Chronological Age และ Biological Age คืออะไร

อ่านแล้ว 5 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม
Chronological Age และ Biological Age คืออะไร ต่างกันอย่างไร

อายุของมนุษย์สามารถพิจารณาได้จากสองมุมมองที่แตกต่างกัน นั่นคือ อายุตามปฏิทิน (Chronological Age) และอายุทางชีวภาพ (Biological Age) ซึ่งทั้งสองมุมมองนี้ให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับสุขภาพและความเสื่อมของร่างกายที่แตกต่างกัน

Chronological Age คืออะไร

Chronological Age หรืออายุตามปฏิทิน คือจำนวนปีที่มีชีวิตอยู่นับตั้งแต่วันเกิด เป็นการวัดอายุที่เป็นตัวเลขแน่นอนและไม่มีการเปลี่ยนแปลง อายุตามปฏิทินนี้ใช้กันอย่างแพร่หลายในทางกฎหมาย การแพทย์ และสังคม เช่น การกำหนดสิทธิ์ต่างๆ ตามช่วงอายุ แต่อายุตามปฏิทินอย่างเดียวไม่สามารถบอกถึงสภาพความเสื่อมของร่างกายที่แท้จริงได้

Biological Age คืออะไร

Biological Age หรืออายุทางชีวภาพ คือการประเมินอายุตามสภาพร่างกายและความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย โดยพิจารณาจากการทำงานของอวัยวะต่างๆ การเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมี และการเปลี่ยนแปลงระดับโมเลกุล อายุทางชีวภาพจึงสามารถสะท้อนสุขภาพและความเสื่อมของร่างกายได้ดีกว่าอายุตามปฏิทิน

จากการศึกษาพบว่า อายุทางชีวภาพมีความสัมพันธ์กับกระบวนการ Epigenetic ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของยีนโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงลำดับ DNA การศึกษาของ Horvath ในปี 2013 ได้พัฒนา Epigenetic Clock ที่สามารถประเมินอายุทางชีวภาพได้อย่างแม่นยำจากรูปแบบการเปลี่ยนแปลงทาง Epigenetic

ความแตกต่างระหว่าง Chronological Age และ Biological Age

  1. การวัดค่า
    1. Chronological Age: วัดจากจำนวนปีที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น
    2. Biological Age: วัดจากสภาพร่างกาย การทำงานของอวัยวะ และการเปลี่ยนแปลงระดับเซลล์
  2. ความแม่นยำในการประเมินสุขภาพ
    1. Chronological Age: ไม่สามารถสะท้อนสภาพร่างกายที่แท้จริง
    2. Biological Age: สะท้อนสภาพร่างกายและความเสื่อมได้แม่นยำกว่า
  3. ความสามารถในการเปลี่ยนแปลง
    1. Chronological Age: ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
    2. Biological Age: สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและปัจจัยแวดล้อม

ปัจจัยที่มีผลต่อ Biological Age

การที่คนเราจะมีอายุทางชีวภาพแตกต่างจากอายุตามปฏิทินนั้น มีปัจจัยสำคัญ 3 ประการที่ส่งผลต่อความเร็วในการเสื่อมของร่างกาย ดังนี้

 

พฤติกรรมการใช้ชีวิต

  • การรับประทานอาหารส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของยีนผ่านกระบวนการ Epigenetic จากการศึกษาพบว่าการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผักและผลไม้ สามารถชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ ในทางตรงกันข้าม อาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงจะเร่งกระบวนการเสื่อมของร่างกาย
  • การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และการซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ งานวิจัยพบว่าผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำมีอายุทางชีวภาพต่ำกว่าอายุตามปฏิทิน เนื่องจากการออกกำลังกายช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย
  • การพักผ่อนที่เพียงพอมีความสำคัญต่อการฟื้นฟูร่างกาย การนอนหลับที่มีคุณภาพช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนการเจริญเติบโตที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมเซลล์ การอดนอนหรือนอนไม่เพียงพอจะเร่งความเสื่อมของเซลล์และเพิ่มอายุทางชีวภาพ
  • ความเครียดเรื้อรังส่งผลเสียต่อร่างกายหลายด้าน ทั้งการเพิ่มการอักเสบ การลดประสิทธิภาพระบบภูมิคุ้มกัน และการเร่งความเสื่อมของเซลล์ผ่านการเปลี่ยนแปลงทาง Epigenetic

 

ปัจจัยสิ่งแวดล้อม

  • มลพิษในอากาศโดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 สามารถเข้าสู่กระแสเลือดและก่อให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการแสดงออกของยีนผ่านกระบวนการ Epigenetic ทำให้เซลล์เสื่อมเร็วขึ้น
  • รังสี UV จากแสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญของความเสื่อมของผิวหนัง การศึกษาพบว่ารังสี UV ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทาง Epigenetic ที่ส่งผลต่อการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ทำให้ผิวเหี่ยวย่นและมีอายุมากขึ้น
  • สารเคมีในสิ่งแวดล้อม เช่น สารกำจัดศัตรูพืช โลหะหนัก และสารก่อมะเร็ง สามารถส่งผลต่อการแสดงออกของยีนและเร่งความเสื่อมของเซลล์ การศึกษาในหนูทดลองพบว่าการสัมผัสสารเคมีบางชนิดสามารถส่งผลต่อลูกหลานได้หลายรุ่นผ่านกระบวนการ Epigenetic
  • อาหารและสารอาหารที่ได้รับมีผลต่อการทำงานของยีนโดยตรง เช่น การขาดโฟเลตและวิตามินบี 12 ส่งผลต่อกระบวนการ DNA methylation ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ Epigenetic

 

ปัจจัยทางพันธุกรรม

  • การแสดงออกของยีนมีการเปลี่ยนแปลงตามอายุ ยีนบางตัวทำงานมากขึ้นหรือน้อยลงเมื่อเราแก่ตัวลง ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของเซลล์และอวัยวะต่างๆ เช่น ยีนที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบมักทำงานมากขึ้นในผู้สูงอายุ
  • การเปลี่ยนแปลงทาง Epigenetic จากการศึกษาในฝาแฝดพบว่าแม้จะมีพันธุกรรมเหมือนกัน แต่การใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันทำให้มีรูปแบบ Epigenetic และอายุทางชีวภาพที่แตกต่างกันได้

วิธีวัด Biological Age

 

การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

  • การวัดความยาว Telomere
    คือการตรวจวัดความยาวของปลายโครโมโซมที่เรียกว่า Telomere ซึ่งจะสั้นลงเมื่อเซลล์มีการแบ่งตัว ความยาวของ Telomere จึงสามารถบ่งบอกอายุของเซลล์ได้ เซลล์ที่มี Telomere สั้นมักพบในคนที่มีอายุทางชีวภาพสูง
  • การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทาง Epigenetic
    เป็นการศึกษารูปแบบการแสดงออกของยีนที่เปลี่ยนแปลงไปตามอายุ โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงลำดับ DNA การศึกษาพบว่าการเปลี่ยนแปลงทาง Epigenetic มีความสัมพันธ์โดยตรงกับอายุทางชีวภาพ
  • การตรวจระดับ DNA methylation
    เป็นเทคโนโลยีในการตรวจหาอายุทางชีวภาพ โดยการวัดระดับการเติมหมู่เมทิลที่ DNA ซึ่งเป็นกระบวนการ Epigenetic ที่สำคัญ ระดับ DNA methylation จะเปลี่ยนแปลงตามอายุ จึงสามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้อายุทางชีวภาพได้อย่างแม่นยำ

ซึ่ง Age Clock Technology ของ Eucerin เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจากการวิจัยด้าน Epigenetic มากว่า 15 ปี สามารถวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงระดับ DNA methylation ในเซลล์ผิวได้มากกว่า 850,000 จุด ทำให้สามารถประเมินอายุผิวได้อย่างแม่นยำ และมีการใช้ Artificial Intelligence ช่วยวิเคราะห์ภาพถ่ายเซลล์และข้อมูลทางชีวภาพจำนวนมาก เพื่อค้นหารูปแบบความเสื่อมของเซลล์ที่สัมพันธ์กับอายุ ทำให้สามารถประเมินอายุทางชีวภาพได้แม่นยำขึ้น

 

การประเมินสมรรถภาพร่างกาย

  • การทำงานของหัวใจและหลอดเลือดสามารถประเมินได้จากการทดสอบความสามารถในการใช้ออกซิเจนสูงสุด (VO2 max) ความดันเลือด และอัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดที่เสื่อมถอยตามอายุ
  • ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อวัดได้จากการทดสอบแรงบีบมือ การทดสอบลุก-นั่ง และการทดสอบความแข็งแรงของขา มวลกล้ามเนื้อที่ลดลงเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของความเสื่อมตามวัย
  • ความยืดหยุ่นของร่างกายประเมินจากการทดสอบการเคลื่อนไหวของข้อต่อและกล้ามเนื้อ เช่น การนั่งงอตัว ความยืดหยุ่นที่ลดลงมักพบในผู้ที่มีอายุทางชีวภาพสูง

วิธีลด Biological Age

การชะลออายุทางชีวภาพสามารถทำได้หลายวิธี โดยต้องดูแลทั้งจากภายในและภายนอก ดังนี้

 

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

  • การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นพื้นฐานสำคัญในการชะลอวัย การศึกษาพบว่าการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 สูง สามารถชะลอการเสื่อมของเซลล์และลดการเปลี่ยนแปลงทาง Epigenetic ที่เกี่ยวข้องกับความชรา
  • การออกกำลังกายสม่ำเสมอช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และการฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายแบบผสมผสานทั้งแอโรบิกและการเสริมสร้างกล้ามเนื้ออย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ สามารถชะลอความเสื่อมของเซลล์และรักษาประสิทธิภาพการทำงานของร่างกาย
  • การพักผ่อนให้เพียงพอโดยการนอนหลับ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ การนอนหลับที่มีคุณภาพยังช่วยควบคุมการทำงานของยีนผ่านกระบวนการ Epigenetic ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบและความเครียดออกซิเดชัน
  • การจัดการความเครียดผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรืองานอดิเรก ช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่เร่งความเสื่อมของเซลล์ การศึกษาพบว่าการจัดการความเครียดที่ดีสามารถชะลอการเปลี่ยนแปลงทาง Epigenetic ที่เกี่ยวข้องกับความชรา

 

การดูแลผิวพรรณ

  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการชะลอวัย อย่าง Epicelline ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดจากงานวิจัยของ Eucerin หลังจากการวิจัยเกี่ยวกับ Epigenetics อย่างต่อเนื่องกว่า 15 ปี ช่วยชะลอความร่วงโรยของผิว ทั้งริ้วรอย หน้าเหี่ยว ผิวไม่กระชับ และผิวที่ดูแห้งไม่ชุ่มชื้น ทำให้ผิวหน้ากระชับและดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงได้ใน 4 สัปดาห์
  • การป้องกันผิวจากรังสี UV มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากรังสี UV เป็นสาเหตุหลักของริ้วรอยก่อนวัย การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 และมีการป้องกันรังสี UVA ช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงทาง Epigenetic ที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • การรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ผิว การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น กรดไฮยาลูโรนิก และเซราไมด์ ช่วยให้ผิวแข็งแรงและต้านทานต่อความเสื่อม

ความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Chronological Age และ Biological Age มีความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพและชะลอวัย แม้ว่า Chronological Age จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่เราสามารถชะลอ Biological Age ได้ผ่านการดูแลสุขภาพที่ดีและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

อ้างอิง:

  1. Horvath, S. (2013). DNA methylation age of human tissues and cell types. Genome Biology.
  2. Bormann et al. (2016). Reduced DNA methylation patterning and transcriptional connectivity define human skin aging.
  3. Gronniger et al. (2010). Aging and chronic sun exposure cause distinct epigenetic changes in human skin.
  4. Raddatz et al. (2013). Aging is associated with highly defined epigenetic changes in the human epidermis.
  5. Weinhold, B. (2006). Epigenetics: The Science of Change. Environmental Health Perspectives.

บทความเกี่ยวข้อง

คุณอาจจะสนใจสิ่งเหล่านี้