วิธีดูแลผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ให้กลับมาแข็งแรง

อ่านแล้ว 2 นาที
แสดงบทความเพิ่มเติม

โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ปัญหาผิวที่สร้างความรำคาญใจให้กับคนทุกเพศทุกวัย โดยมีลักษณะเด่นคือผิวแห้งและอักเสบเป็นๆ หายๆ ซึ่งหนึ่งในโรคที่พบบ่อยที่สุด คือ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) ผู้ป่วยโรคนี้มักมีสภาพผิวที่อ่อนแอ บอบบาง แพ้ง่ายและมีผิวค่อนข้างแห้ง เนื่องจากความผิดปกติของเกราะปกป้องผิว จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะเชื้อ S.aureus ที่ทำให้ผิวหนังอักเสบ มีผื่นแห้ง แดงและคันมาก การเกาจะยิ่งทำให้อาการของโรคแย่ลง และส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก ที่อาจทำให้นอนหลับไม่สนิท

โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง คืออะไร

โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง (Chronic Dermatitis) คือ ภาวะของผิวหนังเกิดการอักเสบของผิว ที่เป็นๆ หายๆ เมื่อสัมผัสกับสารก่อนภูมิแพ้ หรือสารระคายเคืองต่างๆ รวมถึงไปถึงการติดเชื้อ และอาจมีอาการต่อเนื่องยาวนาน แตกต่างจากผิวหนังอักเสบเฉียบพลันที่เมื่อได้รับการรักษาแล้วจะหายเป็นปกติ มักเกิดจากเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ทำงานผิดปกติ ทำให้ผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ ทำให้ผิวเกิดอาการคัน แดง ไปจนถึงผิวแห้งแตก และง่ายต่อการถูกปัจจัยภายนอกเข้ามารบกวน ผิวจึงอ่อนแอ แพ้ง่าย และไวต่อปัจจัยกระตุ้นต่างๆ นำไปสู่วงจรของการอักเสบที่เกิดขึ้นซ้ำๆ

อาการแทรกซ้อนของโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังมีอะไรบ้าง

หากปล่อยโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังทิ้งไว้หรือไม่สามารถควบคุมการเกาได้ โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆได้

  • การติดเชื้อที่ผิวหนัง: เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุด การเกาจนเกิดแผลเปิดจะทำให้ เชื้อแบคทีเรีย (เช่น Staphylococcus aureus) ไวรัส หรือเชื้อราเข้าไปได้ง่าย สังเกตได้จากผื่นที่มีน้ำเหลืองเยิ้ม เป็นสะเก็ดสีน้ำผึ้ง หรือมีหนอง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
  • การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังอย่างถาวร:
    • ผิวหนังหนาด้าน (Lichenification): ผิวจะหนาตัว แข็ง และมีสีคล้ำขึ้นจากการเกาซ้ำๆ เป็นเวลานาน
    • รอยแผลเป็น: อาจเกิดแผลเป็นถาวรจากการเกาที่รุนแรง
    • สีผิวเปลี่ยนแปลง: ผิวอาจมีสีเข้มขึ้นหรือจางลงหลังจากการอักเสบหายไป
  • ผลกระทบต่อการนอนหลับ: อาการคันที่รุนแรงขึ้นตอนกลางคืนรบกวนการนอนหลับพักผ่อน
  • ผลกระทบต่อสุขภาพจิต: ความเครียดจากอาการเรื้อรังและผลกระทบต่อภาพลักษณ์ อาจนำไปสู่ภาวะวิตกกังวลหรือซึมเศร้าได้

สัญญาณและอาการของโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง

อาการของโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและความรุนแรงของโรค แต่โดยทั่วไปสามารถสังเกตอาการหลักๆ ได้ดังนี้

 

กลุ่มอาการอักเสบที่พบบ่อย

  • ผื่นแดง อาการคัน และการระคายเคือง: เป็นอาการเด่นที่สุด ผู้ป่วยจะรู้สึกคันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมักจะรุนแรงขึ้นในเวลากลางคืน บริเวณผิวหนังจะเป็นผื่นแดงอักเสบ
  • อาการแสบร้อนหรือเจ็บ: ในบริเวณที่มีการอักเสบมาก อาจรู้สึกแสบร้อนหรือเจ็บเมื่อสัมผัส

 

กลุ่มการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง

  • ผิวแห้งกร้านและลอกเป็นขุย: ผิวจะขาดความชุ่มชื้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผิวแห้งตึงและอาจลอกเป็นขุยสีขาว
  • ตุ่มน้ำหรือผื่นนูน: อาจมีตุ่มน้ำใสเล็กๆ หรือผื่นนูนแดงเกิดขึ้นบนผิวหนัง
  • ผิวหนังหนาและแข็ง (Lichenification): หากมีการเกาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ผิวหนังบริเวณนั้นจะหนาและแข็งขึ้น มีลักษณะคล้ายเปลือกไม้ และเห็นเส้นลายผิวชัดเจนขึ้น

 

กลุ่มอาการแทรกซ้อนจากการเกา

  • แผลและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ: อาการคันที่รุนแรงนำไปสู่การเกาจนผิวหนังถลอกและเกิดเป็นแผลเปิด ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ผิวหนังและเกิดการติดเชื้อซ้ำซ้อนได้

หากมีอาการเหล่านี้ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

บริเวณของผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบบ่อย

  • บริเวณข้อพับต่างๆ ข้อพับแขน ข้อพับขา คอ รักแร้ และขาหนีบ มักพบผื่นแดงคัน
  • แขนและขา อาจพบผื่นหรือตุ่มคันทั้งสองข้างหรือข้างเดียว รวมถึงตุ่มนูนตามรูขุมขน
  • ใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณแก้ม อาจพบเป็นดวงหรือวงขาว
  • ลำตัว สามารถพบผื่นหรือวงขาวได้เช่นกัน
  • ข้อศอกและเข่า มักพบผื่นคันสีแดงหรือน้ำตาล
  • มือและเท้า โดยเฉพาะนิ้วมือ นิ้วเท้า ฝ่ามือ และฝ่าเท้า อาจพบผื่นแดงลอกเป็นสะเก็ด
  • ริมฝีปาก มักมีอาการแดง แห้ง และลอกเป็นขุย

3 สาเหตุหลักต้นตอทำให้ผิวแห้ง ผิวอักเสบเรื้อรัง

ปัญหาผิวแห้ง และผิวหนังอักเสบที่เป็นเหตุให้ผิวเกิดอาการแดง เป็นผื่นและคันได้นั้นเกิดจากการที่สารสำคัญในผิวหลายตัวลดลง จนผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ภายในผิวได้ โดยต้นตอปัญหา มักเกิดจาก 3 สาเหตุดังนี้

  • การขาดสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ : Natural Moisturizing Factors ที่เรียกย่อๆ กันว่า NMFs หรือสารที่ช่วยจับและยึดเกาะความชุ่มชื้นให้ผิวตามธรรมชาติที่อยู่ในผิวมีปริมาณลดน้อยลง ส่งผลให้ความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้นลดลง ผิวจึงขาดความชุ่มชื้นและแห้งมากขึ้น
อาการคันแดง จากผิวหนังอักเสบเรื้อรัง

  • การลดลงของสารสำคัญในชั้นผิว: เกราะป้องกันผิวที่แข็งแรงประกอบด้วยสารสำคัญหลายชนิด เมื่อสารเหล่านี้ลดลงจะทำให้ผิวอ่อนแอลง
    • เซราไมด์ (Ceramides): ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวและช่วยยึดเซลล์ผิวให้เรียงตัวเป็นระเบียบ เมื่อเซราไมด์ลดลง เกราะป้องกันผิวจะอ่อนแอ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและถูกปัจจัยภายนอกทำร้ายได้ง่าย
    • โอเมก้า (Omega Fatty Acids): เป็นไขมันจำเป็นที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น การขาดโอเมก้า 3 และ 6 จะส่งผลให้ผิวแห้งลอกและเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
  • ช่องทางส่งน้ำในผิวน้อยลง : อควาพอริน (Aquaporin) คือเครือข่ายการส่งน้ำระหว่างเซลล์ผิว ซึ่งทำหน้าที่กระจายความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างทั่วถึง เมื่อช่องทางเครือข่ายนี้ลดลงหรือทำงานได้ไม่ดีพอจึงส่งผลให้ผิวแห้งขาดน้ำมากขึ้นได้

 

เมื่อสาเหตุหลักเหล่านี้ที่เป็นตัวการให้ผิวแห้งมากขึ้น ร่วมกับการถูกกระตุ้นจากปัจจัยภายในและภายนอก เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผื่นภูมิแพ้ หรือโรคเบาหวานที่มาจากภายในหรือจากอากาศแห้ง และรังสี UV ที่ทำร้ายผิวจากภายนอก ก็อาจเป็นตัวกระตุ้นให้ทวีความรุนแรงของปัญหาผิวเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อาการของโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังกำเริบขึ้นมาได้

การวินิจฉัยผิวหนังอักเสบเรื้อรัง

  1. ตรวจประวัติอาการของผู้ป่วยอย่างละเอียด รวมถึงลักษณะและตำแหน่งของผื่น
  2. สอบถามประวัติครอบครัว เนื่องจากโรคนี้มักมีความเกี่ยวข้องทางพันธุกรรม
  3. ตรวจร่างกายเพื่อประเมินลักษณะและความรุนแรงของผื่น
  4. ในบางกรณี อาจมีการทดสอบเพิ่มเติม เช่น การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง
  5. การประเมินผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
  6. การวินิจฉัยแยกโรคจากภาวะผิวหนังอักเสบชนิดอื่นๆ

 

หลังการวินิจฉัย แพทย์จะอธิบายเกี่ยวกับโรคและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ครีมสเตียรอยด์ ยาแก้แพ้ และการดูแลผิวอย่างเหมาะสม โดยเน้นย้ำความสำคัญของการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมอาการในระยะยาว

วิธีดูแลรักษาโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง

  • การรักษาด้วยยาทา การใช้สเตียรอยด์ทาบนผิวหนัง เพื่อใช้ลดอาการอักเสบและอาการคัน หรือการใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ อย่างการทาครีมที่มีส่วนผสมของ tacrolimus หรือ pimecrolimus แนะนำควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้ยาเท่านั้น
  • การรักษาด้วยการทานยาหรือการฉีดยา การทานยาสเตียรอยด์ ใช้ในกรณีที่มีอาการรุนแรง หรือการใช้ยาต้านภูมิคุ้มกันเช่น cyclosporine หรือ methotrexate แนะนำควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้ยาเท่านั้น
  • การดูแลผิวพรรณ การรักษาความสะอาดผิว การใช้สบู่ที่ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ หลีกเลี่ยงการถูหรือเกาเพราะอาจทำให้ผิวหนังอักเสบมากขึ้น และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง
  • การบำบัดด้วยแสง (Phototherapy) เป็นการใช้แสงอัลตราไวโอเลตทางการแพทย์ (UVB) ในการรักษาเพื่อลดการอักเสบเรื้อรังของผิวในผู้ป่วยบางราย

ข้อควรระวัง: การรักษาด้วยยาทุกชนิดจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลและสั่งจ่ายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

 

วิธีป้องกัน ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง เพียงแค่ตัดวงจรผิวแห้งคัน

แม้ว่าโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังหรือผื่นภูมิแพ้ผิวหนังจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้และมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูง แต่หัวใจสำคัญของการดูแลคือการ "ป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง" ซึ่งจะช่วยควบคุมอาการไม่ให้กำเริบและยืดระยะเวลาที่โรคสงบให้นานขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้วิธีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นและการอาบน้ำเป็นเวลานาน เพราะจะยิ่งชะล้างน้ำมันตามธรรมชาติที่เคลือบผิว ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย 8-9 แก้วต่อวัน เป็นการเติมความชุ่มชื้นให้กับเซลล์ผิวจากภายใน ช่วยให้ผิวโดยรวมแข็งแรงขึ้น
  • ใช้โลชั่นบำรุงผิวแห้งที่มีสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว (Moisturizer) เช่น เซราไมด์ อควาพอรน ยูเรีย ที่เหมาะสมกับอาการที่เป็น ทาบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะอยู่ในช่วงที่ผื่นเห่อหรือไม่ก็ตาม ซึ่งมีการศึกษาระบุว่าการใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างต่อเนื่องช่วยลดโอกาสในการกลับมาเป็นซ้ำ และสามารถลดการใช้ยาลงได้อีกด้วย
  • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ฝุ่น สารเคมี หรืออาหารที่อาจกระตุ้นอาการ จัดการความเครียดเพราะความเครียดสามารถทำให้อาการแย่ลงได้

เลือกใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้อย่างเหมาะสม

แม้ว่าจะมีสารเพิ่มความชุ่มชื้นในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผิววางจำหน่ายในท้องตลาดเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับเด็ก หรือผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือแม้แต่ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบเรื้อรังเป็นผื่นภูมิแพ้ ผื่นแพ้ผิวหนัง ควรเลือกสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ประกอบด้วยส่วนผสมที่อ่อนโยนและปลอดภัย ไม่ผสมสารปรุงแต่งอื่น ๆ ไม่มีน้ำหอมหรือพาราเบน ที่ก่อให้เกิดการะคายเคืองต่อผิว นอกจากการดูแลฟื้นบำรุงผิวในช่วงที่ผิวอักเสบ หรือมีผื่นแดงเห่อแล้ว เมื่อการสงบลงก็ควรเลือกสกินแคร์ดูแลผิวที่มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆ ในการดูแลปกป้องผิว มาช่วยใช้ในการดูแลและเต็มเติมสารสำคัญหลักในผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดโอกาสการกลับเป็นซ้ำของผิวหนังอักเสบเรื้อรังหรือผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

การดูแลผิวหนังอักเสบ ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นด้วยการใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นประจำสม่ำเสมอ นอกจากจะดีต่อสุขภาพผิวในคนทั่วไปแล้ว ยังช่วยลดการกลับมาเป็นซ้ำของผิวอักเสบเรื้อรัง ผื่นในผู้ป่วยโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้อีกด้วย ดังนั้นจึงสามารถลดการใช้ยาสเตียรอยด์ลงได้ในระยะยาว การเอาใจใส่ดูแลผิวให้มีความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

ผิวหนังอักเสบเรื้อรัง จากผิวที่แห้งขาดความชุ่มชื้น

แนะนำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหนังอักเสบเรื้อรังแพ้ง่าย

การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมช่วยในการตัดวงจรผิวแห้ง คัน และอักเสบเรื้อรัง สำหรับผู้ที่มีภาวะผื่นภูมิแพ้ผิวหนังและผิวบอบบางแพ้ง่าย ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อดูแลผิวอย่างครบวงจรตั้งแต่การทำความสะอาดไปจนถึงการบำรุงอย่างล้ำลึก

 

ขั้นตอนที่ 1: ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน พร้อมฟื้นบำรุงเกราะปกป้องผิว

การอาบน้ำเป็นขั้นตอนแรกที่อาจทำร้ายเกราะป้องกันผิวได้หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ควรเริ่มต้นด้วย Eucerin OMEGA ATO-CALMING BATH & SHOWER OIL ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวกายในรูปแบบออยล์ ที่จะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกอย่างอ่อนโยนโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง

  • ช่วยแก้ปัญหาอะไร: ตอบโจทย์โดยตรงกับปัญหาเกราะป้องกันผิวอ่อนแอ ด้วยส่วนผสมของ Omega-3 และ Omega-6 Fatty Acids ซึ่งเป็นไขมันจำเป็นที่ช่วยเติมเต็มและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้นทันทีหลังอาบน้ำ
  • ทำไมถึงควรใช้: ช่วยลดปัญหาผิวแห้ง คัน ระคายเคือง และป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับเป็นขั้นตอนแรกในการดูแลผิวอักเสบแพ้ง่ายในทุกๆ วัน
สบู่อาบน้ำสำหรับผิวอักเสบเรื้อรัง ลดผิวแห้งคัน

ขั้นตอนที่ 2: บำรุงผิว ลดการอักเสบและอาการคัน

หลังทำความสะอาด ควรทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทันทีเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวที่อ่อนแอ

สำหรับผิวที่กำลังอักเสบและมีอาการคันมาก:

แนะนำ Eucerin OMEGA ATO-CALMING BALM บาล์มบำรุงผิวเนื้อเข้มข้นแต่ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ

  • ช่วยแก้ปัญหาอะไร: มีสารสำคัญอย่าง Licochalcone A ที่ช่วยลดการอักเสบของผิวและบรรเทาอาการคันได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อม Ceramides ที่ช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวที่ถูกทำลาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่บทความกล่าวถึง
  • ทำไมถึงควรใช้: เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลปัญหาผิวแบบเร่งด่วนในช่วงที่ผื่นกำเริบ และสามารถใช้ต่อเนื่องเพื่อช่วยยืดระยะเวลาที่ผิวสงบให้นานขึ้น ลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยแม้ในผิวเด็กทารก
เมื่อผิวมีอาการคันมาก แนะนำให้ใช้บาล์มบำรุงผิว

สำหรับดูแลผิวแห้งมากเป็นพิเศษและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ:

แนะนำ Eucerin UREA REPAIR SOOTHING SCENT 5% UREA MOISTURIZING LOTION

  • ช่วยแก้ปัญหาอะไร: โลชั่นสูตรนี้ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวแห้งมากโดยตรง โดยการเติม Urea 5% ซึ่งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ (NMFs) ที่ผิวขาดหายไป พร้อมด้วย Ceramides และ NMFs อื่นๆ เพื่อฟื้นฟูผิวแบบครบวงจร
  • ทำไมถึงควรใช้: มอบความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างยาวนานถึง 48 ชั่วโมง ช่วยตัดวงจรผิวแห้งได้อย่างเด็ดขาด เมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหมาะสำหรับเป็นโลชั่นบำรุงประจำวันเพื่อรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันไม่ให้อาการกำเริบ
สำหรับผิวตัวที่แห้งมาก ควรป้องกันด้วยโลชั่น urea เพื่อเติมความชุ่มขื้นให้ยาวนานขึ้น

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) (7)

บทความเกี่ยวข้อง

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง