สิวอักเสบ หนึ่งในปัญหาผิวที่บั่นทอนความมั่นใจของสาวๆ หลายคน เพราะมักทิ้งรอยไว้ให้ดูต่างหน้าแม้จะรักษาหายแล้วก็ตาม อีกทั้งปัจจัยและสาเหตุที่ก่อให้เกิดเป็นสิวอักเสบ นั้นมีมากมายหลายประการ และส่งผลกระทบให้เกิดอาการอักเสบที่แตกต่างกันตามแต่สภาพผิวหรือปัจจัยกระตุ้น วิธีการดูแลรักษาและฟื้นบำรุงผิวที่เป็นสิวอักเสบจึงมีความแตกต่างกัน ผลิตภัณฑ์รักษาสิวอักเสบที่ใช้จึงมีหลายประเภทตามระดับความรุนแรงของสิวอักเสบ ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิวอักเสบ เพื่อการดูแลรักษาได้อย่างเหมาะสมและถูกวิธี
สิวอักเสบ คืออะไร ?
สิวอักเสบ (Inflammatory acne) หรือ Papulopustular acne คือ สิวอุดตัน (Comedones) ที่มีแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P.acnes) เจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิว โดย P.acnes คือ สาเหตุของสิวอักเสบ เพราะสามารถดึงดูดเม็ดเลือดขาวเข้ามาในตุ่มสิว กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และยังมีเอนไซม์ช่วยในการย่อยน้ำมัน (Sebum) ในตุ่มสิวให้กลายเป็นกรดไขมันที่มีฤทธิ์ส่งผลให้เกิดการอักเสบอีกด้วย
ประเภทของสิวอักเสบ
สิวอักเสบ สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามขนาดของตุ่มสิวอักเสบ และความรุนแรงของอาการอักเสบ ดังนี้
สิวอักเสบชนิดตุ่มนูนแดง (Papule)
สิวตุ่มนูนแดง เป็นตุ่มแดงเจ็บ ขนาดไม่เกิน 0.5 ซม. ส่วนมากสิวชนิดนี้เป็นสิวอักเสบในระยะแรกที่เปลี่ยนมาจากสิวอุดตัน
สิวอักเสบหัวหนอง (Pustule)
มีลักษณะเป็นตุ่มแดงและรู้สึกปวด ข้างบนตุ่มจะมีหัวหนองสีเหลือง เป็นสิวที่มีอาการอักเสบมากกว่าสิวอักเสบชนิด Papule หรืออาจเกิดจากสิวอักเสบที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียอื่นแทรกซ้อน
สิวอักเสบแดงเป็นก้อนลึก (Nodule)
เป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง มีอาการเจ็บปวดค่อนข้างมาก สาเหตุมักเกิดจากเป็นสิวอักเสบชนิด Papule แล้วมีการกดบีบสิว ทำให้แบคทีเรียและน้ำมันในตุ่มสิวแตกกระจายอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้สิวยิ่งอักเสบบวมแดง
สิวเป็นถุงขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง (Acne Cyst)
พบได้ไม่บ่อย มีสาเหตุจากถุงน้ำใต้ผิวหนังไม่แดง ไม่ปวด มีลักษณะเป็นถุงภายในและมีของเหลวข้นหนืดสีเหลือง สิวอักเสบชนิดนี้แม้จะรักษาจนยุบแล้ว แต่หลังจากนั้นมักจะกลายเป็นแผลเป็นก้อนนูนแข็งหรือหลุมสิวขนาดใหญ่
สิวหัวช้าง (Acne Conglobata)
สิวหัวช้าง เป็นสิวอักเสบชนิดหนึ่ง ที่มีความรุนแรงมาก เกิดจากเป็นสิวอักเสบรุนแรงทุกชนิดขึ้นรวมกันหนาแน่น ลักษณะนูน บวม แดงและมีหัวหนองอย่างเห็นได้ชัด รักษาได้ยาก และหากได้รับการรักษาที่ผิดวิธีอาจทำให้สิวลุกลามติดเชื้อมากขึ้น เซลล์ผิวหนังถูกทำลายจนกลายเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่หรือหลุมสิวถาวร
วิธีรักษาสิวอักเสบ ลดสิวอักเสบ
1.ยาทาภายนอกสำหรับรักษาสิวอักเสบ
ยาทาถือเป็นการรักษาสิวที่ได้รับความนิยมที่สุด เนื่องจากสะดวก และมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายากิน แต่เหมาะสำหรับสิวที่มีความรุนแรงปานกลางถึงมาก โดยแนะนำให้ใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์และเภสัชกรเท่านั้น สารสำคัญที่พบได้ในยาทาสำหรับรักษาสิวอักเสบ ได้แก่
1.1. ยากลุ่ม Benzoyl peroxide
- คุณสมบัติ : ลดการอักเสบ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเพื่อลดการอุดตันและฆ่าแบคทีเรีย P.acnes แต่อาจมีอาการข้างเคียง เช่น ผิวแห้งลอกเป็นขุย คัน แสบ โดยเฉพาะในช่วงแรกที่ทายา
- ข้อแนะนำ : ควรใช้ก่อนทำความสะอาดผิวหน้า 5-15 นาที แล้วล้างออก
1.2. ยาทาปฏิชีวนะ หรือ ยาฆ่าเชื้อ (Topical antibiotics)
- คุณสมบัติ : เป็นยาปฏิชีวนะที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ไม่แนะนำให้ใช้รักษาสิวเป็นยาเดี่ยวเพราะแบคทีเรียจะดื้อยาอย่างรวดเร็ว
- ข้อแนะนำ : ในระยะแรกควรใช้ร่วมกับยาทาอื่นๆ และควรใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร
1.3. ยาทาเรตินอยด์ (Retinoid อนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ)
- คุณสมบัติ : ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวหนัง ลดสิวอุดตันและลดการอักเสบ สามารถใช้ร่วมกับการรักษาสิวทุกระยะ และใช้ทาป้องกันการเกิดสิวอุดตันได้ด้วย
- ข้อแนะนำ : มีผลข้างเคียงทำให้ผิวลอก คัน แดง และทำให้ผิวหน้าบางลง จึงต้องทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนออกแดดและห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
2.การใช้ยาทานแก้สิวอักเสบ
ยารับประทานสำหรับรักษาสิวอักเสบ ในกรณีที่เป็นสิวอักเสบปานกลางถึงรุนแรง หรือเมื่อการรักษาเฉพาะที่ไม่ได้ผล และต้องสั่งจ่ายหรือรับประทานตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
2.1 ยาปฏิชีวนะแบบรับประทาน
ยาปฏิชีวนะแบบรับประทาน เช่น tetracycline, doxycycline และ erythromycin ช่วยควบคุมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและลดการอักเสบ โดยปกติจะรับประทานเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการดื้อยาปฏิชีวนะ
3. การรักษาสิวอักเสบทางการแพทย์
การรักษาสิวอักเสบทางการแพทย์ จะใช้ในกรณีที่ผู้ที่เป็นสิวไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่นๆหรือการรักษาด้วยวิธีอื่นเกิดผลข้างเคียง
3.1 การลอกผิว
การลอกผิวด้วยสารเคมีโดยใช้สารละลายเคมีกับผิวหนัง ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวและกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว การรักษานี้สามารถช่วยเปิดรูขุมขน ลดการอักเสบ และซ่อมแซมฟื้นฟูผิวโดยรวมให้ดีขึ้นหลังจากเซลล์ผิวซ่อมแซมตัวเอง
3.2 การรักษาด้วยแสงหรือเลเซอร์
การบำบัดด้วยแสง (PDT) เป็นการใช้แสงกระตุ้นผิวหนัง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ PDT สามารถรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อาจต้องทำการรักษาหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
3.3 การฉีดสิว
การฉีดยารักษาสิวโดยตรงจะช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการรักษา การรักษาด้วยการฉีดสิว ควรทำโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น เนื่องจากต้องคำนวณปริมาณการใช้และต้องฉีดโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
ข้อแนะนำในการป้องกันผิวจากสิวอักเสบ
การรักษาสุขภาพและดูแลผิว ช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวอักเสบและช่วยฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้น
1. ขั้นตอนการดูแลผิวที่สม่ำเสมอ
ขั้นตอนการดูแลผิวที่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดผิว การขัดผิว และการเพิ่มความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิว เพื่อป้องกันการสะสมตัวของซีบัมและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันและปราศจากน้ำหอมเพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตันของรูขุมขนและการระคายเคือง
2. อาหารและโภชนาการ
บริโภคอาหารที่สมดุลซึ่งอุดมด้วยอาหารต้านการอักเสบ เช่น กรดไขมันโอเมก้า 3 สารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามิน เพื่อเสริมการป้องกันตามธรรมชาติของผิวจากการอักเสบ การหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป น้ำตาล และผลิตภัณฑ์จากนมก็มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดสิวได้เช่นกัน
3. การจัดการความเครียด
การจัดการความเครียด รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การทำสมาธิ และการผ่อนคลาย เพื่อปรับสมดุลของระดับฮอร์โมนและลดความเสี่ยงของการเกิดสิวจากความเครียดได้เป็นอย่างดี
สกินแคร์ลดสิวสำหรับผิวเป็นสิวอักเสบ
สำหรับคนที่มีปัญหา สิวอักเสบ ระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง สามารถการเน้นใช้สกินแคร์สำหรับผิวเป็นสิวในการช่วยดูแลจึงเหมาะสมมากกว่า โดยส่วนใหญ่สกินแคร์ดูแล สิวอักเสบ มีส่วนผสมของ กรดไฮดรอกซี (Hydroxy Acid) เป็นกรดอ่อนที่ออกฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน จัดการต้นตอของปัญหาผิวได้ดี สามารถแบ่งออกได้หลายประเภทตามคุณสมบัติและที่มาของกรดนั้นๆ เหมาะสำหรับปัญหาสิวอักเสบในระดับรุนแรงน้อยถึงปานกลาง ส่วนใหญ่แล้วที่นิยมนำมาใช้ในสกินแคร์ คือ
กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids) หรือ AHA
- คุณสมบัติ : เป็นกรดที่ได้จากสารสกัดของผลไม้ มีฤทธิ์ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่คล้ำเสียหรือตายแล้วซึ่งจับตัวกันเป็นก้อนให้หลุดลอกออกไป ช่วยละลายการอุดตัน จึงทำให้รอยสิวดูจางลง นอกจากนี้ ยังช่วยลดอาการอักเสบจากสิวอักเสบ กระชับรูขุมขน และกระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวหน้าดูสดใส เรียบเนียน
กรดเบต้าไฮดรอกซี (Beta hydroxy acid) หรือ BHA :
- คุณสมบัติ : เป็นกรดที่ได้จากการสังเคราะห์ หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) คุณสมบัติเด่นของ BHA คือละลายน้ำมันได้ ออกฤทธิ์กับสภาพผิวมันหรือผิวเป็นสิวได้เป็นอย่างดี สามารถขจัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยน นอกจากนั้นยังช่วยฟื้นบำรุงผิวจากการระคายเคือง และลดการอักเสบได้ดีอีกด้วย
3 ผลิตภัณฑ์ช่วยดูแลผิว ลดสิวอักเสบ
1. เจลล้างหน้า
เพื่อขจัดสิ่งสกปรก ลดสิ่งอุดตันบนใบหน้าอันเป็นสาเหตุของการก่อให้เกิดสิวอักเสบ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ใช้ควรเหมาะสมสำหรับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ มีคุณสมบัติที่ช่วยขจัดสิ่งสกปรกได้ดี ทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก อ่อนโยนต่อผิว สามารถใช้ร่วมกับยาทารักษาสิวอักเสบได้โดยไม่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึง แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งเจลล้างหน้า Eucerin PRO ACNE SOLUTION 3X TREATMENT GEL TO FOAM CLEANSER เจลโฟมล้างหน้าสำหรับคนผิวมัน เป็นสิวง่าย ที่ทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด ขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินไปพร้อมๆ กับการลดปัญหาสิวด้วย 2% Salicylic Acid ที่ช่วยขจัดสิ่งอุดตันลึกถึงต้นตอ พร้อมผลัดเซลลผิวอย่างอ่อนโยน และลดรอยสิวด้วย AHA/BHA/PHA acid complex และยังมีสาร Glycerin ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นเสริมปราการผิวให้แข็งแรง เนื้อเจลโฟมฟองนุ่ม อ่อนโยนต่อผิวสำหรับคนเป็นสิว
2. สกินแคร์ดูแลลดสิวอักเสบ
เพื่อตอบโจทย์ในการช่วยดูแลสิว ลดสิวอักเสบ ที่มีขั้นตอนง่ายๆ ไม่ยุ่งยากในการดูแลบำรุงผิว ยูเซอรินจึงได้คิดค้น Eucerin Pro ACNE SOLUTION SOS SERUM เซรั่มสำหรับคนเป็นสิว ที่ช่วยลดการอักเสบ ระคายเคืองสิวด้วย Licochalcone A และ Panthenol ช่วยปลอบประโลม และเสริมปราการผิว พร้อมควบคุมความมันส่วนเกินด้วย 2X Carnitine ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิวด้วย Decanediol พร้อมดูแลปัญหารอยดำรอยแดงจากสิวได้ถึงต้นตอด้วย AHA/BHA/PHA จบปัญหาสิวซ้ำซากใน 7 วัน และลดการอักเสบของสิว สิวยุบภายใน 8 ชม.
3. ครีมกันแดดคุมมัน
แสงแดดเป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้การอักเสบของสิวอักเสบรุนแรงขึ้น ครีมกันแดดจึงเป็นสกินแคร์ที่สำคัญในการช่วยปกป้องผิว แต่สำหรับคนที่มีปัญหา สิวอักเสบ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติในการช่วยควบคุมความมัน ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน เพื่อลดสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิวขึ้นได้ ครีมกันแดดคุมมันที่แนะนำ คือ Sun dry touch oil control ด้วยให้เนื้อสัมผัสเบาบาง ไม่ทิ้งความมันตกค้าง ไม่เหนอะหนะผิว และช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าได้นานถึง 8 ชั่วโมง พร้อมประสิทธิภาพการปกป้องผิวจากแสงแดดขั้นสุด
ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลรักษาสิวอักเสบที่เหมาะสมของแต่ละคนนั้นอาจจะแตกต่างกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และระดับความรุนแรงของ สิวอักเสบ ของแต่ละคนอีกด้วย หากใครมีปัญหาสิวอักเสบที่รุนแรงควรได้รับคำแนะนำการรักษาจากแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญในการใช้ยาทาเพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
คำถามที่พบบ่อย
สิวอักเสบแตกต่างจากสิวไม่อักเสบอย่างไร?
สิวอักเสบมีลักษณะเป็นตุ่มแดง บวม และมักมีอาการเจ็บ ในขณะที่สิวที่ไม่อักเสบ ได้แก่ สิวหัวดำและสิวหัวขาว (comedones) ที่ไม่บวมหรือเจ็บ สิวอักเสบเกี่ยวข้องกับการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อแบคทีเรียและการติดเชื้อในรูขุมขน ในขณะที่สิวที่ไม่อักเสบมีสาเหตุหลักมาจากการอุดตันของรูขุมขน
สามารถรักษาสิวอักเสบด้วยตัวเองได้หรือไม่?
การรักษาบางชนิด เช่น เรตินอยด์ เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ กรดซาลิไซลิก และกรดอะเซลาอิกสามารถใช้รักษาสิวอักเสบได้ด้วยตัวเอง ร่วมกับการดูแลผิวที่เหมาะสม ก็สามารถช่วยป้องกันรูขุมขนอุดตันและลดการอักเสบได้
ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาสิวอักเสบเมื่อใด?
ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหากสิวของคุณเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการอักเสบรุนแรงหรือเริ่มเจ็บสิว เพื่อให้แพทย์ผิวหนังประเมินสภาพผิวและแนะนำการรักษาที่เหมาะสม
สิวอักเสบใช้เวลานานไหมกว่าจะหาย?
ระยะเวลาในการรักษาสิวอักเสบจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรง ประเภทของสิว และวิธีการรักษาที่ใช้ โดยทั่วไปอาจใช้เวลาตั้งแต่สองสามวันไปจนถึงหลายสัปดาห์กว่าที่สิวอักเสบจะหาย การรักษาอย่างสม่ำเสมอและขั้นตอนการดูแลผิวที่เหมาะสมสามารถช่วยในการรักษาและป้องกันการเกิดสิวใหม่
สิวอักเสบทำให้เกิดแผลเป็นได้หรือไม่?
สิวอักเสบทำให้เกิดแผลเป็นจากสิวได้ โดยเฉพาะสิวอักเสบที่รุนแรง เช่น เป็นก้อนด้านในและซีสต์ สามารถทำลายเนื้อเยื่อของผิวหนังและทำให้เกิดแผลเป็นหรือหลุมสิวได้ การรักษาที่เหมาะสมและทันท่วงทีสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็นได้ หากเกิดแผลเป็นขึ้น มีวิธีการรักษาที่หลากหลาย เช่น การบำบัดด้วยเลเซอร์ การกรอผิว และการลอกผิวด้วยสารเคมี