบัติเมื่อสงสัยว่าเป็นสังคัง

หากสงสัยว่าตนเองอาจเป็นสังคัง ควรปฏิบัติดังนี้:

  1. ควรพบแพทย์ - โดยเฉพาะแพทย์ผิวหนัง (dermatologist) เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
  2. สังเกตลักษณะและการเปลี่ยนแปลงของผื่น - บันทึกระยะเวลาที่เริ่มเป็น อาการคัน และการตอบสนองต่อยาที่เคยใช้ (ถ้ามี)
  3. แจ้งประวัติทางการแพทย์แก่แพทย์ - โดยเฉพาะโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  4. รักษาความสะอาดและความแห้งของบริเวณที่เป็น - แต่หลีกเลี่ยงการขัดถูรุนแรงหรือใช้สบู่ที่มีฤทธิ์ระคายเคือง
  5. หลีกเลี่ยงการซื้อยารักษาเชื้อราใช้เอง - โดยเฉพาะสเตียรอยด์ เนื่องจากอาจทำให้อาการแย่ลงหากเป็นโรคอื่นที่ไม่ใช่สังคัง

การวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยให้โรคสังคังหายได้เร็วขึ้น และลดโอกาสการกลับเป็นซ้ำในอนาคต

การรักษาสังคัง

สังคังสามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและวิธีการรักษา

  • รักษาโดยใช้ครีมต้านเชื้อราที่มีมีส่วนผสมเช่น โคลไตรมาโซล (Clotrimazole) หรือ ไมโคนาโซล (Miconazole)
  • หมั่นรักษาความสะอาดของร่างกายโดยเฉพาะบริเวณขาหนีบหรือข้อพับต่างๆ
  • เช็ดตัวให้แห้ง ระบายความชื้นออกให้หมดและสวมใส่เสื้อผ้าที่ โปร่งและโล่งสบาย ไม่รัดแน่น
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อราและการเกาบริเวณที่เป็นสังคัง
  • หากเกิดอาการรุนแรงขึ้นหรือเริ่มลามไปยังบริเวณอื่น หรือกลับมาเป็นซ้ำบ่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาทางรักษาอื่นๆ

การป้องกันและลดความเสี่ยงการเกิดสังคัง

  • หลีกเลี่ยงความชื้นในร่มผ้า พยายามรักษาบริเวณขาหนีบให้แห้งที่สุด ใช้ผ้าที่ดูดซับความชื้นได้ดีเมื่อทำกิจกรรมต่างๆหรือออกกำลังกาย
  • สวมผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ผ้าฝ้ายและผ้าธรรมชาติอื่นๆ ช่วยให้ผิวหนังสามารถระบายความชื้นได้ ลดความเสี่ยงของการสะสมความชื้นบริเวณใต้ร่มผ้า
  • อาบน้ำเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหงื่อออกหรือออกกำลังกาย สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้

แนะนำผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย

 pH5 SENSITIVE SKIN WASHLOTION

Eucerin pH5 SENSITIVE SKIN WASHLOTION

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย ที่อ่อนโยนและปรับสมดุลค่า pH ให้ผิวแข็งแรง ด้วย pH5 Balance System & Dexpanthenol ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวทำให้ผิวไม่ไวต่อปัจจัยการกระตุ้นต่างๆและกักเก็บความชื้อไว้ในผิว สามารถใช้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายได้เป็นประจำทุกวัน

เจลอาบน้ำ เพื่อความสะอาดและเพิ่มความแข็งแรงของผิว

Eucerin Urea Repair Gentle Shower Gel

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกาย ที่พร้อมผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำร้ายปราการผิว และยังผสาน Urea ที่มาช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว เผยผิวใสดูสุขภาพดี ไม่แห้งกร้านปราศจากสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว

คำถามที่พบบ่อย (5)

บทความเกี่ยวข้อง

คุณอาจจะสนใจสิ่งเหล่านี้