รังสี UVA,UVB คืออะไร? ให้ประโยชน์ หรือส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวหนังอย่างไร?

อ่านแล้ว 1 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม
แสงแดด

แสงแดดมีประโยชน์ต่อผิวหนัง เพราะกระตุ้นให้ผิวหนังสังเคราะห์วิตามินดี และช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น แต่การเผชิญกับแสงแดดเป็นระยะเวลานานและไม่มีการปกป้องผิวที่ดีอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังได้ เช่น การเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ หรือเป็นโรคผิวหนังที่รุนแรง บทความนี้จะพาทุกคนไปเติมความรู้เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้ของแสงแดด รวมทั้งวิธีปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

แสงแดด รังสี UVA UVB กับผิวหนัง

แสงแดด ประกอบไปด้วยรังสีและแสงหลายชนิด มีคุณสมบัติและลักษณะที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งได้เป็น

 

แสงอินฟราเรด (infrared)

แสงอินฟาเรดหรือแสงที่ให้ความร้อน มีปริมาณ 50% ของแสงแดดทั้งหมด มีพลังงานต่ำกว่าแสงที่ให้ความสว่างจึงมีพลังงานต่ำที่สุด โดย Infrared A สามารถกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระได้ แต่ต้องใช้ปริมาณสูงมาก ทำให้ผิวแก่ก่อนวัย ย่อยสลายคอลลาเจน และเกิดรอยเหี่ยวย่นของผิวหนัง

 

แสงที่สามารถมองเห็นได้ (Visible light)

มีปริมาณ 45 % ของแสงแดดทั้งหมด มีพลังงานต่ำ แต่ถ้าได้รับเป็นเวลานานก็สามารถกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวคล้ำเสีย กระตุ้นฝ้าให้เข้มขึ้น หรือผิวเสื่อมจากแดดได้


uva uvb ยูวีเอ ยูวีบี

แสงที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า (Invisible light)

อัลตราไวโอเลต หรือรังสียูวี (UV) แม้ได้รับเพียงเล็กน้อยตอนแดดจัด ก็สามารถทำให้คอลลาเจนเสื่อมสภาพได้ อย่างไรก็ตาม แสงแดดสามารถทำร้ายผิวของเราได้ตลอดปี ไม่ว่าจะเป็นแดดอ่อนหรือแดดจัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและความเข้มของรังสียูวีในแสงแดด โดยรังสี UV แบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ

 

รังสียูวีเอ (UVA)

รังสียูวีเอ (UVA) คือ รังสีอัลตราไวโอเลตที่ยาวที่สุด ทะลุไปถึงชั้นผิวหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ได้ แต่หากได้รับรังสี UVA มากๆ จะทำให้สีผิวคล้ำ ขาดความสดใส เกิดอนุมูลอิสระในผิวหนัง ทำลายความยืดหยุ่นของเซลล์ ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอยก่อนวัย แถมรังสียูวีเอยังสามารถทะลุกระจกเข้ามาทำร้ายชั้นผิวได้อีกด้วย

 

รังสียูวีบี (UVB)

รังสียูวีบี (UVB) คือ รังสีอัลตราไวโอเลตที่มีความยาวคลื่นรองลงมา จะถูกกั้นโดยชั้นบรรยากาศบางส่วน และลงมาถึงผิวโลกประมาณร้อยละ 0.1 ของแสงทั้งหมด ไม่สามารถทะลุสู่ชั้นผิวหนังที่ลึกได้เท่ากับรังสี UVA แต่ก็มีผลทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น เกิดอาการแสบร้อน แดง และไหม้เกรียม ทำให้รู้สึกแสบผิวและเกิดรอยดำจากแดดได้ โดยเฉพาะช่วงเวลาตั้งแต่ 10.00-14.00 น. รังสีนี้จะมีความแรงสูงสุด

 

รังสียูวีซี (UVC)

รังสียูวีซี (UVC) เป็นรังสีที่มีช่วงความยาวคลื่นสั้นที่สุด เดิมทีโอโซนจะกรองรังสีนี้ไว้ได้ทั้งหมด แต่ปัจจุบันเนื่องจากมนุษย์ก่อมลพิษจนไปทำลายชั้นโอโซนให้บางลง รังสี UVC จึงทะลุชั้นโอโซนมายังพื้นโลกได้เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ยังมี แสงสีฟ้า (Blue Light or HEVIS light) ซึ่งเป็นแสงที่มีอยู่รอบตัวเราไม่ว่าจะเป็น การใช้งานโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ โดยจะไปทำปฏิกิริยากับผิวด้วยการเข้าไปสร้างสารอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวของเราเสื่อมเร็วมากขึ้น และยังทะลุเข้าชั้นผิวได้ลึกจนถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) หรือชั้นที่มีคอลลาเจน อีลาสตินด้วย ซึ่งแสงสีฟ้านี้จะไปกระตุ้นผิวให้เกิดจุดด่างดำ ฝ้า และทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลง สีผิวไม่สม่ำเสมอ ดังนั้น ไม่ว่าจะทำงานอยู่ในที่ร่ม ในตัวอาคารหรือห้องที่ปิดสนิท แต่คุณก็ยังต้องเผชิญแสง UV จากสิ่งเหล่านี้ จึงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ

 

ประโยชน์จากแสงแดด ต่อผิวหนัง

หลายคนอาจเข้าใจว่าแสงอาทิตย์มักให้โทษต่อผิวหนังมากกว่าให้ประโยชน์ แต่ในความเป็นจริงกลับมีข้อมูลที่ซับซ้อนยิ่งกว่านั้น เพราะมีวิจัยมากมายได้พูดถึงประโยชน์ของแสงแดดที่มีต่อผิวหนังและสุขภาพทั้งในทางตรงและทางอ้อม เช่น

 

เสริมวิตามินดี

การสัมผัสกับแสงแดดอย่างน้อย 15 นาทีต่อวัน จะช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีได้ผ่านการกระตุ้นจากรังสี UVB ซึ่งเป็นวิตามินที่มีหน้าที่ช่วยเสริมสร้างกระบวนการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส เสริมความแข็งแรงให้กระดูกและฟัน โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับวิตามินดี คือ ช่วงเวลา 6-8 โมงเช้า เนื่องจากแสงแดดจะไม่แรงมาก ทำให้ไม่เป็นอันตรายต่อผิว

 

นอกจากนี้ยังมีฮอร์โมนและสารสำคัญอื่นๆ ที่ร่างกายอาจได้รับ จากการที่ผิวสัมผัสกับแสงแดดและส่งผลประโยชน์ในแง่ของสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ แม้แสงอาทิตย์หรือรังสีUV จะไม่ใช่องค์ประกอบโดยตรงที่ทำให้เกิดประโยชน์ แต่เป็นปัจจัยร่วมที่อาจให้เกิดสิ่งเหล่านี้ได้


อันตรายจากแสงยูวี

อันตรายจากแสงแดด ต่อผิวหนัง

แสงแดดคือหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาผิวหนังได้หลายประการ เช่น

 

เป็นสิว

ผิวหนังเมื่อเผชิญแสงแดด อาจทำให้เกิดปัญหาผิวแห้งและกระตุ้นให้ผิวหนังผลิตน้ำมันขึ้นมาชดเชย ซึ่งมักทำให้เกิดปัญหารูขุขมขนและสิวเกิดขึ้นตามมาได้ รวมถึงปัญหารอยดำจากสิวที่จะเข้มขึ้นเมื่อเผชิญแสงแดด

 

ฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอย

แสงแดด เป็นตัวการที่ทำร้ายผิวอันดับต้นๆ หากไม่ใช้ครีมกันแดด อาจมีความเสี่ยงในการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมไปถึงริ้วรอยต่างๆ มากกว่าคนที่ทาครีมกันแดดอย่างชัดเจน

 

ผิวไหม้ แสบ ลอก (Sunburn)

ระดับของรังสียูวีในแดดที่เข้มข้นขึ้น อาจทำให้ผิวไหม้ แดง แสบ ลอก ส่วนใหญ่เกิดจากรังสียูวีบี มีลักษณะผิวสีแดง เจ็บและพุพอง อาการเหล่านี้อาจไม่ปรากฏขึ้นทันที อาจใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมง และเมื่อเกิดการสะสมเป็นเวลานานอาจส่งผลให้เกิดปัญหามะเร็งผิวหนัง หรือโรคผิวหนังอื่นๆ เช่น ฝ้า ผื่นแดงคันตามผิวหนัง

 

ปกป้องผิวกายจากแสงแดดได้อย่างไร

เมื่อต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นระยะเวลานาน จึงมีแนวทางการป้องกันเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยวิธีต่าง ๆ ได้ดังนี้


ปกป้องผิวจากรังสียูวี อัลตร้าไวโอเลต

1.สวมเครื่องแต่งกายให้มิดชิด

สีของเสื้อผ้า ประเภทเนื้อผ้า เช่น ควรเลือกสวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ปกป้องผิวหนังจากแสงแดด โดยอาจเลือกเนื้อผ้าที่มีคุณสมบัติป้องกันแสงแดด (UPF: UV Protection Factor) สีอ่อน เพื่อไม่ดึงดูดแสงแดด และเลือกเนื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย เพื่อให้ร่างกายระบายความร้อนได้ดียิ่งขึ้น

 

2.เลือกครีมกันแดด

การเลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะสมกับกิจกรรมและสภาพผิวของตนเอง สำหรับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 30 และ มีค่า PA+++ เพื่อช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB และเพื่อช่วยให้คุณปกป้องผิวได้มากกว่า


ครีมกันแดด ปกป้องรังสี UV ทุกมิติทั้ง UVA/UVB และ Hevis Light

สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาผิวหน้าเจาะจง แต่ต้องการปกป้องผิวที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพสูงในทุกๆวัน แนะนำครีมกันแดดเนื้อบางเบา สบายผิว อย่าง Eucerin Sun Protection Hydro Protect กันแดดที่สามารถปกป้องรังสี UV ทุกมิติทั้ง UVA/UVB และ Hevis Light ด้วยเทคโนโลยี Advanced Spectral Technology และผสาน Glycyrrhetinic acid ฟื้นบำรุง ระดับ DNA Protection และลดการทำร้ายผิวจากแสงแดด และมีเทคโนโลยี Hydro-tech Complex จึงเป็นกันแดดเนื้อน้ำ บางเบา ซึมซาบทันทีไม่เหนอะ ไม่อุดตัน แต่สามารถปกป้องรังสี UV อย่างมีประสิทธิภาพ


ครีมกันแดดที่ช่วยลดรอยฝ้าแดด กระ จุดด่างดำ

หรือเลือกใช้ Sun Spotless Brightening ครีมกันแดดที่ช่วยลดรอยฝ้าแดด กระ จุดด่างดำให้จางลง ด้วยสารสำคัญอย่าง Thiamidol เอกสิทธ์เฉพาะจากยูเซอริน ที่ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นใน 2 สัปดาห์ และปกป้องจากรังสีอัลตร้าไวโอเลตด้วย SPF50+ เนื้อบางเบาซึมซาบเร็ว และไม่อุดตันรูขุมขน


ครีมกันแดดที่ปกปิดรอยสีสิว ฝ้าแดด กระ ให้จางลง

หรือถ้าอยากปกปิดรอยสีผิว Sun Spotless Brightening CC Cream ครีมกันแดดที่ปกปิดรอยสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และมีสารลดรอยจุดด่างดำ ฝ้าแดด กระ ให้จางลง อย่าง Thiamidol และช่วยปกปิดรอยฝ้าแดดต่างๆระหว่างวัน ด้วยส่วนผสมเจลครีมสีเบจ ที่ปราศจากซิลิโคน ไม่อุดตันรูขุมขน ช่วยปกปิดรอยฝ้าและปกป้องผิวหน้าจากฝ้าแดดได้เป็นอย่างดี สามารถใช้แทนรองพื้นได้ก่อนแต่งหน้าได้

ครีมกันแดด คุมมัน

หรือถ้าผิวมันเป็นสิวแนะนำให้ใช้ SUN DRY TOUCH ACNE OIL CONTROL SPF50+ PA+++ ที่นอกจากจะปกป้องผิวจากรังสียูวีด้วย Broad Spectrum Oxidant Filter แต่ยังควบคุมความมันในรูขุมขนและลดความมันส่วนเกินที่เป็นต้นเหตุของสิวบนใบหน้า ได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมงด้วย L Carnitine ลดโอกาสเกิดสิวอุดตันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

3.เลี่ยงการเผชิญแสงแดดจัด

โดยเฉพาะเวลา 10.00-16.00 น. หากมีความจำเป็นให้ใช้อุปกรณ์เสริม เช่น หมวก แว่นตากัน UV รวมทั้งใช้คอนแทคเลนส์และเครื่องสำอางที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดได้ เช่น ลิปสติก หรือลิปบาล์มที่มีค่า SPF 15 เป็นอย่างน้อย

 

การทาครีมกันแดดให้มีประสิทธิภาพควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดราว 20 นาที และควรทาซ้ำทุก ๆ 80 นาที หรือบ่อยกว่านั้น หรือทาซ้ำหลังว่ายน้ำและเล่นกีฬา เนื่องจากน้ำและเหงื่ออาจละลายครีมกันแดดได้ โดยปริมาณของครีมกันแดดที่เหมาะสมสำหรับใช้ทาผิวหน้าคือขนาดครึ่งช้อนชา หรือประมาณ 2 ข้อ ของปลายนิ้วกลาง ส่วนบริเวณผิวกายให้ใช้ประมาณแก้ว 1 ช็อต จึงจะเพียงพอต่อการป้องกันแสงแดด

แสงแดด หรือรังสี UVA และ UVB มีทั้งคุณประโยชน์และส่งผลเสียต่อสุขภาพผิว การดูแลเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อลดการเกิดปัญหาผิวต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกทำร้ายจากแสงแดด เสริมความมั่นใจของคุณด้วยผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดจากยูเซอริน ในการปกป้องผิวหน้าและผิวกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณเต็มที่กับทุกกิจกรรมได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผิวเสีย

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง