วิธีดูแลรักษาผื่นขึ้นหน้า ผื่นคันแดงบนใบหน้าให้หายขาด

อ่านแล้ว 2 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม
ผื่นขึ้นหน้า

ผื่นขึ้นหน้า ผื่นคัน ผื่นแดงที่ใบหน้า เป็นปัญหาที่พบบ่อยในปัจจุบัน อาจมีสาเหตุจากหลายปัจจัยเป็นตัวกระตุ้น เนื่องจากผิวหนังบริเวณใบหน้ามีโอกาสสัมผัสสารต่างๆ จำนวนมาก เช่น มลภาวะ สิ่งสกปรก สัมผัสสิ่งของที่ทำให้ระคายเคือง หรืออาจเกิดจากผิวหน้าไม่แข็งแรง นอกจากนี้ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เช่น การทำความสะอาดผิวหน้าไม่ดีพอ การใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอางก็สามารถทำให้พบผื่นแดงที่หน้าได้บ่อยเช่นกัน


ทำความรู้จักกับผื่นขึ้นหน้า ผื่นคันแดงที่หน้า คืออะไรฦ

ผื่นขึ้นหน้า (Rash) คือ อาการทางผิวหนังชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะบวมและระคายเคืองเป็นบริเวณกว้าง ผื่นขึ้นหน้าที่เกิดขึ้นบ่อยบริเวณผิวหน้าก็คือ ผื่นแดง มีลักษณะเป็นผื่นแดงเล็กๆ คล้ายผด หรือเป็นแถบ ปื้นแตกต่างกันออกไป เวลาลูบจะรู้สึกสากที่ผิวหน้า อาจมีอาการแสบ ระคายเคือง หน้าแดง แสบหน้า ไวต่อแสงแดดและเหงื่อร่วมด้วย ซึ่งบางคนที่เป็นผื่นแดงอาจมีอาการคันยุบยิบที่ผิวหน้า หรืออาจไม่มีอาการคันขึ้นอยู่กับประเภทของผื่น นอกจากนี้อาการคัน ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากผิวที่แห้งมาก ขาดความชุ่มชื้น และในบางรายแม้ว่าจะใช้ครีมบำรุงแล้วอาการคันก็ไม่ได้หายไป ซึ่งการดูแลรักษาเบื้องต้นอาจลองหยุดใช้เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าทำให้เกิดผื่นขึ้นหน้า เพียงเท่านี้ก็จะช่วยบรรเทาอาการผื่นขึ้นหน้าเบื้องต้นได้

สาเหตุการเกิดผื่นขึ้นหน้าเป็นผื่นแดง แห้ง

สาเหตุของการเกิดผื่นขึ้นหน้า ผื่นแดง แห้ง คัน บนใบหน้า เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ผิวหนังหลายชนิด รวมถึงมลภาวะที่สัมผัสผิวหนังของเรา ที่พบบ่อยได้แก่

 

ปัจจัยภายนอก (External Factors):

  • สารก่อภูมิแพ้ (Allergens) และสารระคายเคือง (Irritants):
    • เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว: น้ำหอม, สารกันเสีย (เช่น พาราเบน, ฟอร์มาลดีไฮด์), สี, แอลกอฮอล์, สารผลัดเซลล์ผิวบางชนิด (เช่น AHA, BHA ในความเข้มข้นสูง), หรือส่วนผสมเฉพาะที่ร่างกายตอบสนองผิดปกติ
    • ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม: แชมพู, ครีมนวด, สเปรย์จัดแต่งทรงผม ที่อาจไหลมาสัมผัสผิวหน้า
    • สารเคมีในชีวิตประจำวัน: สบู่, ผงซักฟอก, น้ำยาปรับผ้านุ่ม (จากการสัมผัสหมอนหรือผ้าเช็ดหน้า)
    • โลหะ: นิกเกิล (ในเครื่องประดับ, กรอบแว่น), โครเมียม
    • พืชบางชนิด: เช่น ยางจากพืชบางชนิด
  • ปัจจัยสิ่งแวดล้อม:
    • มลภาวะ: ฝุ่น PM2.5, ควันบุหรี่, ไอเสียรถยนต์ สามารถทำลายเกราะป้องกันผิวและกระตุ้นการอักเสบ
    • สภาพอากาศ: อากาศร้อนจัดทำให้เหงื่อออกมาก อากาศเย็นและแห้งทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น
    • แสงแดด (UV Radiation): ทำให้ผิวอ่อนแอ เกิดผื่นแพ้แสง หรือทำให้ผื่นบางชนิดแย่ลง
  • การเสียดสีหรือการสัมผัส:
    • การใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน: ทำให้เกิดความอับชื้นและการเสียดสี
    • การสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ: โดยเฉพาะเมื่อมือไม่สะอาด
  • การติดเชื้อ:
    • เชื้อรา: เช่น เชื้อยีสต์ Malassezia (เกี่ยวข้องกับเซ็บเดิร์ม หรือสิวผดจากเชื้อรา)
    • แบคทีเรีย: เช่น Staphylococcus aureus (อาจทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำเติมในผื่นภูมิแพ้)
    • ไวรัส: เช่น Herpes simplex (เริม), Varicella-zoster (อีสุกอีใส/งูสวัด)

 

ปัจจัยภายใน (Internal Factors):

  • พันธุกรรมและระบบภูมิคุ้มกัน:
    • โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis): มักมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ เช่น หอบหืด แพ้อากาศ
    • ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ: อาจโจมตีเซลล์ผิวหนังตัวเอง
  • โรคผิวหนังบางชนิด:
    • โรคผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมัน (Seborrheic Dermatitis - เซ็บเดิร์ม): สัมพันธ์กับการทำงานของต่อมไขมันและเชื้อรา Malassezia
    • โรคโรซาเชีย (Rosacea): เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของหลอดเลือดและการอักเสบ
    • โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis): พบน้อยกว่าที่หน้า แต่ก็สามารถเกิดได้
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: เช่น ช่วงมีประจำเดือน, ตั้งครรภ์, วัยหมดประจำเดือน
  • ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ: ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและกระตุ้นการอักเสบ
  • อาหาร: ในบางราย อาหารบางชนิดอาจกระตุ้นให้ผื่นแย่ลงได้ (เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม, อาหารรสจัด) แต่ยังเป็นที่ถกเถียงและจำเพาะต่อบุคคล
  • ยาบางชนิด: อาจทำให้เกิดผื่นแพ้ยา
สาเหตุของผื่นขึ้นหน้า ผื่นแดงคัน

ลักษณะของผื่นแดงบนใบหน้า

ประเภทของผื่นที่หน้า ลักษณะอาการ บริเวณที่พบบ่อย
ผื่นผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมัน หรือเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) เป็นผื่นแดง คัน มีขุย พบมากบริเวณข้างจมูก คิ้ว ใบหู และหนังศีรษะมีรังแค ข้างจมูก, คิ้ว, หัวไรผม, หลังหู, หน้าอก, หนังศีรษะ (รังแค)
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) มีผิวแห้ง มีผื่นแดงคันบริเวณหน้า คอ ข้อพับแขนและขา พบในผู้ที่มีกรรมพันธุ์เป็นโรคภูมิแพ้ เช่น แพ้อากาศ คันตา หอบ หืด ใบหน้า (โดยเฉพาะแก้มในเด็ก), คอ, ข้อพับแขนขา
ผื่นแพ้สัมผัส / ผื่นระคายสัมผัส (Contact Dermatitis) มีผื่นแดง คันผิวหน้า อักเสบบริเวณที่สัมผัสกับสารที่แพ้ มักมีอาการหลังใช้เครื่องสำอางหรือสารที่แพ้ประมาณ 2 สัปดาห์ ถึง 3 เดือน
ชนิดระคายเคือง (Irritant): แสบ แดง แห้ง ลอก เกิดหลังสัมผัสสารระคายเคืองไม่นาน (นาที-ชั่วโมง)
ชนิดภูมิแพ้ (Allergic): คันมาก แดง มีตุ่มน้ำใส อาจเกิดหลังสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ 24-72 ชั่วโมง หรือนานเป็นสัปดาห์/เดือน หากสัมผัสซ้ำๆ
บริเวณที่สัมผัสสารโดยตรง เช่น รอบดวงตาจากอายแชโดว์, แก้มจากครีม, ริมฝีปากจากลิปสติก
ผื่นผิวหนังอักเสบชนิดโรซาเชีย (Rosacea) พบมากในคนผิวขาว จะมีอาการหน้าแดง ตุ่มแดงอักเสบ ตุ่มหนอง หลอดเลือดฝอยขยายที่บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะเมื่อโดนความร้อน แสงแดด หรือดื่มแอลกอฮอล์ กลางใบหน้า เช่น แก้ม จมูก คาง หน้าผาก
ผื่นลมพิษ (Urticaria) ผื่นนูนแดงเป็นวงหรือปื้นคล้ายยุงกัด คันมาก ผื่นแต่ละจุดมักหายไปภายใน 24 ชั่วโมง แต่ก็อาจมีผื่นใหม่ขึ้นบริเวณอื่นได้ เกิดได้ทั่วใบหน้าและร่างกาย
สิวผด หรือ ผื่นคล้ายสิว (Acneiform Eruptions) ตุ่มแดงเล็กๆ หรือตุ่มหนองคล้ายสิว แต่ไม่มีลักษณะของสิวอุดตัน (comedones) อาจเกิดจากเชื้อรา (Malassezia folliculitis) หรือการตอบสนองต่อยาบางชนิด หน้าผาก, กรอบหน้า, หน้าอก, หลัง ส่วนใหญ่บริเวณที่มีต่อมไขมันมาก
ผื่นแพ้แสง (Photodermatitis) ผื่นแดง คัน หรือมีตุ่มน้ำ เกิดหลังสัมผัสแสงแดด อาจเกิดจากปฏิกิริยาต่อยาหรือสารเคมีบางชนิดร่วมกับแสงแดด บริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง เช่น หน้าผาก โหนกแก้ม สันจมูก แขน ขา

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ?

แม้ว่าผื่นบางชนิดอาจดูแลให้หายได้เอง แต่มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าคุณควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง:

  • ผื่นเกิดขึ้นเฉียบพลันและลุกลามอย่างรวดเร็ว
  • มีอาการรุนแรง เช่น คันมากจนนอนไม่หลับ, เจ็บปวด, มีตุ่มน้ำพองขนาดใหญ่, ผิวหนังบวมมาก
  • มีอาการทางระบบร่วมด้วย เช่น มีไข้, ต่อมน้ำเหลืองโต, ปวดข้อ
  • ผื่นไม่ดีขึ้นหรือไม่หายภายใน 1-2 สัปดาห์ แม้จะดูแลตนเองเบื้องต้นแล้ว
  • สงสัยว่าแพ้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้
  • ผื่นส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือความมั่นใจอย่างมาก
  • ไม่แน่ใจว่าผื่นที่เกิดขึ้นคืออะไร หรือดูแลอย่างไรให้ถูกต้อง

วิธีรักษาผื่นขึ้นหน้า ผื่นแดงคันบนใบหน้า

1. หาสาเหตุและหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดผื่นแพ้บนใบหน้า

ควรดูส่วนประกอบว่ามีสารตัวไหนที่ไม่เคยเจอมาก่อนในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพราะใบหน้าอาจแพ้สารตัวนั้นจนเป็นผื่น นอกจากนี้แม้จะเป็นครีมบำรุงผิวที่ใช้อยู่เป็นประจำก็ควรหยุด เพราะสารต่างๆ อาจไปขัดขวางการรักษาอาการแพ้ ดังนั้นเพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นควรหยุดใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทุกชนิดทันที

 

2. ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว

เพราะใบหน้าที่มีอาการแพ้จนเป็นผื่น บริเวณผิวหน้าจะระคายเคืองง่ายมาก จึงทำให้หลายคนเกิดคำถามว่าหน้าเป็นผื่นคันใช้อะไรดีสำหรับการทำความสะอาดผิว เราขอแนะนำว่าควรทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ช่วยรักษาสมดุลผิวให้อยู่ที่ pH 5 เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อให้ผิวแข็งแรง ไม่ไวต่อการระคายเคือง

 

3. งดเว้นการพอกหน้า การมาส์ก เพื่อป้องกันการรบกวนผิว

ควรงดกิจกรรมที่จะเป็นการรบกวนใบหน้าของเราให้มากที่สุด เช่น การมาส์กหน้า มักจะทำให้ผิวแห้งมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง แพ้หนักมากขึ้น




วิธีรักษาผื่นแพ้บนใบหน้า ผื่นขึ้นหน้า

4. ควรพบแพทย์เพื่อการรักษาผื่นขึ้นหน้า ผื่นแดงคัน ที่ถูกต้อง

ทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังด้วยวิธีปิดสารทดสอบบนผิวหนัง (Patch test) โดยนำผลิตภัณฑ์ที่สงสัยว่าทำให้เกิดผื่นแดงบนใบหน้ามาทดสอบด้วยการใช้ครีมบำรุงสูตรเฉพาะ : ซึ่งสำหรับผู้มีปัญหาผิวแห้ง ผื่นขึ้นหน้า ผื่นแดง คัน จากผิวที่มีแนวโน้มเป็นผื่นภูมิแพ้และผิวที่ระคายเคืองง่าย ควรใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมช่วยปลอบประโลมผิว ลดการระคายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีนวัตกรรมช่วยฟื้นบำรุงผิว

 

การป้องกันผื่นขึ้นหน้า ผื่นแดงคันบนใบหน้า

การป้องกันผื่นขึ้นหน้า สิ่งสำคัญคือการเสริมความแข็งแรงและความชุ่มชื้นให้กับผิว อย่างการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว

เจลล้างหน้า : ผลิตภัณฑ์ pH5 SENSITIVE SKIN FACIAL CLEANSER สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน พร้อมกักเก็บความชุ่มชื้นและปรับสมดุลให้ผิวหน้าด้วย pH Balance System ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิว ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง พาราเบน น้ำหอม และแอลกอฮอล์

ครีมบำรุงผิวหน้า : ผลิตภัณฑ์ Omega Balm เป็นโอเมก้า ออยล์ ผสานสารสกัดจากธรรมชาติ ลิโคชาลโคน เอ (Licochalcone A) มีประสิทธิภาพในการฟื้นบำรุงผิวที่ถูกทำร้าย ลดอาการเห่อแดง คันและคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ทั้งยังเป็นสูตรอ่อนโยนสามารถใช้แม้เป็นผิวไวต่อการระคายเคืองจนถึงผิวเด็ก

เสริมเกราะปกป้องผิว : ผลิตภัณฑ์ UltraSENSITIVE Repair Cream มีสารสำคัญที่ช่วยลดปัญหาผิวระคายเคืองที่เกิดจากปัญหาผิวแห้งระคาย แดง แสบหน้า ผิวแห้งคันบนใบหน้า มีสัมผัสเป็นเนื้อครีมเข้มข้น ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น แต่ไม่เหนอะหนะและไม่อุดตันผิว เบาสบายทันทีที่ใช้ มาพร้อมนวัตกรรมฟื้นบำรุงและเสริมเกราะปกป้องผิวกลับมาแข็งแรง อย่าง Barrier Repair Inovation ที่ผสานสารสกัดอย่าง Symsitive, Licochalcone A และ Dexpanthenol ช่วยลดการระคายเคือง แสบ คัน ใบหน้า ภายใน 2 ชั่วโมง ทำให้ผิวหน้าเรียนเนียนใสสุขภาพดี พร้อมเผชิญทุกสภาวะทำร้ายผิว

ผื่นขึ้นหน้า ผื่นแดงคัน หน้าแห้ง เกิดได้จากหลายสาเหตุ เราสามารถรักษาและป้องกันได้ด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่างๆ ทั้งมลภาวะ สิ่งสกปรก รวมไปถึงการใช้ผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ฟื้นบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาผิวที่เกิดผื่นแดง คัน ซึ่งทำให้หน้าแห้ง เพื่อผิวหน้าแข็งแรงปราศจากผื่นแดงมากวนใจ

 

เอกสารอ้างอิง

https://www.healthline.com/health/rashes

https://www.si.mahidol.ac.th/sirirajdoctor/article_detail.aspx?ID=920

https://www.aad.org/public/everyday-care/skin-care-secrets/face/facial-redness

https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/17413-rashes-red-skin

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ผื่นขึ้นหน้า (4)

  • ผื่นขึ้นที่หน้ารักษายังไง

    หาสาเหตุและหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดผื่นแพ้บนใบหน้า ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว หากมีอาการที่รุนแรงควรพบแพทย์เพื่อการรักษาผื่นขึ้นหน้า ผื่นแดงคัน ที่ถูกต้อง

  • เป็นผื่นที่หน้ากี่วันหาย

    ผื่นขึ้นหน้าอาจมีหลายสาเหตุ โดยแต่ละสาเหตุของผื่นขึ้นหน้าอาจแตกต่างกัน

    • อย่างผื่นจากการแพ้ มักจะหายเร็วภายใน 2-3 วัน
    • ผื่นจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มักจะหายภายใน 7-10 วัน
    • ผื่นจากการติดเชื้อรา มักจะหายภายใน 2-4 สัปดาห์
    • ผื่นจากโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง อาจจะใช้เวลานานกว่า 4 สัปดาห์ หรืออาจเรื้อรัง

    แต่หากมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องของแต่ละบุคคล

  • ผื่นขึ้นหน้าอันตรายไหม

    โดยทั่วไป ผื่นขึ้นหน้า มักจะไม่เป็นอันตราย แต่บางกรณีอาจจะอันตราย เมื่อผื่นมีอาการรุนแรง ลุกลาม เกิดแผล มีไข้ อ่อนเพลีย หายใจลำบาก กลืนลำบาก ผื่นไม่ดีขึ้นหลังจากลองรักษาด้วยตัวเองแล้ว ควรรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

  • ผื่นแพ้ กับ สิวผด ต่างกันอย่างไร

    ผื่นแพ้มักมีอาการคัน แดง อาจมีตุ่มน้ำใสหรือผิวลอกเป็นขุย เกิดจากปฏิกิริยาต่อสารก่อภูมิแพ้หรือสารระคายเคือง ส่วนสิวผดมักเป็นตุ่มเล็กๆ สีเดียวกับผิวหนังหรือแดงเล็กน้อย อาจมีอาการคันบ้าง ไม่มีหัวสิวอุดตันแบบสิวทั่วไป มักสัมพันธ์กับความร้อน เหงื่อ หรือเชื้อราบางชนิด การแยกที่ชัดเจนอาจต้องให้แพทย์ช่วยวินิจฉัย

บทความเกี่ยวข้อง

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง