ทำความรู้จักสภาพขอกับผิวหน้า – ประเภทของผิว และสภาพผิวหน้า

อ่านแล้ว 2 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

โดยพื้นฐานนั้นสามารถแบ่งประเภทของผิว ได้เป็น 4 ประเภท คือ ผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวมัน และผิวผสม ประเภทของผิวนั้นถูกกำหนดด้วยพันธุกรรม อย่างไรก็ตามสภาพของผิวคนเรา ยังมีความแตกต่างกันได้อีก ทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยภายในอื่นๆ
รวมถึงปัจจัยภายนอกที่แวดล้อมแต่ละบุคคล

เข้าใจถึงประเภทของผิว 4 ประเภท: ผิวธรรมดา ผิวแห้ง ผิวมัน และผิวผสม

Attention

ถ้าคุณต้องการเครื่องมือที่จะช่วยบ่งบอกว่าผิวของคุณเป็นผิวประเภทไหน เครื่องมือหนึ่งที่จะเป็นประโยขน์มาก คือ แบบทดสอบสภาพผิว(Skin Test) และถ้าคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมในการดูแลผิวที่ถูกต้องและเหมาะกับสภาพผิวของคุณ เราขอแนะนำให้คุณปรึกษาเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนังจากยูเซอริน (Eucerin)

ผิวธรรมดา คือผิวที่มีความสมดุล: ไม่มันหรือแห้งจนเกินไป

ผิวธรรมดา (Normal Skin)
“ผิวธรรมดา” เป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย บ่งบอกถึงผิวที่มีความสมดุล คือไม่แห้งจนเกินไป และ ไม่มันจนเกินไป หรือในทางวิทยาศาสตร์ใช้คำว่า “eudermic” แทนผิวที่มีสุขภาพดี

ผิวแห้งจะให้ความรู้สึกแน่น หยาบกร้าน และดูหมองคล้ำ

ผิวแห้ง (Dry Skin)
“ผิวแห้ง” ใช้เพื่ออธิบายสภาพผิวที่ก่อให้เกิดความมันน้อยกว่าผิวธรรมดา อันเป็นผลมาจากการขาดความมัน, ผิวแห้ง ขาดกรดไขมันที่จำเป็นในการรักษาความชุ่มชื้น และสร้างเกราะป้องกันผิวจากสิ่งกระทบจากภายนอก ผิวแห้งจะให้ความรู้สึกแน่น หยาบกร้านและดูหมองคล้ำ

ผิวมันจะมีลักษณะ เงา มัน และมองเห็นรูขุมขนได้ชัดเจน

ผิวมัน (Oily Skin)
“ผิวมัน” ใช้เพื่ออธิบายสภาพผิวที่มีการผลิตความมันในปริมานที่มากเกินไป หรือที่เรียกว่า seborrhea
“ผิวมัน” จะมีลักษณะ เงา มัน และสามารถมองเห็นรูขุมขนได้ชัดเจน

ในผู้ที่ผิวผสมสภาพผิวจะมีความแตกต่างกันในบริเวณที่เป็น ที-โซน (T-zone) และบริเวณแก้ม

ผิวผสม (Combination Skin)
ผิวผสม บ่งบอกถึงผิวที่ประกอบด้วยประเภทของผิวมากกว่าหนึ่งประเภทอยู่ด้วยกัน

ผิวธรรมดา

ผิวธรรมดา คือ?

“ธรรมดา” เป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย บ่งบอกถึงผิวที่มีความสมดุล ในทางวิทยาศาสตร์ใช้คำว่า “eudermic” แทนผิวที่มีสุขภาพดี 
บริเวณ T-zone (หน้าผาก, คาง และ จมูก) อาจมีความมันได้เล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วความมัน และควาชุ่มชื้นจะมีความสมดุลกัน และผิวจะต้องไม่มันหรือแห้งจนเกินไป

เราจะทราบได้อย่างไรว่าเป็นผิวธรรมดา ?

ความนุ่มลื่น และเรียบเนียนเป็นสัญญาณที่แสดงถึงสุขภาพผิวที่ดี และเปล่งประกาย

ลักษณะของผิวธรรมดา: 

  • มีรูขุมขนขนาดเล็ก 
  • มีการไหลเวียนโลหิตที่ดี 
  • ผิวนุ่มและเรียบเนียน
  • ผิวมีความสดชื่น สีอมชมพู ไม่หมองคล้ำ 
  • ปราศจากสิว 

และไม่มีแนวโน้มไวต่อสิ่งแวดล้อมภายนอก 

คนที่มีผิวธรรมดาในช่วงอายุหนึ่ง ผิวอาจเปลี่ยนเป็นผิวแห้งกร้านได้ เมื่อมีอายุมากขึ้น

ผิวแห้ง

ผิวแห้ง คือ?

“ผิวแห้ง” ใช้เพื่ออธิบายสภาพผิวที่ก่อให้เกิดความมันน้อยกว่าผิวธรรมดา อันเป็นผลมาจากการขาดความมัน, ผิวแห้ง ขาดกรดไขมันที่จำเป็นในการรักษาความชุ่มชื้น และสร้างเกราะป้องกันผิวจากสิ่งกระทบจากภายนอก นำไปสู่ความบกพร่องของเกราะคุ้มกันผิวตามธรรมชาติ ผิวแห้ง (Xerosis) มีระดับความรุนแรง และอาจมีรูปแบบที่แตกต่างกัน บางครั้งก็ไม่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนเสมอไป 

ปัญหาผิวแห้งนั้นพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอย่างมีนัยสำคัญ และผิวมีแนวโน้มที่จะแห้งมากขึ้น ตามอายุที่เพิ่มขึ้น ปัญหาผิวที่มีความสัมพันธ์กับสภาพผิวแห้งพบได้บ่อย และผู้ที่ประสบปัญหาดังกล่าวถึง 40% ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ

สาหตุของผิวแห้ง

ความรู้สึกถึงผิวที่แน่นตึง และหยาบมักบ่งบอกถึงผิวแห้ง
ผู้หญิงสูงวัยที่มีสภาพผิวแห้ง จะปรากฎริ้วรอยลึก และริ้วรอยตื้นได้ชัดเจนกว่า

ความชุ่มชื้นของผิวนั้น เป็นผลมาจากปริมานน้ำในผิวชั้นลึก และการสูญเสียน้ำ(เหงื่อ)

ผิวจะมีการสูญเสียน้ำผ่าน:

  • เหงื่อ: การสูญเสียน้ำจากต่อมเหงื่อเกิดจาก ความร้อน ความเครียดและกิจกรรม 
  • การสูญเสียน้ำผ่านทางช่องว่างระหว่างเซลล์ผิวหนัง(TEWL: Trans-epidermal water loss): ตามธรรมชาติน้ำจากผิวชั้นลึกจะถูกแพร่กระจายสู่ผิวหนังชั้นบน(Epidermis) ประมาณวันละครึ่งลิตร 

ผิวแห้งมีสาเหตุมาจากการขาด: 

ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งเกราะปกป้องผิวตามธรรมชาติก็จะไม่แข็งแรงถูกบุกรุกจากปัจจัยภายนอกได้ง่าย

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ผิวธรรมดา

การจำแนกระดับความรุนแรงของผิวแห้ง

ผิวแห้ง (Dry Skin) ช่วงของผิวแห้งมีตั้งแต่ระดับที่แห้งเล็กน้อยจนถึงผิวธรรมดา จนถึงผิวที่แห้งมาก ถึงผิวแห้งมากลอกแตกเป็นขุย ความแตกต่างของระดับความรุนแรก สามารถจำแนกโดยทั่วไปได้ดังนี้

ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกสามารถทำให้ความสามารถในการรักษาความชุ่มชิ้นของผิวหนังเสียสมดุลได้
บริเวณฝ่าเท้ามีแนวโน้มที่จะแห้ง และแตกลอก

ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น (Dry Skin)

ผิวแห้งแตก ลอกเป็นขุย (Extremely dry skin) 
พบในบางพื้นที่ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มือ เท้า ข้อศอก และหัวเข่า -มีแนวโน้มที่: 
  • เกิดความหยาบกร้าน 
  • มีรอยแตกของผิวปรากฎชัดเจน 
  • ผิวหนังด้าน
  • ผิวลอกเป็นขุย
  • มีอาการคันบ่อย 

ผิวแห้งมากมักจะพบมากที่สุดในผู้สูงอายุ หรือบริเวณมือที่มีการขาดน้ำอย่างรุนแรง อ่านเพิ่มเติมใน ผิวหยาบกร้าน และแห้งแตก

ผิวมัน (Oily Skin)

ผิวมัน คือ?

“ผิวมัน” ใช้เพื่ออธิบายสภาพผิวที่มีการผลิตความมันในปริมานที่มากเกินไป หรือที่เรียกว่า seborrhea

สาหตุของผิวมัน

ผิวมันมีแนวโน้มที่เป็นสิวร่วมด้วย

ปัจจัยที่มีผลต่อการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป

  • พันธุศาสตร์
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และความไม่สมดุลขอฮอร์โมน 
  • ยา 
  • ความตึงเครียด 
  • เครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการอุดตัน และระคายเคือง

เราจะทราบได้อย่างไรว่าเป็นผิวมัน ?

ผิวมันสามารถพิจารณาได้จากรูขุมขนที่มีขนาดใหญ่และมองเห็นได้ชัดเจน
ความกังวลเกี่ยวกับการเกิดสิวมักจะเกิดขึ้นในบริเวณ T-Zone โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยรุ่น

ผิวมันมีลักษณะดังต่อไปนี้: 

  • รูขุมขนกว้างมองเห็นได้อย่างชัดเจน 
  • ผิวเงา มันวาว
  • ผิวดูหนา อาจมองเห็นเส้นเลือดไม่ชัดเจน

ผิวมันมีแนวโน้มที่จะเกิดสิวอุดตัน (Comedones; สิวหัวดำและสิวหัวขาว) รวมถึงสิวประเภทอื่นๆ  

ในกรณีที่เป็นสิวระดับไม่รุนแรง (Mild Acne) จะพบสิวอุดตัน(Comedones) ปรากฏบนใบหน้า และบ่อยครั้งที่คอไหล่หลัง และหน้าอก

ในกรณีที่เป็นสิวในระดับปานกลาง (Moderate Acne) และสิวรุนแรง(Severe Acne) จะพบสิวอักเสบขนาดเล็กที่ไม่มีหัวสีขาวหรือสีดำ(ที่เรียกว่า “Papules”) และ สิวขนาดกลางที่มีจุดสีขาว หรือสีเหลืองเห็นได้ชัดเจนที่จุดศูนย์กลาง(ที่เรียกว่า “Pustules”) ปรากฏขึ้น และผิวจะกลายเป็นสีแดง เนื่องจากมีการอักเสบเกิดขึ้น

อ่านเพิ่มในเรื่อง สิว

ผิวผสม (Combination Skin)

ผิวผสมคือ ?

ผิวมันบริเวณ T-Zone (หน้าผากคางและจมูก) และผิวแห้งบริเวณแก้มบ่งบอกถึงผิวผสม

ในผิวผสมสภาพผิวจะมีความแตกต่างกันในบริเวณที่เป็น T-zone และ บริเวณแก้ม

ลักษณะของผิวผสมจำแนกได้จาก:

  • มันบริเวณทีโซน (หน้าผากคางและจมูก) 
  • รูขุมขนขยายใหญ่ขึ้นในบริเวณนี้อาจจะมีสิ่งสกปรกอุดตัน
  • ปกติบริเวณแก้มจะแห้ง

สาเหตุของผิวผสม

บริเวณที่มีผิวมันของผิวผสม เกิดจากการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป ส่วนบริเวณที่ผิวแห้งเกิดจากการขาดน้ำมัน และสมดุลไขมันผิดปกติ

การประเมินประเภทของผิว และสภาพผิว (Evaluation skin type and condition)

ประเภทของผิวที่ไม่เหมือนกัน รวมถึงสภาพผิวสามารถแตกต่างกันได้มากในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต ปัจจัยภายในและภายนอกหลายอย่างที่เป็นตัวกำหนดสภาพผิว ได้แก่ สภาพภูมิอากาศ มลพิษ ยา ความเครียด รวมถึงปัจจัยทางพันธุกรรม ที่มีผลต่อระดับของความมัน เหงื่อและปัจจัยความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิว เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่แต่ละบุคคลเลือกใช้จึงควรเลือกให้ตรงกับสภาพผิว  

แพทย์ผิวหนังและผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวอื่น ๆ จำแนกประเภทผิวของบุคคลโดยวัดจากปัจจัยต่อไปนี้

การใช้ผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยสามารถช่วยลดการเกิดริ้วรอยได้
B-resorcinol สารสำคัญหลักในผลิตภัณฑ์ Eucerin EVEN BRIGHTER สามารถลดการเกิดจุดด่างดำได้

สัญญาณของริ้วรอย 
ประเภทผิวสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในช่วงชีวิตของเรา ผู้ที่มีสภาพผิวมันในช่วงวัยรุ่น อาจพบได้ว่าผิวของพวกเขากลายเป็นผิวแห้งหลังพ้นช่วงวัยรุ่น และผู้ที่มีสภาพผิวปกติอาจพบได้ว่าผิวกลับแห้งขึ้นเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น 

ในทุกอายุของผิวแต่ละประเภท ผิวสามารถสูญเสียความยืดหยุ่นและความหนาแน่นได้ เกิดเป็นริ้วเล็กๆ และริ้วรอยปรากฏขึ้น รวมถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี การทำความเข้าใจและการสังเกตุสัญญาณของริ้วรอยเหล่านี้จะช่วยให้เราตรวจสอบสภาพผิวของเราได้ อ่านเพิ่มเติมใน Skin ageing 

สีผิว 
สีผิวและเชื้อชาติมีอิทธิพลต่อวิธีการที่ผิวของเราตอบสนองต่อปัจจัยภายนอก เช่นแสงแดด, ความผิดปกติของการสร้างเม็ดสี, การระคายเคือง และการอักเสบ สีผิวพื้นฐานจะถูกกำหนดโดยความหนาแน่นของชั้นหนังกำพร้า และการกระจายของ เมลานิน อ่านเพิ่มเติมใน skin ethnics

นอกจากนี้สีแดงของผิวยังเป็นประโยชน์ในการบ่งบอกสภาพผิว แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของการไหลเวียนเลือด และช่วยในการระบุสภาวะบางอย่างเช่น ผิวผื่นแดง (Couperose) และ โรคหน้าแดง (โรซาเซีย: Rosacea)

สำหรับผู้ที่มีผิวมัน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมเป็นประจำทุกวัน

ความมันและเหงื่อ
ปริมาณของไขมันที่ผลิตจากต่อมไขมันใต้ผิว ควบคุมประสิทธิภาพของกลไกการปกป้องผิว และเป็นผลของสภาพผิวที่แตกต่าง การผลิตน้ำมันที่มากเกินไปจะนำไปสู่ผิวมันเป็นสิวได้ง่าย ในขณะที่การผลิตน้ำมันน้อยเกินไปก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวแห้ง 

ปริมาณของไขมันที่ผลิตจากต่อมไขมันใต้ผิว ควบคุมประสิทธิภาพของกลไกการปกป้อง และเป็นผลของสภาพผิวที่แตกต่าง การผลิตน้ำมันที่มากเกินไปจะนำไปสู่ผิวมันเป็นสิวได้ง่าย

ปัจจัยความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ (NMFs: Natural moisturising factors)
ในผิวสุขภาพผิวจะมีการผลิต NMFs ตามธรรมชาติ เช่น กรดอะมิโน ช่วยในการดึงน้ำเข้าสู่ผิว รักษาความยืดหยุ่น ความอ่อนนุ่มและป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง เมื่อกลไกปกป้องผิวได้รับความเสียหาย ผิวก็จะไม่สามารถรักษาปัจจัยชุ่มชื้นตามธรรมชาติ (NMFs) ไว้ได้ ดังนั้นความชุ่มชื้นในผิวจึงลดลง และสภาพของผิวจึงเปลี่ยนแปลงไป

ความไวผิว 
ผิวแพ้ง่าย เป็นผิวที่ระคายเคืองได้ง่าย และไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าผิวปกติ สามรถประเมินได้จากอาการต่อไปนี้ เช่น อักเสบแดง, มีผื่นขึ้น, มีอาการคัน และลักษณะผิวไหม้ อาการเหล่านี้ใช้ช่วยในการตรวจสอบสภาผิว

บทความเกี่ยวข้อง